รีวิว Dell Adamo: โน้ตบุ๊กที่มีไว้ให้ "ตกหลุมรัก"

by lew
20 September 2009 - 16:30

ผมไม่ได้คิดคำโปรยบนหัวเองนะครับ แต่คำว่า Adamo นั้นแปลว่า "ตกหลุมรัก" จริงๆ น่าเสียดายว่ากว่าจะได้ Adamo มาทดสอบนั้นก็ค่อนข้างยาวนานถึงหกเดือนหลังการเปิดตัว เล่นเอาประกาศลดราคากันไปแล้วหนึ่งรอบ แถมยังมีรุ่นใหม่จ่อๆ ว่าจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้?

ด้วยความเป็น geek ที่บ้าของใหม่เสมอ ตอนผมได้โน้ตบุ๊กตัวนี้มาทดสอบเลยตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะมีใครสนมั๊ยนี่ แต่พอกลับบ้านแล้วยกไปให้น้องสาวผมดู ประโยคแรกที่ได้มาคือ

ถ้าซื้อให้นะ จะถือไปเรียนแบบไม่ใส่ซอง...

ผมคิดใหม่กับการรีวิวครั้งนี้ทันที สิ่งที่ Adamo ให้กับผู้ใช้ได้ไม่ใช่ซีพียูรุ่นใหม่, RAM DDR3 หรือ WiFi 802.11n แต่มันเป็นเสียงถามจากระยะไกลของสาวๆ ที่กระซิบกันว่า "อุ๊ยเธอ นั่นมันโน้ตบุ๊กรุ่นอะไรน่ะ?"

Adamo

ตอนที่ Adamo เปิดตัวแม้จะเป็นหลังจากที่ MacBook Air เปิดตัวไปแล้วถึงหนึ่งปี แต่หลายๆ คนก็พอรู้อยู่ในใจว่ามันเกิดมาเพื่อให้เป็น I'm a PC ของโน้ตบุ๊กรุ่นบางเบา ในเรื่องเบานั้นน้ำหนัก 4 ปอนด์หรือ 1.8 กิโลไม่ใช่อะไรที่ชนะ MabBook Air สักเท่าใหร่ แต่เรื่องความบางนั้น Adamo มีความได้เปรียบที่มันบางเท่ากันตลอดเครื่อง ทำให้จัดช่องใส่ของได้ง่ายมาก ถ้าจะเอาใส่กระเป๋าอื่นที่อาจจะไม่ใช่กระเป๋าโน้ตบุ๊ก

ความบางเทียบกับไขควงนาฬิกา

เทียบกับ... โน้ตบุ๊กยี่ห้อหนึ่งที่ผมใช้ทุกวัน (ฝุ่นเขรอะ น่าอนาถมาก)

เนื่องจากผมไม่ใช่คนเชี่ยวชาญเรื่องความงามนัก เท่าที่ผมรีวิวได้คงเป็นเรื่องของคีย์บอร์ด คีย์บอร์ดที่ให้มาไม่ใช่แบบ chiclet ตามโน้ตบุ๊กบางๆ ทั่วไป แต่เป็นคีย์บอร์ดสปริงปรกติที่สัมผัสค่อนข้างดีมาก มันมาพร้อมกับความสามารถในการเรืองแสง ซึ่งดูจะเป็นเรื่องปรกติของโน้ตบุ๊กที่พยายามทำให้สวยไปแล้ว

ข้อเสียอย่างหนึ่งในการใช้งานที่หลายคนที่ผมลองยกเครื่องนี้ให้ใช้คือ บริเวณที่วางมือก่อน spacebar นั้น ตัวถังไม่ได้ลาดลงตามแบบโน้ตบุ๊กทั่วไป ทำให้เวลาสัมผัสแล้วจะแปลกๆ ว่ามือวางถูกตำแหน่งหรือไม่ ตรงนี้เข้าใจว่าเป็นข้อจำกัดของตัวถังเองที่บีบให้บางกว่านี้ไม่ได้แล้ว

คีย์บอร์ด

สำหรับเรื่องพอร์ตนั้น ดูเหมือนจะเป็นความสามารถที่ทั้ง Adamo และ ThinkPad X300 พยายามโชว์กันเสมอๆ คือมันมีพอร์ต 3 x USB, 1 x eSATA (แชร์กับ USB), 1 x 3.5mm และ 1 x mini-DVI พอร์ตไม่ได้มากมายเช่นโน้ตบุ๊กทั่วไป แต่กับผู้ใช้ทั่วไปแล้วพอร์ตจำนวนเท่านี้ก็น่าจะพอให้ไม่ต้องพก USB hub

พอร์ต

อีกเรื่องที่ผมไม่ชอบใจเท่าใหร่นัก คือขนาดของอแดปเตอร์ที่ไม่เล็กอย่างที่หวัง แต่ถ้าเรื่อง "บาง" นี่หลายๆ คนคงชอบกัน


สำหรับเรื่องจอนั้น สำหรับผมแล้วจอกระจกก็ยังคงเป็นจอกระจกครับ มันมีข้อดีที่ contrast ratio นั้นจะสูงกว่าจอด้านอย่างชัดเจน ทำให้สีขับออกมาได้เข้มกว่ามาก แต่แสงสะท้อนก็เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับกันไป อันนี้ถ้าจะซื้อใช้งานแนะนำว่าให้หาโอกาสลองใช้เครื่องจริงสักครั้งว่ายอมรับได้ไหม

ตัวเครื่องนั้นเป็น screwless เปิดด้วยไขควงไม่ได้ครับ แต่ผมตาซนไปเห็นสลักแบบในรูปข้างล่างอยู่สามรู เข้าใจว่าถ้าปลดล็อกออกทั้งหมดก็จะเปิดเครื่องมาซ่อมบำรุงได้ ถ้าเครื่องไม่แพงผมคงซนงัดไปแล้ว แต่เครื่องนี้ขอผ่าน ไม่มีเงินไปใช้เค้า

รูปสุดท้ายนี่ขอนึดนึง เอาตราอินเทลกับวินโดวส์ออกผมว่าจะดู geek น้อยลงอีกหน่อยนะ

บทสรุป

ผมไล่เป็นข้อๆ นะครับ เริ่มจากข้อดี

  1. สาวมองครับ ถ้าซื้อให้สาวผมว่า 9/10 อยากได้แบบไร้คำอธิบาย
  2. คีย์บอร์ดดีกว่าโน้ตบุ๊กทั่วไปแบบพอรู้สึกได้ว่ามันแพง และเรืองแสง!
  3. 1.8 กิโลเบาพอถึงเครื่องเปล่าๆ อวดไปไหนมาไหน
  4. ผมลองใช้งานได้ประมาณ 3.5 ชั่วโมง อันนี้คงแล้วแต่คนกันไป
  5. พอร์ตเยอะ พอใช้งานโดยไม่ต้องมี hub

ข้อเสีย

  1. แบตเปลี่ยนไม่ได้ ถอดซ่อมไม่ได้ เพิ่มแรมไม่ได้
  2. จอกระจก ไม่มีให้เลือกแบบอื่น
  3. แพงพอควร Adamo Admire นั้น 95,000 บาท ส่วน Adamo Desire นั้น 120,000 บาท!!! (ยังไม่รวม VAT 7%) ตรงนี้อาจจะเป็นเพราะไม่มีการทำตลาดอย่างเป็นทางการในเมืองไทย ราคาเลยแพงขนาดนี้ เพราะในต่างประเทศนั้นราคาแค่ 1,499-1,799 ดอลลาร์เท่านั้น คูณยังไงก็คงไม่ได้ราคานี้
  4. จะไปพรีเซนต์งานต้องอย่าลืมพกสายแปลงจอภาพไปด้วย

บทสรุปสำหรับโน้ตบุ๊กตัวนี้คงเหมาะกับคนที่สนใจในเรื่องความประทับใจแรกเห็นมากๆ และต้องการใช้งานพีซีเป็นหลัก และอาจจะเพิ่มความแตกต่างจากคนอื่นเข้าไปด้วย เพราะเท่าที่ผมรู้ตอนนี้ ถือ Adamo เดินเข้าร้านกาแฟยังไงซะคงไม่เจอคนซ้ำรุ่นกับคุณแน่ๆ

สุดท้ายแถมภาพจากเดลล์ที่ผมไม่มีทางถ่ายได้สวยเท่า

,

Blognone Jobs Premium