ไมโครซอฟท์โพสต์ข้อมูลผ่าน Windows IT Pro Blog เผยสถิติการทำงานของ Windows Update ที่เราไม่เคยรู้กันมาก่อนว่าระยะเวลาเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์มีผลต่ออัตราความสำเร็จในการติดตั้งอัพเดต
ไมโครซอฟท์พบว่าต้องรอหลังไคลเอนต์เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ค้างไว้ 2 ชั่วโมง และนับเป็นเวลาทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์รวมกันนาน 6 ชั่วโมงขึ้นไป (ตัวชี้วัดนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Update Connectivity) ถึงมีโอกาสอัพเดตสำเร็จสูง
สถิติของไมโครซอฟท์เองบอกว่าพีซีที่ไม่ได้อัพเดตนานๆ มักไม่ผ่านเกณฑ์ข้อนี้ ผลคือแพตช์ที่ติดตั้งเก่า และมักทำให้อัพเดตล้มเหลว หรืออธิบายง่ายๆ คือเครื่องที่มีค่า Update Connectivity ต่ำแปลว่าไม่ค่อยได้อัพเดตแพตช์ล่าสุดเท่าไรนัก
ไมโครซอฟท์แนะนำให้แอดมินองค์กรแจ้งให้ผู้ใช้พีซีทราบว่าควรเปิดเครื่องและต่อเน็ตทิ้งไว้บ่อยๆ จะเป็นผลดีมากกว่าปิดเครื่องเมื่อไม่ใช้งาน โดยองค์กรสามารถดูสถิติ Update Connectivity ได้จาก Microsoft Intune ซึ่งจะระบุตัวเลขนี้ของพีซีแต่ละเครื่องในองค์กร
ที่มา - Microsoft