ธนาคารแห่งประเทศไทยชี้แจงถึงกรณีที่ปปง. มีคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ต้องยืนยันตัวตนผู้ฝากเงิน ทำให้การใช้ตู้ฝากเงินอัตโนมัติ (CDM) ต้องใช้งานโดยมีบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตเสียก่อน โดยระบุว่ากระบวนการนี้เป็นการทำตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งทางปปง. ก็มีข้อชี้แจงออกมาวันนี้
สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากแนวทางนี้ ทางธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่ายังสามารถฝากเงินที่สาขา, ร้านสะดวกซื้อ, ไปรษณีย์, หรือช่องทางตัวแทนรับฝากเงินอื่นๆ และจากนี้จะเร่งให้ธนาคารรองรับกระบวนการยืนยันตัวตนรูปแบบอื่นๆ ทั้งบัตรประชาชน และการยืนยันตัวตนแบบไม่ใช้บัตร (cardless) โดยเร็วต่อไป
ที่มา - จดหมายข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย
(17 ต.ค) ธปท. ชี้แจงกรณีการปรับขั้นตอนการฝากเงินผ่านเครื่อง CDM ให้ต้องมีการยืนยันตัวตนผ่านบัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็ม และบัตรเครดิต
นางบุษกร ธีระปัญญาชัย ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายระบบการชำระเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงกรณีข่าวที่ธนาคารจะปรับขั้นตอนการฝากเงินผ่านเครื่อง CDM ซึ่งต้องมีการยืนยันตัวตนผ่านบัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิต ทุกครั้ง โดยจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป นั้น เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตามที่ ปปง. ได้มีข้อชี้แจงเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565
ทั้งนี้ การยืนยันตัวตนของผู้ทำรายการฝากเงินเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินมากขึ้น โดยธนาคารให้มีการยืนยันตัวตนผ่านเครื่อง CDM ของแต่ละธนาคาร สำหรับประชาชนที่ไม่มีบัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิต ทำให้ไม่สามารถฝากเงินที่เครื่อง CDM ได้ จะยังคงสามารถฝากเงินโดยใช้บัตรประชาชนผ่านช่องทางอื่นนอกเหนือจากฝากที่สาขาธนาคารได้ ได้แก่ ตู้เติมเงิน เคาเตอร์ของร้านสะดวกซื้อ ไปรษณีย์ และตัวแทนรับฝากเงินอื่นของธนาคาร ทั้งนี้ ธปท. จะเร่งให้ธนาคารพาณิชย์ดำเนินการพัฒนาระบบให้สามารถรองรับการยืนยันตัวตนรูปแบบอื่น ๆ เช่น การใช้บัตรประชาชน หรือการยืนยันตัวตนในลักษณะ cardless เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนทุกกลุ่มโดยเร็วต่อไป