AMD เปิดตัวเทคโนโลยีอัพสเกลภาพ FidelityFX Super Resolution 3 (FSR 3.0) เวอร์ชันอัพเกรดจาก FSR 2.0 ที่เปิดตัวช่วงต้นปี 2022
ของใหม่ใน FSR 3.0 คือเทคนิคการสร้างเฟรม AMD Fluid Motion Frames (AFMF) เวอร์ชันใหม่ โดยนำข้อมูลจากเกม เช่น motion vector มาสร้างเฟรมเพิ่มเติมเพื่อให้ได้เฟรมเรตที่สูงขึ้นอีกขั้น (เทียบกับ FSR 2.0 ที่ใช้เทคนิคสร้างเฟรมอีกแบบอยู่แล้ว) เทคนิคของ FSR 3.0 ออกแบบมาให้สร้างเฟรมได้โดยไม่กระทบกับ UI ของเกมด้วย (แยกส่วน UI overlay ออกมาต่างหาก ไม่เกิดปัญหาสร้างเฟรมใหม่แล้ว UI เพี้ยน)
ตัวเลขของ AMD โชว์ประสิทธิภาพของเกม Forspoken แบบ 4K รันบน Radeon 7900 XTX ตัวท็อปสุด ถ้าไม่เปิด FSR 3 ได้เฟรมเรตเพียง 53 FPS, เปิด FSR แบบ Quality ได้ 137 FPS และถ้าเปิดแบบ Performance ได้ 175 FPS หรือเฟรมเรตเพิ่มขึ้นสูงสุด 3.3x
นอกจากโหมด Quality แบบปกติแล้ว ของใหม่อย่างที่สองคือโหมดคุณภาพสูงแบบพิเศษเรียกว่า Native Anti-Aliasing (Native AA) โดยโหมดนี้จะไม่อัพสเกลภาพเลย แต่ใช้การทำ AA คุณภาพสูงเพื่อให้ภาพคมชัดขึ้นจากเดิม ตัวเลขของ AMD ที่เปิดโหมด Native AA + Frame Generation ทำเฟรมเรตได้ 85 FPS เทียบกับการเปิด Native AA อย่างเดียว เหลือ 49 FPS
ของใหม่อย่างที่สามใน FSR 3.0 คือ AMD Radeon Anti-Lag+ ช่วยลด latency ทำให้เกมตอบสนองดีขึ้นกว่าเดิม โดยการ์ด Radeon ซีรีส์ 7000 จะได้ใช้แบบ Anti-Lag+ ที่ลด latency ได้ดีกว่า แต่ถ้าเป็นการ์ดรุ่นเก่าหน่อยคือ Radeon RX 6000 ลงไปจะเป็น Anti-Lag ตัวธรรมดา
เทคนิค FSR ของ AMD สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ machine learning เหมือนฝั่ง NVIDIA DLSS ทำให้สามารถใช้กับการ์จอได้ทุกค่าย ข้อมูลของ AMD บอกว่าถ้าต้องการทำอัพสเกลภาพอย่างเดียว ขอเป็น Radeon RX 590/GeForce GTX 10 ขึ้นไป, ถ้าต้องการอัพสเกล+สร้างเฟรมด้วย ขอเป็น Radeon RX 5700/GeForce RTX 20 ขึ้นไป
สองเกมแรกที่จะรองรับ FSR 3.0 คือ Forspoken และ Immortals of Aveum จะเริ่มเล่นได้ในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง ส่วนเกมอื่นที่ประกาศชื่อแล้วได้แก่ Cyberpunk 2077, Avatar Frontiers of Pandora, Frostpunk 2, Like a Dragon: Infinite Wealth เป็นต้น