[ไม่ยืนยัน] Twitter ต้องจ่ายหนี้งวดแรกสิ้นเดือนมกราคม, ถ้าไม่มีจ่ายอาจต้องยื่นขอล้มละลาย

by mk
17 January 2023 - 12:57

หนังสือพิมพ์ Financial Times รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า ดีล Elon Musk ซื้อบริษัท Twitter มูลค่า 44 พันล้านดอลลาร์ ที่มีสัดส่วนเงินกู้ถึง 13 พันล้านดอลลาร์จากธนาคารหลายแห่ง ทำให้บริษัทมีภาระหนี้สูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี และกำหนดการจ่ายดอกเบี้ยงวดแรกอาจเป็นช่วงสิ้นเดือนมกราคมนี้ (ยังไม่แน่ชัดว่างวดแรกต้องจ่ายเท่าไร)

หนี้ 13 พันล้านดอลลาร์เป็นภาระหนี้ของตัวบริษัท Twitter โดยตรง ซึ่งสถานการณ์รายได้ของบริษัทที่ลดลงอย่างมาก ทำให้บริษัทอยู่ในภาวะตัดสินใจยากว่าจะเอาตัวรอดจากการจ่ายหนี้อย่างไร

  • ทางเลือกแรกคือยอมจ่ายหนี้ ตอนนี้บริษัทมีกระแสเงินสดในมือราว 1 พันล้านดอลลาร์ (ตัวเลขจาก Musk ระบุเอง) ข้อเสียของวิธีนี้ย่อมเป็นการที่กระแสเงินสดในมือลดลง อาจไม่มีเงินพอสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องจ่ายทันที เช่น เงินเดือนพนักงาน
  • ทางเลือกที่สองคือขายหุ้นบางส่วนออกไปเพื่อหาเงินสดมาใช้หนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Musk พยายามทำอยู่ แต่ยังไม่ชัดว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ และ Musk อาจต้องขายหุ้นออกในราคาต่ำกว่าทุนที่ซื้อมา
  • ทางเลือกที่สามคือไม่จ่ายหนี้ (default) และจบด้วยยื่นขอล้มละลายเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ จากนั้นเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อลดปริมาณหนี้ลง ข้อเสียคือกระบวนการนี้ยาวนานและมีค่าใช้จ่ายมหาศาล อีกทั้ง Musk จะเสียอำนาจควบคุมบริษัท เพราะจะอยู่ภายใต้กระบวนการฟื้นฟูของศาลล้มละลายแทน และหุ้นในส่วนของ Musk มูลค่าราว 26 พันล้านดอลลาร์อาจลดมูลค่าลงไปมาก
  • ทางเลือกที่สี่คือ Musk อาจเจรจากับธนาคารเจ้าหนี้ ควักเงินส่วนตัวขอซื้อหนี้ของบริษัทมาเอง และถ้าพลิกกิจการกลับมาได้สำเร็จ ก็สามารถแปลงหนี้ส่วนนี้กลับมาเป็นหุ้นของบริษัทในสัดส่วนที่มากขึ้นได้ ข้อเสียของวิธีนี้คือเขาต้องยอมควักเงินเพิ่ม และธนาคารต้องยอมขายหนี้ในราคาที่ต่ำลงให้ Musk สามารถซื้อได้ด้วย

ไม่ว่า Twitter จะเลือกทางใด ปัญหาอีกอย่างคืออัตราดอกเบี้ยที่กำหนดโดยธนาคารกลางยังถือว่าอยู่ในระดับสูง (เมื่อเทียบกับช่วงที่ Musk เริ่มกระบวนการกู้เงินมาซื้อกิจการ) ทำให้ต้นทุนการเงินของ Twitter แพงขึ้นกว่าเดิมมาก สวนทางกับมูลค่าบริษัท Twitter ที่ตกลงมาก จากเดิม 44 พันล้านดอลลาร์ตอนซื้อ นักวิเคราะห์ประเมินว่ามูลค่าตอนนี้อยู่ราว 15 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น (สรุปสั้นๆ คือ ซื้อของมาแพง ของราคาตก แต่ดอกเบี้ยดันพุ่ง)

Financial Times ยังให้ข้อมูลว่าตอนนี้ Musk กำลังเจรจากับเจ้าหนี้ เพื่อขอเปลี่ยนเงินกู้แบบไม่มีหลักประกัน (unsecured debt) มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมีดอกเบี้ยแพง 11.75% มาเป็นเงินกู้แบบมีหลักประกันที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า โดยใช้หุ้น Tesla ของเขามาค้ำประกันแทน อย่างไรก็ตาม Musk ใช้หุ้น Tesla จำนวน 63% ของที่มีอยู่มาค้ำประกันอยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งหุ้น Tesla เองก็มีมูลค่าต่ำลงมาในช่วงหลัง

ที่มา - Financial Times

Blognone Jobs Premium