Shawn Layden อดีตประธาน SIE Worldwide Studio ที่รับผิดชอบสตูดิโอเกมทั้งหมดของโซนี่ (ลาออกไปเมื่อปี 2019) เขาเคยออกมาวิจารณ์ต้นทุนค่าพัฒนาเกมที่พุ่งทะยานจนไม่ยั่งยืน อยู่หลายครั้ง
ล่าสุด Layden ออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งกับ GameBeat ในสถานการณ์ที่บริษัทเกมปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมากในช่วงต้นปี 2024 และรวมถึงโซนี่ อดีตนายจ้างของ Layden ด้วย โดยประเด็นของ Layden ยังคงเหมือนเดิมคือต้นทุนค่าพัฒนาเกมแพงเกินไป ในขณะที่ตลาดคอนโซลใหญ่เท่าเดิม
Layden บอกว่าเมื่อต้นทุนค่าพัฒนาเกมทะลุ 200 ล้านดอลลาร์ (อย่างเคสเกม Spider-Man 2 ใช้ทุน 315 ล้านดอลลาร์) การวางเป็นเกมเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะคอนโซลกลายเป็นจุดอ่อน เพราะตลาดที่เป็นไปได้ (addressable market) มีขนาดเล็กเกินไป แนวทางที่เหมาะสมคือการขยายฐานผู้ซื้อให้มากขึ้น แม้ได้เพิ่มอีกแค่ 10% ก็ยังดี ซึ่งตลาดผู้เล่นคอนโซลนั้นอยู่ราว 250 ล้านคนมาตั้งแต่ยุค PS1 แล้ว ทำอย่างไรก็ไม่เพิ่มขึ้น พวกเรา (หมายถึงอุตสาหกรรมเกม) ไม่ได้พยายามมากพอในการชวนคนที่ไม่มีเครื่องคอนโซลให้มาซื้อคอนโซล
Layden ยังเปรียบเทียบว่าโลกเราอยู่ในยุคเกม live service หรือ free-to-play ซึ่งผู้เล่น 95% ไม่มีวันจ่ายเงินในเกม สัดส่วนผู้เล่นที่ยอมจ่ายเงินมีจำกัด ดังนั้นบริษัทเกมต้องขยายฐานผู้เล่นให้กว้างที่สุดเท่าที่ทำได้ กรณีของ Helldivers 2 ที่ลงพีซีด้วยพร้อมกับ PlayStation เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะช่วยให้ขยายฐานผู้เล่นได้กว้าง
เกมเอ็กซ์คลูซีฟของโซนี่ที่เคยโปรโมทว่า Only on PlayStation ตอนนี้ลงพีซีครบทุกเกมแล้ว
ในบทสัมภาษณ์ของ Layden ยังมีประเด็นอื่นๆ เช่น เขาวิจารณ์เกมที่ใช้บล็อคเชน ว่าไปเอาเทคโนโลยีการทำเงิน (monetization) มาเป็นตัวตั้ง แต่กลับไม่ตอบโจทย์เกมเมอร์ว่าทำไมต้องเล่นเกมนี้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ผิด อย่างไรก็ตาม Layden เป็นที่ปรึกษาของบริษัท READYgg ซึ่งพัฒนาแพลตฟอร์มบล็อคเชนสำหรับเกมด้วยเช่นกัน
ที่มา - GameBeat