พรรคเพื่อไทยออกมาชี้แจงนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ของพรรค 10 ข้อ ระบุว่านโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ได้สร้างเงินสกุลใหม่ แต่เปรียบเทียบว่าเป็น "คูปอง" ที่มีเงื่อนไขการใช้งานโดยระบบบล็อกเชน
ในโพสต์ยังระบุว่าใช้ "ระบบบล็อกเชนที่มีความปลอดภัยสูงสุด" สูงกว่าระบบที่ใช้ในปัจจุบัน แต่ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมว่าเป็นระบบอย่างไร
เมื่อวานนี้ในเวที 101 Policy Forum: นโยบายเศรษฐกิจในสนามเลือกตั้ง ของ The101.world นายเผ่าภูมิยังตอบคำถามเรื่องนโยบายนี้ ว่าจะช่วยสร้างการเข้าถึงด้านการเงิน (financial inclusive) เพราะประชาชนทุกคนที่มีบัตรประชาชน จะมีบัญชีกระเป๋าเงินดิจิทัลของตัวเอง มี "key ของตัวเอง" ซึ่งต่างจากระบบบัญชีเงินฝากธนาคารในปัจจุบัน ที่ยังมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงของคนบางกลุ่ม
ส่วนในแง่ความยากของการใช้งาน นายเผ่าภูมิบอกว่าบล็อกเชนทำให้สิ่งที่เคยยากนั้นง่ายขึ้น ขอแค่โทรศัพท์มือถือของฝั่งผู้รับ ผู้จ่ายใช้บัตรประชาชนอย่างเดียวและ QR code ของตัวเองในการจ่าย
นายเผ่าภูมิย้ำว่านโยบายนี้ไม่ใช่การแจกจ่ายเงิน แต่ขอให้มองว่าเป็นการลงทุนเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อคนที่เดือดร้อนจากโควิด
ช่วงที่นายเผ่าภูมิพูดถึงนโยบายกระเป่าเงินดิจิทัล ประมาณนาที 45
เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และกรรมการ เลขานุการ โฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ชี้แจงเพิ่มเติม 10 ประเด็น “กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ดังนี้
1. กระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ใช่คริปโตเคอเรนซี่ ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ แต่เป็นเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไปในนั้น เพื่อนโยบายการคลังที่ตรงจุด สามารถเอามาแลกเป็นเงินบาทได้ทุกเมื่อ
2. เหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ในกระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่มีความเสี่ยง ไม่มีการเก็งกำไร ไม่มีการถูกทุบ ไม่มีการขาดทุน ไม่มีการสร้างมูลค่า ไม่สามารถแลกเปลี่ยนด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นได้ ไม่มีราคาตก-ราคาขึ้น เพราะทุกเหรียญมีค่าเท่าเงินบาทเสมอ รับประกันโดยรัฐบาล
3. กระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่มีผลกระทบใดๆทั้งสิ้นต่อความมั่นคงของระบบการเงิน ไม่เกี่ยวกับทุนสำรองระหว่างประเทศ เพราะไม่ใช่การสร้างสกุลเงินใหม่
4. กระเป๋าเงินดิจิทัล เงิน 10,000 บาท ลงถึงมือประชาชนทุกคน (16 ปี ขึ้นไป) ทุกบาททุกสตางค์ ใช้จ่ายจริง ซื้อของได้จริง ไม่มีการสูญหายของงบประมาณ ตรวจสอบได้ทุกธุรกรรมตลอดเส้นทาง
5. กระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่ใช่กรณีเดียวกับ Bitcoin Luna USDT ตามมีผู้กล่าวอ้าง เหล่านั้นออกโดยเอกชนและมุ่งหมายเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน กระเป๋าเงินดิจิทัลคือเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไป ออกโดยรัฐบาล ไม่ใช่สกุลเงินคู่ขนานกับเงินบาท
6. กระเป๋าเงินดิจิทัลไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชนตามที่มีผู้กล่าวอ้าง ไม่เกี่ยวกับการซื้อบริษัท ไม่เกี่ยวกับการฟอกเงิน ไม่เกี่ยวกับการลงทุน เป็นข้อกล่าวอ้างที่ไม่ได้อยู่บนฐานของข้อเท็จจริง ทั้งหมดใช้งบประมาณจากภาครัฐและโอนตรงถือมือประชาชนทุกคน (16 ปีขึ้นไป) ง่ายๆและตรงไปตรงมา
7. กระเป๋าเงินดิจิทัลกระตุ้นเศรษฐกิจระดับหมู่บ้าน ระดับชุมชน ในตลาด สร้างธุรกรรมระหว่างรายย่อย ตรงข้ามกับวิธีเดิมที่ต้องซื้อในร้านใหญ่หรือกลุ่มทุน
8. กระเป๋าเงินดิจิทัล ใช้ระบบ Blockchain มีความปลอดภัยสูงสุด สูงกว่าระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รู้เส้นทางการเงินทุกธุรกรรม รู้ผู้รับ รู้ผู้จ่าย เป็นระบบที่มีความโปร่งสูงสุด ตรวจสอบได้ทุกธุรกรรม
9. กระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อ ปัจจุบันระดับกำลังซื้อของประเทศตกต่ำ เศรษฐกิจตกต่ำกว่าศักยภาพมาก สภาวะดังกล่าวไม่นำสู่เงินเฟ้อที่เกิดจากอุปสงค์ได้ รวมทั้งกระเป๋าเงินดิจิทัล สามารถจัดสรรเงินจากงบประมาณ ไม่มีการขึ้นอัตราภาษีใดๆ
10. พรรคเพื่อไทยสนับสนุน Central Bank Digital Currency (CBDC) และเดินหน้าพัฒนาร่วมกันธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นแพลตฟอร์มเปิดสำหรับทุกคน เพื่อยกระดับระบบการเงินของประเทศเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล
ส่วนนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ได้ไปร่วมเวทีที่ จ.นครราชสีมา และบอกว่าบล็อกเชนสามารถป้องกันการทุจริตได้ แต่ยังไม่สามารถอธิบายได้ในตอนนี้