สำนักงานข้อมูลพลังงานสหรัฐฯ (U.S. Energy Information Administration - EIA) รายงานถึงผลสำรววจการใช้พลังงานไฟฟ้าไปเพื่อการขุดบิตคอยน์ว่าตอนนี้น่าจะกินพลังงานอยู่ในช่วง 0.6-2.3% ของพลังงานที่ใช้งานทั้งประเทศแล้ว ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานเอง และโหลดของโครงสร้างกริดที่เพิ่มขึ้น
กระบวนการขุดบิตคอยน์นั้นอาศัยการคำนวณค่าแฮชเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และยิ่งมีคนแฮชได้เร็วเงื่อนไขก็จะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้มีการใช้พลังงานมากขึ้นเรื่อยๆ แนวทางนี้ต่างจาก Ethereum ที่หันไปใช้กระบวนการ Proof-of-Stake ที่กินพลังงานเพียง 0.005% ของบิตคอยน์เท่านั้น
รายงานระบุการประเมินการใช้พลังงานไปเพื่อการขุตบิตคอยน์นั้นทำได้ยากเพราะเหมืองมีขนาดเล็กใหญ่ต่างกันไป ตั้งแต่พีซีเครื่องเดียวไปจนถึงฟาร์มขนาดใหญ่ และเหมืองขุดจำนวนมากก็ย้ายไปมาเพื่อตามหาแหล่งค่าไฟฟ้าราคาถูก แนวทางการประเมินการใช้พลังงานโดยรวมจึงมีสองแนวทาง ได้แก่ top-down เป็นการประเมินจากพลังงานที่ต้องใช้เพื่อขุดบิตคอยน์แล้วมาดูว่าบิตคอยน์ที่ขุดได้นั้นเกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ อีกแนวทางหนึ่งคือ bottom-up อาศัยการติดตามเหมืองขุดบิตคอยน์ขนาดใหญ่ว่าอยู่ที่ใดและใช้พลังงานเท่าใดบ้าง โดย EIA ติดตามเหมืองเหล่านี้ได้ 132 แห่ง มีข้อมูลออัตราการใช้ไฟฟ้าสูงสุด 101 แห่ง รวม 10,275MW กินพลังงาน 2.3% ของสหรัฐฯ ทั้งหมด
แนวโน้มการใช้พลังานเพื่อขุดบิตคอยน์ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ และเหมืองบางส่วนไปตั้งอยู่ในโรงงานผลิตไฟฟ้าโดยตรงเพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้า โรงงานผลิตไฟฟ้าเหล่านี้มีอัตราการผลิตสูงขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
รายงานของ EIA เป็นข้อมูลให้กับหน่วยงานอื่นๆ ไปทำนโยบายต่อไป ทาง EIA เองระบุว่าจะเก็บข้อมูลให้ละเอียดขึ้นเพื่อให้การตัดสินใจทำได้ดีขึ้นในอนาคต
ที่มา - EIA
ภาพโดย BenjaminNelan