คำตอบจากแอปเปิลให้กับ FCC กรณี Google Voice

by Zerothman
22 August 2009 - 06:33

จากที่เป็นข่าวกันมานานแสนนานเรื่องกรณีที่แอปเปิลปฏิเสธ Google Voice เข้าใน App Store เมื่อวานนี้ทางแอปเปิลได้ตอบคำถามที่ทาง FCC ถามไว้เมื่อต้นเดือน โดยประกาศไว้บนเว็บไซต์ของแอปเปิลแล้วครับ ซึ่งผมได้ทำการสรุปคร่าวๆ เป็นภาษาไทยได้ดังต่อไปนี้ครับ

1. ทำไมแอปเปิลจึงปฏิเสธโปรแกรม Google Voice สำหรับ iPhone รวมถึงนำโปรแกรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Google Voice ออกจาก App Store แล้วนอกเหนือจาก Google Voice แล้ว มีโปรแกรมอื่นๆ อีกไหมที่ถูกถอดหรือปฏิเสธจาก App Store โดยกรุณาระบุชื่อโปรแกรมพร้อมทั้งข้อมูลการติดต่อของนักพัฒนาโปรแกรมนั้นๆ

แอปเปิลระบุว่าจริงๆ แล้วแอปเปิลไม่ได้ปฏิเสธโปรแกรม Google Voice อย่างที่ทางสื่อต่างๆ ได้นำเสนอออกมา และยังคงอยู่ในระหว่างขั้นตอนการศึกษาโปรแกรมนี้อยู่ โปรแกรมนี้ยังไม่ได้รับการอนุมัติเนื่องจากโปรแกรมจะส่งผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ iPhone ด้วยอินเตอร์เฟซของการโทร, ส่งข้อความ หรือกล่องข้อความเสียง (voicemail) ที่อาจทับซ้อนและก่อให้เกิดความสับสนกับผู้ใช้ โดยทางแอปเปิลได้ยกตัวอย่างถึงกรณี Visual Voicemail ซึ่งโปรแกรม Google Voice จะโอนสายที่เข้ามาไปยังระบบฝากข้อความของ Google Voice ที่อาจทำให้ผู้ใช้สับสนว่าทำไมถึงไม่มีข้อความที่ควรจะมีอยู่ในหน้า Visual Voicemail ทั่วไปของ iPhone นอกจากนี้แล้วแอปเปิลยังพบว่าข้อมูลที่ติดต่อใน iPhone จะถูกอัปโหลดขึ้นสู่เซิร์ฟเวอร์ของกูเกิลโดยอัตโนมัติ ซึ่งทางแอปเปิลยังไม่ได้รับการยืนยันจากทางกูเกิลว่าข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำไปใช้อย่างถูกต้อง และนอกจากนี้แอปเปิลก็ยังให้รายชื่อและที่ติดต่อของโปรแกรมที่ถูกปฏิเสธในทำนองเดียวกันในประกาศนี้ด้วยครับ

อย่างไรก็ตามในตอนท้ายทางแอปเปิลได้ย้ำว่ายังคงศึกษา Google Voice อยู่อย่างต่อเนื่องถึงผลกระทบที่ส่งผลถึงประสบการณ์ของผู้ใช้ iPhone อย่างไรก็ตามทางกูเกิลมีอิสระอย่างเต็มที่ในการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชั่นสำหรับ iPhone ภายใต้แบรนด์ของกูเกิลเอง

2. การปฏิเสธโปรแกรม Google Voice นี้เป็นการกระทำของ Apple คนเดียว หรือทาง AT&T เกี่ยวข้องด้วย หากเป็นประการหลัง โปรดระบุว่ามีการสื่อสารอะไรเกิดขึ้นบ้างในกรณีของ Google Voice และมีเงื่อนไขข้อตกลงอะไรระหว่างแอปเปิลและ AT&T ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจครั้งนี้หรือไม่?

แอปเปิลระบุว่าเป็นผู้ดำเนินการเพียงคนเดียว และไม่ได้ติดต่อหรือปรึกษา AT&T ในเรื่องนี้แต่ประการใด และไม่มีข้อตกลงใดๆ ระหว่างทั้งสองที่ส่งผลต่อการดำเนินการของแอปเปิลในครั้งนี้

3. ทาง AT&T มีบทบาทอะไรในขั้นตอนการอนุญาตโปรแกรมใน App Store หรือไม่? ถ้าใช่แล้ว AT&T จะมีบทบาทอย่างไรในโอกาสไหน และมีการกำหนดบทบาทพิเศษในข้อตกลงสำหรับโปรแกรมบางโปรแกรมเป็นพิเศษหรือไม่?

แอปเปิลระบุว่าดำเนินการเพียงคนเดียวตลอด อย่างไรก็ตามมีข้อตกลงในสัญญาระหว่างทางแอปเปิลและ AT&T ว่าทางแอปเปิลจะป้องกันไม่ให้มีการใช้เครือข่ายของทาง AT&T ในการใช้งาน VoIP โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทาง AT&T ก่อน นอกจากนี้แล้วทางแอปเปิลยังพิจารณาถึงข้อตกลงการใช้งาน (Terms of Services) ของการใช้งานเครือข่าย AT&T โดยได้ยกตัวอย่างว่ามีการระบุไว้ชัดว่าผู้ใช้ไม่สามารถใช้เครือข่ายของ AT&T ในการรับข้อมูลโทรทัศน์ ดังนั้นทางแอปเปิลจึงจะปฏิเสธโปรแกรมที่ทำผิดต่อข้อตกลงการใช้งานของผู้ใช้เอง อย่างไรก็ตามแอปเปิลได้ระบุด้วยว่าทาง AT&T ได้มีการแจ้งมาทางแอปเปิลเป็นระยะๆ ถึงการใช้เครือข่ายที่มากผิดปกติที่อาจเกิดจากบางโปรแกรมหรือบางลักษณะการใช้งาน ซึ่งทางแอปเปิลก็ได้นำประเด็นนี้เข้าในการพิจารณาอนุมัติโปรแกรมต่างๆ ด้วย

4. กรุณาอธิบายความแตกต่างระหว่างโปรแกรม Google Voice ใน iPhone กับโปรแกรม VoIP อื่นๆ ที่แอปเปิลอนุญาตให้ใส่ใน App Store แล้ว และมีโปรแกรม VoIP เจ้าอื่นหรือไม่ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้เครือข่ายของ AT&T

แอปเปิลระบุว่าทางแอปเปิลไม่รู้ว่า Google Voice มีองค์ประกอบที่เป็น VoIP ในกระบวนการโอนสายและข้อความต่างๆ หรือไม่ หรือมีการใช้งานเครือข่าย 3G จากองค์ประกอบ VoIP ใน Google Voice หรือไม่ อย่างไรก็ตามแอปเปิลเคยอนุญาตโปรแกรม VoIP อื่นๆ ให้ใช้บน WiFi ได้ แต่ไม่ใช่บน 3G ของ AT&T เช่น Skype, Nimbuzz หรือ iCall

5. มีโปรแกรมอื่นๆ ไหมที่เคยถูกปฏิเสธจากแอปเปิล และเหตุผลคืออะไร? รวมถึงมีการทำรายการของโปรแกรมหรือประเภทที่จะถูกปฏิเสธให้กับทางผู้พัฒนาหรือไม่? รวมถึงข้อมูลเหล่านี้มีการเปิดเผยในเว็บไซต์ของ iTunes ให้กับผู้บริโภคทั่วไปทราบด้วยหรือไม่?

ในข้อนี้แอปเปิลระบุว่ามีเหตุผลร้อยแปดในการปฏิเสธโปรแกรม โดยหลักๆ จะคำถึงประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นหลัก โดยมีการยกตัวอย่างดังต่อไปนี้

  • Twittelator ถูกปฏิเสธเพราะโปรแกรมค้างในหน้าจอโหลด ซึ่งทางผู้พัฒนาก็ได้แก้ไขและได้รับอนุญาตให้เข้า App Store ในเวลาต่อมา
  • iLoveWiFi ถูกปฏิเสธเนื่องจากใช้โปรโตคอลที่ [undocumented] โดยที่ยังไม่มีการส่งโปรแกรมมาใหม่ในเวลาที่แอปเปิลตอบคำถามนี้
  • SlingPlayer Mobile ถูกปฏิเสธเพราะมีการสตรีมสัญญาณทีวีผ่านเครือข่ายของ AT&T ซึ่งผิดเงื่อนไขการใช้บริการ แต่หลังจากนั้นทางผู้พัฒนาก็แก้ไขให้ใช้บน WiFi เท่านั้นและได้รับการอนุมัติ
  • Lingerie Fantasy Video (Lite) ถูกปฏิเสธเนื่องจากมีเนื้อหาผู้ใหญ่ แต่หลังจากนั้นก็มีการแก้ไขและได้รับการอนุมัติพร้อมให้เรท 17+

แอปเปิลระบุอีกด้วยว่าในข้อตกลงที่ระบุอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรกับทางผู้พัฒนาบน iPhone ก็มีการระบุถึงประเภทโปรแกรมที่จะถูกปฏิเสธได้เช่นเดียวกัน (ดูเพิ่มเติมในที่มา)

6. อะไรคือมาตรฐานในการอนุมัติโปรแกรมต่างๆ บน iPhone และมีขั้นตอนอย่างไร? และมีโปรแกรมกี่เปอร์เซนต์ที่ถูกปฏิเสธจากแอปเปิล และส่วนใหญ่แล้วด้วยเหตุผลอะไร?

แอปเปิลระบุว่าจะมีการตรวจสอบทั้งโปรแกรม และข้อความทางการตลาดต่างๆ ที่จะถูกส่งขึ้นไปใน iTunes App Store โดยละเอียด สำหรับโปรแกรมนั้น แอปเปิลจะตรวจสอบว่ามีบั๊ก ปัญหาความไม่เสถียรที่อาจส่งผลถึงทั้งระบบ iPhone การใช้งานโปรโตคอลที่ไม่ได้รับอนุญาต ปัญหาทางด้านความเป็นส่วนตัว การป้องกันเยาวชนจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และโปรแกรมที่อาจส่งผลเสียหายถึงประสบการณ์ของผู้ใช้ iPhone โดยจะมีพนักงานเต็มเวลามากกว่า 40 คนในการตรวจสอบนี้ ซึ่งแต่ละโปรแกรมจะใช้คนอย่างน้อย 2 คนในการตรวจสอบโปรแกรมใดๆ โปรแกรมหนึ่ง รวมถึงทางแอปเปิลได้ตั้งคณะกรรมการพิเศษที่จะคอยพิจารณาเวลามีกรณีศึกษาใหม่ๆ เกิดขึ้นมาโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ปัจจุบันโปรแกรมประมาณ 20% จะถูกปฏิเสธพร้อมทั้งการระบุเหตุผล และโปรแกรมที่ส่งทั้งหมด (รวมที่เคยถูกปฏิเสธและแก้ไขมาใหม่) 95% ได้รับการอนุมัติใน 14 วัน

อันนี้เป็นการถอดความจากประกาศของทางแอปเปิลตรงๆ ซึ่งไม่ได้มีการวิเคราะห์หรือตรวจสอบแต่อย่างใดนะครับ ก็แล้วแต่ว่าใครจะคิดเห็นเป็นประการใด

อย่างไรก็ตามขอหมายเหตุสักเล็กน้อยว่าอาจจะมีแปลผิดบ้างนะครับ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ (เพราะเยอะมาก แถมบางช่วงก็แปลไม่ค่อยออก ไม่ค่อยแน่ใจ) ถ้าใครได้มีโอกาสอ่านที่มาแล้วพบว่ามีอะไรคลาดเคลื่อนก็ช่วยกันแก้ไขแล้วกันครับ

ที่มา - Apple

Blognone Jobs Premium