มีประเด็นเพิ่มเติมจากการไต่สวนคดีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ฟ้องกูเกิลเรื่องผูกขาดธุรกิจเสิร์ช โดยตัวแทนของกูเกิลนำคลิปวิดีโอการสัมภาษณ์ Mitchell Baker ซีอีโอ Mozilla มาใช้โต้แย้งข้อกล่าวหาเรื่องผูกขาด
ในคลิปนั้น Baker บอกว่าตอนที่ Mozilla ตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้เสิร์ชของยาฮูในปี 2014 ตามข้อเสนอของ Marissa Mayer ซีอีโอยาฮูเวลานั้น โดยบอกว่าเป็นการเดิมพันร่วมกับ Mozilla แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือความล้มเหลว เพราะเสิร์ชของยาฮูทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้ Firefox แย่ลงมาก
กูเกิลใช้ข้อมูลนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าการที่เบราว์เซอร์เปลี่ยนค่าเริ่มต้นของผู้ให้บริการเสิร์ช สามารถส่งผลเสียในมุมลูกค้าได้ แม้ผู้ใช้งานจะเปลี่ยนการตั้งค่าเสิร์ชเองได้ จึงไม่ควรมองกรณีของกูเกิลเป็นการผูกขาด แต่ฝั่งตัวแทนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ มองว่าเงินที่กูเกิลจ่ายให้กับพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ ถึง 26,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2021 เพื่อให้เป็นเสิร์ชค่าเริ่มต้นบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็กีดกันการแข่งขันและโอกาสของคู่แข่งอื่นเช่น Bing ของไมโครซอฟท์ หรือ DuckDuckGo
ยาฮูจ่ายเงินให้ Mozilla อย่างน้อย 375 ล้านดอลลาร์ต่อปี เพื่อให้เป็นเสิร์ชค่าเริ่มต้นใน Firefox สูงกว่าตัวเลขที่กูเกิลเสนอมูลค่า 276 ล้านดอลลาร์ แต่ผลตอบรับไม่ดีนัก ซึ่งเชื่อว่ามีส่วนทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเบราว์เซอร์ของ Firefox ลดลงต่อเนื่อง จากที่เคยสูงสุด 32% ในสหรัฐอเมริกา ทำให้ Firefox เปลี่ยนกลับมาใช้กูเกิลในปี 2017
Baker บอกเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้งานต้องการใช้กูเกิลมากกว่า และปัจจุบัน Mozilla ก็รับเงินจากกูเกิลเพื่อเป็นเสิร์ชพื้นฐานใน Firefox ต่อไปด้วย แต่ไม่ได้เปิดเผยมูลค่า บอกเพียงสูงกว่าที่กูเกิลเคยจ่ายช่วงก่อนย้ายมาใช้ยาฮู และยอมรับว่า Mozilla ก็ศึกษาแนวทางหากต้องเปลี่ยนไปใช้เสิร์ชอื่นเช่น Bing อยู่ตลอด เพื่อประเมินทางเลือกที่เหมาะสม