เก็บตกจากการเปิดตัว iPad Pro ที่ใช้ชิป Apple M2 ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หนึ่งในแอปพลิเคชันที่เปิดตัวพร้อมกันกับ iPad Pro รุ่นนั้น นั่นก็คือ DaVinci Resolve สำหรับ iPad
DaVinci Resolve ถือเป็นซอฟต์แวร์สำหรับงานด้านการตัดต่อวิดีโอ ทั้งการตัดต่อ, การปรับแต่งสี (color grading) ทั้งแบบปกติและ HDR ที่เป็นจุดเด่นสำคัญของซอฟต์แวร์นี้, การใส่เอฟเฟกต์ (ผ่านชุดเครื่องมือ Fusion) และการควบคุมเสียงที่ใช้ในวิดีโอ (ผ่านชุดเครื่องมือ Fairlight) จากจุดเด่นทั้งหมดที่กล่าวมา ทำให้ซอฟต์แวร์นี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในวงการภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์
โดย Blackmagic Design บริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และกล้องสำหรับงานโปรดักชันขั้นสูงที่พัฒนาซอฟต์แวร์ตัวนี้ กล่าวว่า DaVinci Resolve สำหรับ iPad จะรองรับการทำงานในด้านการตัดต่อและการปรับแต่งสีเป็นหลัก (ว่าง่าย ๆ ก็คือ ไม่มีชุดเครื่องมือ Fusion และ Fairlight) รวมถึงรองรับการเปิดไฟล์วิดีโอที่ใช้ฟอร์แมต H.264, H.265, Apple ProRes (ซึ่ง iPad Pro ที่ใช้ชิป Apple M2 สามารถถ่ายวิดีโอเป็นไฟล์ฟอร์แมตนี้ได้) และ Blackmagic RAW
นอกจากนี้ DaVinci Resolve สำหรับ iPad ยังรองรับการเปิดไฟล์ DaVinci Resolve เวอร์ชั่น 18 และการแก้ไขวิดีโอพร้อมกันแบบออนไลน์ (ผ่านระบบ Blackmagic Cloud ที่ต้องใช้เครื่อง Blackmagic Cloud Store ในการใช้งานฟีเจอร์นี้)
DaVinci Resolve สำหรับ iPad ยังรองรับฮาร์ดแวร์สำหรับการตัดต่อวิดีโอในหน้าตัดต่อวิดีโอ ที่ Blackmagic Design ผลิตเอง เช่น DaVinci Resolve Speed Editor รวมถึงรองรับคุณสมบัติด้าน AI และ deep learning (เช่น การจดจำใบหน้า) ซึ่งเปิดตัวพร้อมกับ DaVinci Resolve Studio เวอร์ชัน 18 บนเดสก์ท็อป โดยเวอร์ชั่น iPad นั้น จะใช้หน่วยประมวลผล Apple Neural Engine ในชิป Apple Silicon ในการประมวลผลส่วนนี้ควบคู่ไปด้วย (ทั้งนี้ ฟีเจอร์ด้าน AI และ deep learning ยังคงจำกัดที่เวอร์ชั่นเสียเงินอยู่เช่นเคย)
ซึ่ง Blackmagic Design คุยว่า จากคุณสมบัติทั้งหมดที่ว่ามา ทำให้ DaVinci Resolve สำหรับ iPad ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอที่ลดระดับลงมา (แบบที่ Adobe ทำกับ Premiere Rush)
DaVinci Resolve สำหรับ iPad จะเปิดให้ดาวน์โหลดผ่าน App Store ภายในปีนี้ (ไตรมาส 4 ของ 2022) โดยตัวแอปจะเปิดให้ดาวน์โหลดฟรี (เช่นเดียวกับบนเดสก์ท็อป) สำหรับผู้ใช้ iPadOS 16 เป็นต้นไป แต่ถ้าหากต้องการฟีเจอร์ที่มากขึ้น (เช่น ฟีเจอร์ด้าน AI และ deep learning หรือการปรับแต่งสีแบบ HDR ขั้นสูง) สามารถอัปเกรดเป็น DaVinci Resolve Studio สำหรับ iPad ได้ผ่านระบบ in-app purchase (แต่ยังไม่ระบุราคา)
ที่มา: Blackmagic Design