เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Elon Musk ใช้เวลาราว 20 นาทีเพื่อพูดคุยสื่อสารกับพนักงานของ Twitter ทั้งหมดโดยตรงเป็นครั้งแรก โดยเนื้อหาในการพูดครั้งนี้มีทั้งเรื่องสถานะของบริษัทที่ต้องการเงินอย่างมากเพื่อไม่ให้บริษัทเข้าไปสู่จุดเสี่ยงที่จะล้มละลาย รวมถึงไอเดียการเปลี่ยน Twitter ให้เป็นธนาคารออนไลน์
ไม่กี่วันมานี้เราเห็นข่าวสารพัดการเปลี่ยนแปลงของ Twitter ที่คิดปุ๊บทำปั๊บ หลายอย่างเป็นข่าวที่ชัดเจนว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อลดค่าใช้จ่ายลงและหาเงินเข้าบริษัทให้ได้มากขึ้น เช่น การปลดพนักงานจำนวนมาก, การสั่งทีมวิศวกรให้ลดค่าใช้จ่าย infrastructure ให้ได้ปีละ 1 พันล้านดอลลาร์, การปรับราคา Twitter Blue (แต่กลายเป็นว่าสูญเสียรายได้โฆษณาแล้วตอนนี้ดันขาดทุนกว่าเดิม), การออกไอเดียเก็บเงินผู้ใช้งานทุกคน ซึ่ง Musk ระบุว่าที่ต้องทำเช่นนี้เพราะรายได้ Twitter จากค่าโฆษณาลดลงไปมาก
อย่ากระนั้นเลย Musk เลยเล่าไอเดียให้พนักงานฟังว่าน่าจะปรับปรุง Twitter เพื่อให้บริการทางการเงินแบบธนาคารดีกว่า
ผมคิดว่าบริการชำระเงินคือโอกาสในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และอันที่จริงบริการชำระเงินนี่มันเป็นแค่การแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเท่านั้นเอง จากข้อมูลในตอนนี้, มันไม่ได้มีอะไรต่างกันมากมายเลยระหว่าง-ยกตัวอย่างนะ-การส่ง DM กับการจ่ายเงิน มันคือเรื่องเดียวกันเลย ในแง่หลักการ, คุณจะใช้ระบบ DM พวกนั้นมาทำเป็นระบบจ่ายเงินก็ได้ ฉะนั้นนั่นล่ะคือทิศทางที่เราจะเดินหน้าไปแน่นอน, เปิดช่องให้ผู้ใช้ Twitter โอนเงินไปที่ไหนในโลกก็ได้ในทันที เราแค่ต้องทำให้มันใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
Musk ยังมีแชร์ไอเดียต่อว่าบริการทางการเงินที่ว่าไม่ได้จำกัดอยู่แค่การโอนเงินหากันระหว่างผู้ใช้งาน Twitter เท่านั้น แต่ยังมีบริการทางการเงินอื่นๆ ด้วย
ถ้าเพียงแค่คุณมีบัญชี Twitter ที่สามารถทำให้มันมีค่าเป็นบวกหรือเป็นลบได้, แล้วในตอนที่มันเป็นบวก, อัตราดอกเบี้ยก็ดีกว่าที่ไหนๆ ที่คุณจะได้รับ, แล้วตอนที่มันเป็นลบ, ดอกเบี้ยก็ต่ำกว่าที่คุณเห็นจากที่อื่น, คราวนี้คุณก็ได้ระบบที่เรียบง่ายขึ้นมาละ
จากนั้นคุณเพิ่มบัตรเดบิตเข้าไปในบัญชี Twitter คราวนี้คุณก็จะได้ระบบที่สามารถทำงานเชื่อมโยงย้อนหลังมาหาระบบการจ่ายเงินที่มีอยู่ก่อนได้เพราะไม่ใช่ทุกคนจะยอมรับ Twitter ฉะนั้นแล้วหากเมื่อไหร่พวกเขามีตัวเลขในบัญชีเกินค่าสักค่าหนึ่ง, คุณก็ส่งบัตรเดบิตไปให้พวกเขาได้เลย คุณต้องการระบบการทำงานที่ย้อนกลับมาทำงานร่วมกับระบบพื้นฐานด้านการเงินของเดิม
ในอเมริกา, มันยังมีกลุ่มคนเล็กๆ ที่ยังใช้เช็คอยู่ สมมติว่าเจ้าของบ้านเช่าของคุณต้องการให้คุณส่งเช็คให้, คุณจะต้องมีเช็คอยู่บ้าง คราวนี้เราจะส่งเช็คนิดหน่อยพวกนี้ไปให้คนที่เค้าต้องการ แล้วจากนั้นคุณก็เพิ่มระบบจ่ายเงินอัตโนมัติเข้าไป พอเวลาผ่านไป, คุณก็แค่ค้นหาว่าอะไรคือบรรดาสิ่งที่คุณต้องการจากระบบการเงิน แล้วเมื่อไหร่ที่คุณพบทุกอย่างที่ค้นหานั้นแล้ว, ตอนนั้นล่ะเราก็จะเป็นสถาบันทางการเงินของผู้คน
อนึ่งต้องไม่ลืมว่า Musk นั้นเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นประธาน X.com ขึ้นในปี 1999 ซึ่งบริษัทดังกล่าวให้บริการทางการเงินแบบออนไลน์และการจ่ายเงินผ่านอีเมล และเขายังเคยเป็นซีอีโอของ Paypal ในปี 2000 (ในสมัยที่เพิ่งรวมบริษัทกับ X.com ใหม่ๆ และยังใช้ชื่อว่า X.com เป็นชื่อหลัก) ซึ่งทั้ง 2 ครั้งเขาโดนให้ออกจากตำแหน่งภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี
การพูดคุยระหว่าง Musk และกลุ่มพนักงาน Twitter ในครั้งนี้ยังมีหัวข้อการสนทนาอื่นๆ ทั้งเรื่องนโยบายการทำงานที่บ้าน, เรื่องการนำแอป Vine กลับมาใหม่, ทิศทางการพัฒนาแพลตฟอร์ม Twitter เปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง TikTok และ YouTube, ประเด็นฟีเจอร์เครื่องหมายถูกของบัญชีผู้ใช้งาน, การเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน ฯลฯ สามารถอ่านรายละเอียดการพูดคุยครั้งนี้แบบเต็มๆ ได้ที่นี่
ที่มา - The Verge ผ่าน Ars Technica