นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยดีลการเจรจานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จากการเดินทางไป ฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดการลงทุนในไทยจากบริษัท AWS, Microsoft, WD (Western Digital) และ Google ลงทุนในไทยด้วยมูลค่ามากกว่า 100,000 ล้านบาทต่อบริษัท
Amazon Web Services ลงทุนลงทุนเทคโนโลยีคลาวด์ AI, ML, data analytics, IoT และลงทุน Data Center โดยก่อสร้าง AWS Asia Pacific (Bangkok) Region มูลค่า 5 พันล้านเหรียญ สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของภาครัฐ และช่วยสร้างแรงงานที่มีทักษะสูงที่ประเทศไทยกำลังขาดแคลน โดยทีมงาน Blognone เคยสัมภาษณ์คุณวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ของ AWS ประเทศไทยเรื่องการเปิดรีเจี้ยนในไทยมาแล้ว
Microsoft ได้ลงนาม MOU กับรัฐบาลไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศไทย รวมทั้งช่วยปรับปรุงบริการสาธารณะผ่านการเปลี่ยนแปลงบริการรัฐบาลเป็นอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมให้ไทยเตรียมใช้กลไก Utility Green Tariff (UGT) เพื่อรองรับการใช้พลังงานสะอาด ทำให้บริษัทได้ใช้พลังงานหมุนเวียนผ่านโครงข่ายไฟฟ้าของรัฐในอัตราค่าบริการที่เหมาะสม โปร่งใส และเป็นธรรม
Google ได้ลงนาม MOU กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (MDES) ตั้งศูนย์ข้อมูลในไทย นับเป็นแห่งที่ 4 ในบริเวณภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และเป็นแห่งที่ 11 ของโลก และเริ่มโครงการนำ AI มาใช้งานในภาครัฐ ฝึกทักษะแรงงานด้าน AI และทักษะขั้นสูงในด้านอื่น ๆ โดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือ ส.ส.เท้ง ได้ระบุผ่าน X ว่าการตั้งศูนย์ข้อมูลเป็นดีลเก่าที่ขาดความชัดเจนจากรัฐบาลชุดก่อนเรื่อง Cloud-first Policy ทาง Google จึงยังไม่ได้เข้ามาลงทุนเมื่อ 2-3 ปีก่อน
นอกจากนี้ นายเศรษฐา ทวีสินระบุผ่าน X เพิ่มเติมว่า Western Digital ตัดสินใจขยายการลงทุนเพิ่มกับประเทศไทย (จากปัจจุบันที่ก็มีโรงงานในไทยอยู่แล้ว) และได้ชวน Walmart ให้จัดซื้อสินค้าท้องถิ่นของไทยไปขายในร้านขายปลีกของ Walmart มากขึ้น
รูปภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน จากเว็บไซต์รัฐบาลไทย
ที่มา - Royal Thai Government, X[1] และ X[2]