Phil Spencer ซีอีโอ Microsoft Gaming ให้สัมภาษณ์กับ Washington Post เรื่องการซื้อกิจการ Activision Blizzard ตอบคำถามที่หลายคนอยากรู้เรื่องการปลุกชีพเกมแฟรนไชส์เก่าๆ ของ Activision Blizzard กลับมาใหม่
Spencer บอกว่าเขาอยากเห็นเกมที่เขาชอบสมัยเด็กๆ กลับมาใหม่อีกครั้งอยู่แล้ว เมื่อกระบวนการซื้อกิจการเสร็จสมบูรณ์ เขาจะนำทีม Xbox ไปนั่งคุยกับทีมของ Activision Blizzard ว่ามีแฟรนไชส์ไหนบ้างที่น่านำกลับมาทำ ทีมไหนอยากทำเกมไหน และเขามีหน้าที่หาทรัพยากรมาผลักดันให้เกิดขึ้นได้จริง
ชื่อแฟรนไชส์ที่ Spencer เอ่ยถึงมี 3 เกมคือ King’s Quest, Guitar Hero และ HeXen แต่จริงๆ แล้ว Activision ยังมีเกมแฟรนไชส์อื่นๆ อีกมาก เช่น Crash Bandicoot, Spyro the Dragon, Tony Hawk เป็นต้น
Spencer ยังพูดถึงว่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายอื่นๆ อาจเข้ามาซื้อบริษัทเกมแล้วทำพังเพราะไม่มีประสบการณ์ แต่เขาไม่ห่วงการซื้อกิจการของบริษัทเกมรายใหญ่ๆ อย่าง Nintendo, Sony, Valve เพราะเข้าใจธุรกิจเกมเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
King’s Quest เป็นเกมผจญภัยกราฟิกยุคแรกๆ ที่พัฒนาโดย Sierra ซึ่งถูกซื้อโดย CUC Software ในปี 1996 จากนั้น CUC ถูกซื้อโดย Vivendi Games ในปี 2006 แล้วสุดท้าย Vivendi ควบรวมกับ Activision เป็น Actision Blizzard ในปี 2008
Guitar Hero เริ่มพัฒนาในปี 2005 โดยสตูดิโอ Harmonix (ภายหลังย้ายไปทำ Rock Band แทน ล่าสุดเพิ่งโดน Epic ซื้อกิจการเมื่อปี 2020) ก่อนขายสิทธิให้ Activision ในปี 2006 ซึ่งเกมภาคถัดๆ มาพัฒนาโดยสตูดิโอในเครือ Activision ก่อนหยุดพักการออกเกมใหม่ (ปัจจุบันสตูดิโอเหล่านั้นปิดหรือถูกยุบไปเกือบหมดแล้ว เหมือนเป็นคำสาบ)
HeXen รวมถึงเกมภาคก่อนหน้าคือ Heretic เป็นเกมยิงแนว FPS ยุค 90s ที่พัฒนาโดย Raven Software โดยได้รับการสนับสนุนจาก id Software เจ้าพ่อเกม FPS ยุคนั้น (ใช้ Quake Engine) หลังจากนั้น Raven Software ถูก Activision ซื้อกิจการในปี 1997 (ปัจจุบัน Raven Software ไม่ได้ทำเกมเองแล้ว แต่ช่วยทำ Call of Duty หลายๆ ภาค) เมื่อการซื้อกิจการเสร็จสิ้น id Software และ Raven Software จะกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันภายใต้ร่มเงาไมโครซอฟท์ เป็นไปได้ว่าเราอาจเห็น id Software มาทำ HeXen ใหม่อีกครั้ง
ที่มา - Washington Post