เรื่องของความเป็นกลางในการใช้เครือข่าย (Network Neutrality) กำลังเป็นประเด็นร้อนที่ถกเถียงกันในกลุ่มอุตสาหกรรมการสื่อสารในสหรัฐฯ เมื่อ FCC ได้พยายามผลักดันที่จะออกข้อบังคับให้ผู้บริการเครือข่ายต่างๆ ไม่ให้ปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลหรือใช้แอพพลิเคชันต่างๆ อย่างการจำกัดความเร็ว P2P เป็นต้น โดย Julius Genachowski ประธานกรรมการของ FCC ได้ออกมาประกาศถึงหลักการ 6 ข้อของการให้บริการอินเทอร์เน็ต ได้แก่
แน่นอนว่าด้วยวิสัยทัศน์ของ Google เองย่อมเห็นด้วยกับหลักการดังกล่าวนี้ และสนับสนุนให้มีการบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้แล้วก่อนหน้านี้ Google ยังเคยได้ขอให้ FCC บังคับให้ผู้ให้บริการเครือข่ายที่ได้รับอนุญาตในการใช้งานย่านความถี่ 700 MHz เปิดให้ใช้แอพพลิเคชัน อุปกรณ์ บริการ หรือเครือข่ายใดๆ ก็ตามที่ผู้บริโภคต้องการ ซึ่งทาง FCC เองก็ได้รับไปพิจารณาในส่วนของแอพพลิเคชันและอุปกรณ์ แต่ปฏิเสธในส่วนของบริการและเครือข่าย
แต่แล้ว AT&T ก็ได้โต้กลับใส่ Google โดยหาว่ามือถือสากปากถือศีล เพราะ Google เองก็มีการปิดกั้นการให้บริการ Google Voice เช่นเดียวกัน
เรื่องราวนี้มีอยู่ว่า ในสหรัฐฯ ได้มีข้อบังคับให้ผู้บริการโทรศัพท์ต้องมีการเชื่อมต่อสัญญาณให้ครบทุกพื้นที่โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การลงทุนสร้างเครือข่ายโทรศัพท์ไปยังพื้นที่ที่ห่างไกลต้องใช้ต้นทุนจำนวนมาก ในขณะที่รายได้จากการให้บริการก็น้อยกว่าการให้บริการในพื้นที่ใจกลางเมือง เป็นเหตุผลทำให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์ส่วนใหญ่ ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เป็นจำนวนมาก แต่ Google ได้อ้างว่าบริการ Google Voice ของตนเองไม่ใช่บริการโทรศัพท์แบบดั้งเดิม จึงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อบังคับนี้ และปัจจุบัน Google Voice ก็ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้โทรศัพท์ไปยังเลขหมายในพื้นที่ห่างไกลเหล่านี้ เนื่องจากมีต้นทุนในการเชื่อมต่อสัญญาณที่สูงกว่าปกติ
AT&T จึงได้เรียกร้องต่อ FCC ว่าหากจะมีการบังคับเหล่าผู้ให้บริการโทรศัพท์แข่งขันในส่วนของบริการอินเทอร์เน็ตอย่างเป็นธรรม ก็ขอให้บังคับ Google ให้แข่งขันในตลาดโทรศัพท์อย่างเป็นธรรมด้วยเช่นกัน