หนังสือพิมพ์ Financial Times รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า ดีล Elon Musk ซื้อบริษัท Twitter มูลค่า 44 พันล้านดอลลาร์ ที่มีสัดส่วนเงินกู้ถึง 13 พันล้านดอลลาร์จากธนาคารหลายแห่ง ทำให้บริษัทมีภาระหนี้สูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี และกำหนดการจ่ายดอกเบี้ยงวดแรกอาจเป็นช่วงสิ้นเดือนมกราคมนี้ (ยังไม่แน่ชัดว่างวดแรกต้องจ่ายเท่าไร)
หนี้ 13 พันล้านดอลลาร์เป็นภาระหนี้ของตัวบริษัท Twitter โดยตรง ซึ่งสถานการณ์รายได้ของบริษัทที่ลดลงอย่างมาก ทำให้บริษัทอยู่ในภาวะตัดสินใจยากว่าจะเอาตัวรอดจากการจ่ายหนี้อย่างไร
ไม่ว่า Twitter จะเลือกทางใด ปัญหาอีกอย่างคืออัตราดอกเบี้ยที่กำหนดโดยธนาคารกลางยังถือว่าอยู่ในระดับสูง (เมื่อเทียบกับช่วงที่ Musk เริ่มกระบวนการกู้เงินมาซื้อกิจการ) ทำให้ต้นทุนการเงินของ Twitter แพงขึ้นกว่าเดิมมาก สวนทางกับมูลค่าบริษัท Twitter ที่ตกลงมาก จากเดิม 44 พันล้านดอลลาร์ตอนซื้อ นักวิเคราะห์ประเมินว่ามูลค่าตอนนี้อยู่ราว 15 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น (สรุปสั้นๆ คือ ซื้อของมาแพง ของราคาตก แต่ดอกเบี้ยดันพุ่ง)
Financial Times ยังให้ข้อมูลว่าตอนนี้ Musk กำลังเจรจากับเจ้าหนี้ เพื่อขอเปลี่ยนเงินกู้แบบไม่มีหลักประกัน (unsecured debt) มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมีดอกเบี้ยแพง 11.75% มาเป็นเงินกู้แบบมีหลักประกันที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า โดยใช้หุ้น Tesla ของเขามาค้ำประกันแทน อย่างไรก็ตาม Musk ใช้หุ้น Tesla จำนวน 63% ของที่มีอยู่มาค้ำประกันอยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งหุ้น Tesla เองก็มีมูลค่าต่ำลงมาในช่วงหลัง
ที่มา - Financial Times