ผมเห็นว่าตอนนี้กระแสเรื่อง touch กำลังมาแรง ในงาน Windows 7 Blogger Day ที่ผ่านมาก็มีพูดถึงเรื่องนี้เป็นเรื่องหลักเลยทีเดียว หลายคนที่ได้เห็นเทคโนโลยีนี้ก็เกิดอาการที่จะอยากลองใช้และลองเล่นดู แต่ก็ติดปัญหาว่าคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถนี้ราคาสูงมาก
พอดีผมได้มีโอกาสไปงานเปิดตัวของ tablet รุ่นใหม่จากทาง Wacom ในวันนี้และได้เขียนรายงานบรรยากาศและพรีวิวคร่าว ๆ กับตัว Bamboo รุ่นใหม่ ซึ่งเป็น tablet สำหรับผู้ใช้ทั่วไปลงในบล็อกของผม ซึ่งเจ้า Bamboo รุ่นใหม่นี้ได้นำเทคโนโลยี touch ที่ได้รับความนิยมมารวมกับเทคโนโลยี Pen Tablet ของทาง Wacom เอง ผมคิดว่านี้คือโซลูชั่นที่จะทำให้ผู้ใช้หลายคนได้ลองประสบการณ์ touch ได้ง่ายขึ้น (แน่นอน ในราคาที่ซื้อหามาใช้กันอย่างไม่ยากเย็นนัก) ผมขอนำส่วนของการพรีวิว Bamboo มาแชร์ให้เพื่อน ๆ ใน Blognone ได้อ่านกันครับ
Bamboo รุ่นใหม่นี้เป็นผลผลิตของ Wacom ที่ได้ค้นคว้าวิจัยเรื่องเทคโนโลยี touch เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และเทคโนโลยีนี้ก็ถูกนำมาใส่ไว้ใน Bamboo รุ่นใหม่นี้ ก่อนที่จะพูดถึงตัวสินค้า ผมขอพูดตัวเทคโนโลยี touch ของทาง Wacom ก่อน เพราะผมคิดว่าในไม่ช้าต้องมีบริษัทคอมพิวเตอร์เจ้าอื่นนำ (ซื้อ) ไปใช้แน่นอน และเราจะได้เห็น Tablet PC ที่ touch ได้ หรือใช้ touchpad ที่เอาปากกาเขียนได้ครับ
Wacom Bamboo ตัวใหม่นี้ทาง Wacom ได้นำเทคโนโลยีการ touch เข้ามาใส่ไว้ในตัว ซึ่งเทคโนโลยีที่ทาง Wacom ใช้ในส่วนของ touch นั้นเรียกว่า Reversing Ramped Field Capacitive หรือ RRFC ซึ่งตัว RRFC ของ Wacom นั้นคล้ายกับตัว Capacitive touch ของบริษัทอื่น แต่ที่ทำให้ Wacom แตกต่างนั้นคือทาง Wacom นั้นใช้ glass sensor คู่กับชิ้นส่วน ASIC ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ใช้ใน Pen Tablet ของตนเอง และการทำงานเกือบทั้งหมดนั้นเป็น Digital
ข้อได้เปรียบของ RRFC ได้แก่
สำหรับข้อมูลทางด้านเทคนิคเพิ่มเติมสามารถอ่านได้จากที่นี้ครับ
นอกจากเรื่อง touch แล้ว Bamboo ตัวใหม่ก็ได้ปรับปรุงความสามารถต่าง ๆ จากตัวเก่าดังนี้ครับ
ส่วนที่ตัดออกไป
สำหรับความสามารถด้าน touch นั้น ตัว Bamboo สามารถรองรับ touch ได้สูงสุดสองจุด โดยเราสามารถที่จะทำ muti-touch ได้บนตัว tablet เลย ซึ่งข้อได้เปรียบของการทำ multi-touch บน tablet คือขนาดพื้นที่ที่ใหญ่กว่า ทำให้เราสามารถทำท่าทางได้ง่ายกว่าครับ Bamboo นั้นรองรับ touch function ทั้งหมด 9 อย่างด้วยกัน ได้แก่
และฟังก์ชั้น touch ที่ว่ามาสามารถใช้ร่วมกับปากกาได้ด้วยพร้อมกัน สำหรับใครอ่านแล้วนึกภาพไม่ออกเชิญดูตัวอย่างได้ที่นี้ครับ
ทาง Wacom นั้นได้แบ่ง Bamboo ออกเป็น 4 รุ่น เพื่อผู้ใช้กลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
Bamboo “a touch of inspiration”
เป็นรุ่นมาตรฐานของ Bamboo มีขนาด 4” x 6” (Size S) สามารถใช้ touch และปากกาได้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้ระบบ touch และปากกา, digital ink, แต่งภาพ และคนที่ต้องการ tablet ขนาดเล็ก พกพาง่าย
Bamboo Fun “a touch of creativity”
เป็น Bamboo ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ 6” x 8” (Size M) สามารถใช้ touch และปากกาได้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้ระบบ touch และปากกา และเอาไปใช้งานวาดรูป, แต่งภาพ ฯลฯ
Bamboo Touch “a touch of simplicity”
เป็น Bamboo ขนาด Size S มีเพียงระบบ touch อย่างเดียว สำหรับคนที่ต้องการจะใช้ touch อย่างเดียว รุ่นนี้ไม่มีที่ใส่ปากกา (เพราะใช้ปากกาไม่ได้)
Bamboo Pen “a mark of personality”
เป็น Bamboo ขนาด 4” x 6” (Size S) ที่มีแค่ระบบปากกาเพียงอย่างเดียว สำหรับคนที่ต้องการจะใช้ปากกาอย่างเดียว หรือผู้มีงบประมาณจำกัด รุ่นนี้ปากการับน้ำหนักได้แค่ 512 ระดับและไม่มี ExpressKeys
ผมได้ลองเล่น Bamboo Fun ประมาณ 10 นาที โดยวาดรูปแบบเขี่ย ๆ เอาใน Corel Painter Essentials 4 บน Mac OS X (ขออภัยหากรูปไม่สวย) พอสรุปได้คร่าว ๆ ดังนี้ครับ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นรายงานบผลการลองใช้ Bamboo คร่าว ๆ ผมเสียดายที่มีโอกาสลองแป๊บเดียว ถ้าผมได้มาลองนานกว่านี้ คงจะได้ลองความสามารถของมันมากกว่านี้ เช่น Bamboo Mini และ Bamboo Dock และการนำไปใช้กับระบบ touch ที่อยู่บน Windows 7
สุดท้ายนี้ ใครที่ลังแลอยู่ว่าจะเอา Bamboo ไปวาดรูป แล้วยังเลือกไม่ได้ว่าจะเอาตัวใหม่หรือตัวเก่า ผมแนะนำ Bamboo ตัวใหม่ครับ ใหม่กว่า สดกว่า ราคาถูกกว่าตัวเก่าหน่อยนึงครับ ส่วนใครที่อยากลองเทคโนโลยี touch แต่รับราคาของคอมพิวเตอร์ที่มี touch มาให้ไม่ไหว Bamboo ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่คุ้มค่าในการเพิ่มระบบ touch แก่คอมพิวเตอร์ของคุณครับ ถ้าผมมีโอกาสได้จับตัวเป็น ๆ อีกครั้ง จะเอามารีวิวแบบหนัก ๆ ให้อ่านกันครับ