ความยั่งยืนสิ่งแวดล้อม: เป้าหมายสำคัญของระบบไอทีในยุคใหม่

by sponsored
19 September 2022 - 11:10

ปัญหา Climate Change ทำให้มีเสียงเรียกร้องให้องค์กรต่างๆ ใช้พลังงานอย่างรับผิดชอบมากขึ้นเรื่อยๆ และระบบไอทีก็เป็นส่วนสำคัญขององค์กรที่ใช้พลังงานสูงและต้องมีการปรับปรุงการใช้พลังงานให้คุ้มค่ายิ่งขึ้น

เมื่อดาต้าเซ็นเตอร์ใช้พลังงานมหาศาล และถือเป็นสัดส่วนใหญ่เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้พลังงานทั้งหมดขององค์กร ยักษ์ใหญ่ไอทีอย่างไอบีเอ็มจึงมองว่ากรีนไอทีจะสามารถช่วยองค์กรลดการใช้พลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตปริ้นท์ขององค์กรได้แล้ว ยังจะช่วยตอบโจทย์ท้าทายด้านความยั่งยืนขององค์กร

ผลสำรวจของ IBM Global CEO Study แสดงให้เห็นว่าซีอีโอถึง 48% มองว่าการปรับปรุงธุรกิจสู่ความยั่งยืนนั้นกลายเป็นภารกิจสำคัญที่สุดอันหนึ่งในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า แต่ซีอีโอเหล่านี้ก็พบว่าการปรับปรุงเช่นนี้ทำได้ยาก เพราะกรอบเวลาที่แคบ ไม่มีเทคโนโลยีที่ตอบสนองเงื่อนไขได้ชัดเจน พร้อมๆ กับเงื่อนไขว่าต้องขยายโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับธุรกิจไปได้พร้อมๆ กัน

ทุกวันนี้อุตสาหกรรมไอทีปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ระหว่าง 1.8%-3.9% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก และศูนย์ข้อมูลใช้พลังงานร่วมถึง 1% ของไฟฟ้าทั้งโลก การปรับปรุงระบบไอทีให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้งานชิ้นส่วนต่างๆ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมๆ กับเลือกใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนจึงเป็นความรับผิดชอบที่ฝ่ายไอทีขององค์กรสามารถช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนสิ่งแวดล้อมได้

คุณแอ็กเนส เฮฟท์เบอร์เกอร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของไอบีเอ็ม อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเกาหลี (IBM ASEANZK) เล่าว่า “วันนี้ความยั่งยืนเป็นหนึ่งในภารกิจที่มีความท้าทายสูงสุดของผู้บริหารทั้งในภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก เทคโนโลยีกรีนคอมพิวติ้งที่ช่วยลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมจึงทวีความสำคัญยิ่งขึ้น ดาต้าเซ็นเตอร์ใช้พลังงานมหาศาล แต่วันนี้เทคโนโลยีช่วยให้องค์กรสามารถลดการใช้พลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตปริ้นท์ขององค์กรได้แล้ว ยังจะช่วยตอบโจทย์ท้าทายด้านความยั่งยืนขององค์กรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว”

แนวทางการปรับปรุงให้โครงสร้างไอทีใช้พลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ไอบีเอ็มออกแบบ IBM LinuxONE Emperor 4 ที่คำนึงถึงการใช้งานพลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ก็เปิดโอกาสให้องค์กรสามารถขยายระบบไอทีรองรับการเติบโตธุรกิจได้อย่างทันท่วงที สามารถเปิดคอร์ซีพียูเอาไว้รองรับการ scale ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ไม่สร้างคาร์บอนฟุตปริ้นท์เพิ่มขึ้น ระบบมาพร้อมกับเครื่องมือมอนิเตอร์การใช้พลังงานตลอดเวลา

ไอบีเอ็มประเมินว่า IBM LinuxONE Emperor 4 ในชุดประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน จะสามารถรับโหลดของเซิร์ฟเวอร์ x86 ได้โดยใช้เซิร์ฟเวอร์จำนวนน้อยกว่า ทำให้กินพลังงานน้อยลงถึง 75% และใช้พื้นที่ศูนย์ข้อมูลลดลงถึง 50% เพราะเซิร์ฟเวอร์แต่ละเครื่องสามารถรองรับโหลดได้เทียบเท่ากับเซิร์ฟเวอร์ x86 ขนาด 2,000 คอร์

ในแง่ของความปลอดภัย IBM LinuxONE Emperor 4 รองรับแนวทางความปลอดภัยยุคใหม่เต็มรูปแบบ ภายในระบบมีการเข้ารหัสข้อมูล ทั้ง data-at-rest และ data-in-flight ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับการให้บริการทางการเงิน และในระบบยังติดตั้ง Crypto Express 8S Adapter สำหรับเร่งการเข้ารหัสด้วยอัลกอริทึม CRYSTALS-Dilithium ที่ NIST รองรับเป็นมาตรฐานแล้ว

การทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ที่องค์กรใช้งาน ยังเป็นอีกประเด็นที่ไอบีเอ็มให้ความสำคัญอย่างมาก IBM LinuxONE Emperor 4 มีพันธมิตรที่ซัพพอร์ตซอฟต์แวร์บนแพลตฟอร์มหลากหลาย ทั้ง MongoDB, NGINX, Sysdig และบริษัทอื่นๆ อีกจำนวนมาก รวมถึงรองรับการรัน Red Hat OpenShift สำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชั่นแบบ cloud native ได้อย่างสมบูรณ์

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมของ IBM LinuxONE Emperor 4 สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ IBM LinuxONE และสามารถคำนวณความคุ้มค่าด้วยตัวเองได้ที่ IBM LinuxONE TCO Calculator

Blognone Jobs Premium