ผู้บริหารระดับสูงของ Blizzard อย่างน้อยสองคน ได้แก่ Mike Ybarra ประธานบริษัทและผู้บริหารสูงสุดของ Blizzard กับ Allen Adham ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายออกแบบ (chief design officer) และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Blizzard ด้วย ลาออกจากบริษัทไปพร้อมกับการปลดพนักงานสายเกมมิ่งชุดใหญ่ 1,900 คนของไมโครซอฟท์
Ybarra โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ว่าขอบคุณพนักงาน Blizzard ทุกคน และขอบคุณผู้เล่นที่ให้การสนับสนุน แต่หลังจากนี้เขาจะมีสถานะเป็นแฟนเกมของ Blizzard ที่เฝ้ามองอยู่ข้างนอกแทน
สถานะของ Ybarra นั้นค่อนข้างพิเศษในเคสนี้ เพราะเขาเป็นพนักงานของไมโครซอฟท์มายาวนาน 19 ปี (2000-2019) เคยอยู่ในทีมพัฒนา Windows ก่อนย้ายมาอยู่ทีม Xbox จากนั้นถึงย้ายไปอยู่กับ Blizzard ในปี 2019 และได้ขึ้นมาอยู่ตำแหน่งสูงสุดของ Blizzard ในปี 2021 มีโอกาสบริหาร Blizzard ในช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่เมื่อไมโครซอฟท์กลายมาเป็นเจ้าของ Blizzard เขาก็ตัดสินใจลาออกจากไมโครซอฟท์เป็นรอบที่สอง
Matt Booty ประธานฝ่ายคอนเทนต์เกมที่รับผิดชอบสตูดิโอทั้งหมดของไมโครซอฟท์ ระบุในอีเมลภายในว่าจะแต่งตั้งประธาน Blizzard คนใหม่ในสัปดาห์หน้า
เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2023 กลุ่มผู้บริหารของ Activision Blizzard หลายคน รวมถึงซีอีโอ Bobby Kotick ก็ประกาศลาออกจากบริษัทหลังการควบกิจการเสร็จสิ้นด้วย ถือเป็นการผลัดใบทั้งฝั่งของ Activision และ Blizzard ภายใต้เจ้าของใหม่
Mike Ybarra ต้อนรับ Phil Spencer ตอนมาเยี่ยมสตูดิโอ Blizzard เมื่อเดือนตุลาคม 2023 - ที่มา
ส่วน Allen Adham เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Blizzard คนสุดท้ายที่ยังอยู่กับบริษัท โดยผู้ร่วมก่อตั้งอีก 2 คนคือ Michael Morhaime ลาออกในปี 2018 ไปตั้งสตูดิโอใหม่ Dreamhaven ในปี 2020 และ Frank Pearce ลาออกในปี 2019 เท่ากับว่าตอนนี้ Blizzard ไม่มีผู้ก่อตั้งเหลืออยู่แล้ว
นอกจากนี้ Booty ยังประกาศว่า Blizzard ยกเลิกโครงการพัฒนาเกมใหม่แนว survival ที่เปิดตัวในปี 2022 โดยจะย้ายทีมงานไปยังโครงการเกมอื่นๆ แทนด้วย
Bloomberg รายงานว่าเกมนี้มีโค้ดเนมภายในว่า Odyssey เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2017 โดย Craig Amai อดีตทีมงาน World of Warcraft แนวทางเกมคล้ายๆ กับ Minecraft หรือ Rust แต่เป็นจักรวาลใหม่ไม่เกี่ยวกับเกมอื่นๆ ของ Blizzard เลย อย่างไรก็ตาม เกมประสบปัญหาทางเทคนิคเพราะเปลี่ยนเอนจินจาก Unreal มาเป็นเอนจิน Synapse ที่ Blizzard พัฒนาเอง แต่กลับไม่ได้รับการยอมรับจากทีมพัฒนาเกมนี้มากนัก ทางทีมเองก็คาดหวังว่าเมื่อไมโครซอฟท์กลายมาเป็นเจ้าของ Blizzard แล้ว ทีมบริหารชุดใหม่จะยอมเปลี่ยนเอนจินกลับเป็น Unreal แต่สุดท้ายไมโครซอฟท์ตัดสินใจยกเลิกโครงการไปเลย เพราะการพัฒนาล่าช้ากว่าแผนไปมาก