10 ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี 2024 พกพาง่ายวางที่บ้านก็ยังสวย

by sponsored
12 April 2024 - 15:45

ลำโพงบลูทูธ ลำโพงที่สามารถใช้งานได้แบบไร้สาย สามารถพกพานำติดตัวไปได้ในทุกที่ เปิดได้ทุกครั้งที่ต้องการ ใช้งานการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth เชื่อมต่อโทรศัพท์และเปิดเพลงโปรดได้ทันที จะวางไว้มุมไหนของบ้านก็ทำได้เลยเพราะด้วยขนาดรูปร่างและดีไซน์ที่สามารถเลือกให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งของคุณได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะการพกติดตัวไปเปิดเมื่อเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งใครที่กำลังมองหาและอยากจับจองเป็นเจ้าของสักตัว แต่ยังไม่รู้จะเลือกจากแบรนด์ไหนดีก็ต้องมาอ่าน 10 ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี 2024 ที่เรานั้นได้รวบรวมแบรนด์ชั้นนำมาแนะนำให้ทุกคนได้ใช้เป็นตัวเลือกกันครับ

ตารางเปรียบเทียบ 10 ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี 2024

การตอบสนองความถี่ เวอร์ชัน Bluetooth ระยะเวลาการใช้งาน ระยะการเชื่อมต่อ แอปที่รองรับ
Edifier QD35 60Hz - 40kHz 5.3 10 เมตร Edifier Connect
Klipsch THE THREE PLUS 45Hz - 20kHz 5.3 12 เมตร Klipsch Connect
Marshall Middleton 50 HZ-20,000 HZ 5.1 20+ ชั่วโมง 10 เมตร Marshall Bluetooth
Harman Kardon Go + Play 3 43 Hz – 20 kHz 5.2 8 ชั่วโมง 10 เมตร
JBL PULSE 5 58Hz - 20,000Hz 5.3 12 ชั่วโมง 10 เมตร JBL Portable
TRIBIT StormBox Micro 2 70Hz - 20,000Hz 5.3 12 ชั่วโมง 10 เมตร Tribit
Tronsmart T7 Lite 60Hz – 20kHz 5.3 24 ชั่วโมง 15 เมตร Tronsmart App
Bose SoundLink Flex 4.2 12 ชั่วโมง 9 เมตร Bose Connect
B&O BEOSOUND A5 32 - 23,000 Hz 5.3 12 ชั่วโมง 10 เมตร Bang & Olufsen App
Devialet Mania 30Hz - 20,000Hz 5.0 10 ชั่วโมง 10 เมตร Devialet

Edifier

ราคาเริ่มต้นที่ 6,990 บาท


ที่มา : edifier.com

มาเริ่ม ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ก้นด้วย Edifier ที่เรียกได้ว่าหนึ่งในแบรนด์ที่สามารถครองใจคนชอบฟังเพลงจากลำโพง ด้วยคุณภาพเสียงที่อัดแน่น สามารถส่งความคมชัดในทุกย่านออกมาได้อย่างลื่นหู ทำให้การฟังเพลงนั้นสามารถดื่มด่ำได้อย่างเต็มที่ โดยรุ่นที่หยิบมาแนะนำก็ได้แก่ QD35 ที่เรียกได้ว่ามีดีไซน์ที่โดดเด่น จะวางไว้ที่โต๊ะหรือตรงไหนของห้องก็ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่สวยงามให้ดูน่ามอง อีกทั้งยังให้เสียงที่มีคุณภาพในระดับ Hi-res เพื่อเปิดประสบการณ์ในการฟังเพลงได้อย่างดื่มด่ำ

สเปก Edifier QD35

  • Frequency Response 60Hz - 40kHz
  • แรงขับสูงถึง 40W RMS
  • รองรับระบบเสียง Hi-Res
  • รองรับ Bluetooth 5.3
  • ไดรเวอร์เสียง Mid-Bass ขนาด 3 นิ้ว
  • นาฬิกาดิจิตอลดูง่าย
  • ระยะการเชื่อมต่อ 10 เมตร
  • มี Digital Amplifier และ DSP Chipset ในตัว
  • ตั้งค่าการแสดงผลของไฟได้
  • ใช้งานร่วมกับ แอป Edifier Connect
  • ขนาด(W x H x D) 27.78x16.48x14.17 ซม.
  • น้ำหนัก 2.64 กิโลกรัม

ข้อดี

  • รองรับการชาร์จเร็วและปลอดภัยด้วย Ultra-fast 35W GaN

ข้อควรรู้

  • สามารถเกิดรอยนิ้วมือที่ตัวเครื่องได้ง่ายมาก

Klipsch

ราคาเริ่มต้นที่ 19,900 บาท


ที่มา : klipsch.com

Klipsch อีกหนึ่งแบรนด์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของเครื่องเสียง ที่ใครหลายต่างก็บอกว่าให้เสียงดี ไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไหนก็มอบเสียงในระดับที่แสนจะประทับใจ พร้อมด้วยดีไซน์และรูปลักษณ์ที่ดูพรีเมียม สามารถตกแต่งห้องทุกสไตล์ได้อย่างลงตัว โดยรุ่นที่จะแนะนำนั้นก็คือ THE THREE PLUS ที่ตัวลำโพงได้เลือกใช้แผ่นไม้อัดแท้มาประกอบเป็นลำโพงนั้นยิ่งเพิ่มความลงตัวให้กับลำโพงแบบสุด ๆ พร้อมให้เสียงที่กระหึ่ม สร้างบรรยากาศด้วยเสียงเพลงได้ดีอย่างแน่นอน

สเปก Klipsch THE THREE PLUS

  • POWER 120W
  • ไดรเวอร์ Full Range ขนาด 2.25 นิ้ว x2
  • ไดรเวอร์ High Excursion Woofer ขนาด 5.25 นิ้ว
  • ระบบเสียง Stereo 2.1
  • ระยะการเชื่อมต่อ 12 เมตร
  • Comtrol Knob ควบคุมง่าย ๆ เพียงแค่หมุน
  • FREQUENCY RESPONSE 45Hz - 20kHz
  • รองรับ Bluetooth 5.3
  • ใช้งานร่วมกับแอป Klipsch Connect
  • เลือกได้ 2 สี Walnut, Matte Black
  • ขนาด(กว้าง x ยาว x สูง) 35.5 x 17.8 x 21.3 ซม.
  • น้ำหนัก 4.8 กิโลกรัม

ข้อดี

  • รองรับการเชื่อมต่อพร้อมกันสูงสุด 8 อุปกรณ์

ข้อควรรู้

  • ไม่มีแบตเตอรี่ทำให้หากพกไปข้างนอกต้องหาปลั๊กไปพ่วงใช้งาน

Marshall

ราคาเริ่มต้นที่ 12,990 บาท


ที่มา : marshall.com

ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดีหากขาดแบรนด์ Marshall ไปได้อย่างไร เพราะตัวแบรนด์นี้สร้างชื่อในวงการลำโพงมายาวนานกว่า 60 ปี พร้อมกับรูปลักษณ์ที่มองเพียงหางตาก็รู้ได้ทันที เรื่องสเปกด้านในก็ไม่ต้องห่วงเพราะเขาจัดเต็มมาในทุกรุ่น และสำหรับคนที่อยากได้แบบพกพาก็ต้องลองรุ่น Middleton ที่มีขนาดกำลังดี ถือมือเดียวได้แบบเท่ ๆ พร้อมด้วยสายคล้องที่ทำให้ติดตัวไปได้อย่างสะดวก แน่นอนว่าเรื่องของเสียงเองก็จัดเต็ม รับฟังทุกเพลงได้อย่างไพเราะ

สเปก Marshall Middleton

  • FREQUENCY RANGE 50 HZ-20,000 HZ
  • ระบบเสียง STEREO
  • ดีไซน์สุดคลาสสิคสไตล์เฉพาะ Marshall
  • ไดรเวอร์ DYNAMIC
  • Stack Mode เพิ่มความกระหึ่มของเสียง
  • สายคล้องด้านข้างสำหรับพกพา
  • ระยะเชื่อมต่อ 10 เมตร
  • ปุ่มกดและ Control Knob เพื่อการควบคุมที่สะดวก
  • กันน้ำกันฝุ่น IP67
  • รองรับ BLUETOOTH 5.1
  • ใช้งานได้นาน 20+ ชั่วโมง
  • ขนาด 10.9 X 23 X 9.5 ซม.
  • น้ำหนัก 1.8 กิโลกรัม

ข้อดี

  • กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67 พร้อมลุยได้ทุกที่

ข้อควรรู้

  • ใช้เวลาชาร์จ 4.5 ชั่วโมงถึงจะเต็ม

Harman Kardon

ราคาเริ่มต้นที่ 14,900 บาท


ที่มา : harmankardon.com

Harman Kardon คืออีกหนึ่งแบรนด์ชั้นนำที่โดดเด่นไม่แพ้แบรนด์ใดในเรื่องของเครื่องเสียงที่เป็นที่ยอมรับของนักฟังเพลงหลาย ๆ คน ตัวลำโพงมาพร้อมกับเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ ที่จะมอบอรรถรสในการรับฟังได้อย่างเด็มที่ ซึ่งรุ่นที่เราอยากแนะนำนั้นก็ได้แก่ Go + Play 3 ที่มาพร้อมกับหูจับขนาดใหญ่สำหรับการถือไปใช้งานนอกสถานที่ และยังมีความแข็งแกร่งด้วยตัววัสดุที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้แต่กระจกนิรภัยที่ตัวหัวลำโพง สามารถรองรับการชาร์จไวเพื่อให้กลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

สเปก Harman Kardon Go + Play 3

  • Frequency response 43 Hz – 20 kHz (-6 dB)
  • แรงขับ 160 W RMS
  • มีไมโครโฟน Far-Field 2 ตัว
  • ไดรเวอร์ภายในมีถึง 5 ตัว
  • ระบบขับเสียงแบบ 3 ทาง
  • ใช้งานระบบสัมผัส
  • ระยะการเชื่อมต่อ 10 เมตร
  • รองรับ Bluetooth 5.2
  • ใช้งานได้นาน 8 ชั่วโมง
  • รองรับการชาร์จไว
  • แผงควบคุมสัมผัสครอบด้วยกระจกนิรภัย
  • ขนาด(WxHxD) 43.9 x 19.2 x 24 ซม.
  • น้ำหนัก 4.7 กิโลกรัม

ข้อดี

  • สามารถปรับจูนเสียงให้เปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมแบบอัตโนมัติได้

ข้อควรรู้

  • แม้จะมีหูจับแต่น้ำหนักค่อนข้างมากไม่เหมาะถือนาน ๆ

JBL

ราคาเริ่มต้นที่ 11,900 บาท


ที่มา : jblthailand.com

อีกหนึ่งแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันดีในไทยอย่าง JBL ที่มาพร้อมกับการสร้างท่วงทำนองและจังหวะที่หนักแน่น แต่งเติมบรรยากาศได้เป็นอย่างดี ยิ่งลำโพงบลูทูธของแบรนด์นี้ก็ถือว่ามีเอกลักษณ์สวยงาม และขีดสุดของความสวยงามที่หาคนมาล้มได้อย่าง PULSE 5 นั้นก็ต้องบอกว่าคุ้มค่ามาก ๆ กับคนที่อยากได้ลำโพงพกพามาใช้งานรวมไปถึงตกแต่งห้อง ด้วยแสงไฟที่จัดเต็ม พร้อมกับสร้างแสงตามจังหวะของเพลงได้อีก ซึ่งทำให้กลายเป็นพระเอกในงานปาร์ตี้หรือสร้างความสวยให้ห้องในยามค่ำคืนอย่างแน่นอน

สเปก JBL PULSE 5

  • การตอบสนองความถี่ 58Hz - 20,000Hz
  • กำลังขับเฉลี่ย 40W RMS
  • ดีไซน์แบบแท่งแก้วใส
  • ไฟรอบตัว 360 องศา
  • แต่งไฟได้ 6 รูปแบบ
  • ระดับการกันฝุ่นกันน้ำ IP67
  • รองรับ Bluetooth 5.3
  • ใช้งานได้นาน 12 ชั่วโมง
  • รองรับแอป JBL Portable
  • เชื่อมต่อระยะ 10 เมตร
  • ขนาด(กว้าง x ยาว x สูง) 10.7 x 21.6 x 13.2 ซม.
  • น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม

ข้อดี

  • รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 2 อุปกรณ์พร้อมกัน

ข้อควรรู้

  • ไม่มีปุ่มปรับวอลลุ่มบนตัวลำโพง

TRIBIT

ราคาเริ่มต้นที่ 1,990 บาท


ที่มา : tribit.com

TRIBIT พร้อมมอบลำโพงพกพาที่อัดแน่นเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่จะสร้างเสียงให้ออกมาอย่างสูงที่สุด พร้อมกับการออกไปลุยกับคุณได้ในทุกที่ ซึ่งใครที่อยากจะได้ลำโพงแบบสะเทือนน้ำสะเทือนบก บุกป่าฝ่าดงขึ้นเขาได้ครบแล้วละก็ StormBox Micro 2 ตัวนี้จะตอบสนองความต้องการของคุณได้เป็นอย่างดี ด้วยสายคาดด้านหลังที่จะช่วยยึดเกาะให้ตัวลำโพงติดได้ไม่ว่าจะเป็นแฮนด์มอเตอร์ไซร์หรือจักรยาน จะเอาติดไว้ที่กระเป๋าระหว่างก็ทำได้อย่างสบาย และความพิเศษที่หาจากที่ไหนไม่ได้นั้นก็คือตัวลำโพงสามารถเป็นพาวเวอร์แบงค์ได้อีกด้วย

สเปก TRIBIT StormBox Micro 2

  • การตอบสนองความถี่ 70Hz - 20,000Hz
  • สามารถจับคู่ลำโพงสองตัวเป็นระบบเสียงสเตอริโอ
  • กำลังขับเสียง 10W
  • รองรับ Bluetooth 5.3
  • มีไมโครโฟนภายในตัว
  • เทคโนโลยี XBASS ขับเสียงเบสได้แน่น
  • กันฝุ่นกันน้ำในระดับ IP67
  • ใช้งานได้นานสูงสุด 12 ชั่วโมง
  • รองรับการสั่งการด้วยเสียง
  • ไดรเวอร์ขับเสียง NdFeB ขนาด 48 มม.
  • สายคาดด้านหลังเพื่อติดตั้งกับที่ต่าง ๆ
  • รองรับแอปพลิเคชัน Tribit
  • ขนาด(กว้างxยาวxสูง) 9.98 x 9.98 x 4.29 ซม.
  • น้ำหนัก 315 กรัม

ข้อดี

  • ตัวลำโพงสามารถใช้งานเป็นพาวเวอร์แบงค์ได้

ข้อควรรู้

  • ช่องสายชาร์จไม่มีฝาปิด

Tronsmart

ราคาเริ่มต้นที่ 1,490 บาท


ที่มา : tronsmart.com

Tronsmart คืออีกหนึ่งแบรนด์ที่มักจะได้รับการแนะนำหากว่ามีคนกำลังตามหาลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ด้วยตัวลำโพงที่สามารถเลือกได้มากมายหลายขนาด สามารถตอบโจทย์การฟังได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมายที่จะทำให้พร้อมบุกตะลุยไปกับคุณในทุกที่ ซึ่งใครที่อยากได้ลำโพงจากแบรนด์นี้พร้อมด้วยขนาดที่พกพาง่าย ตัวรุ่น T7 Lite นี้ขอแนะนำเลย เพราะนอกจากรูปทรงกระบอกที่จับได้ง่ายดายแล้ว ยังมาพร้อมกับความสวยงามของไฟ RGB ที่หัวท้ายและยังสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง เรียกได้ว่าอึด ถึก ทนแบบสุด ๆ

สเปก Tronsmart T7 Lite

  • ใช้งานได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง
  • รองรับ Bluetooth 5.3
  • ระดับป้องกันน้ำอยู่ที่ IPX7
  • ไฟ RGB ที่ส่วนหัวและท้ายของลำโพง
  • กำลังขับเสียง 24W
  • Frequency Range 60Hz – 20kHz
  • รองรับการเล่นเพลงจาก TF Card
  • ระยะการเชื่อมต่อ 15 เมตร
  • มีไมโครโฟนภายในตัว
  • Punchy Bass เบสหนักแน่น
  • รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ตัว
  • สายคาดเพื่อการถือได้อย่างถนัด
  • รองรับการสั่งงานด้วยเสียง
  • รองรับการใช้งานกับแอป Tronsmart App
  • ขนาด(กว้างxยาวxสูง) 7.2x7.2x19.5
  • น้ำหนัก 470 กรัม

ข้อดี

  • รองรับการเชื่อมต่อพร้อมกัน 2 อุปกรณ์ได้

ข้อควรรู้

  • ไม่มีมาตรฐานกันฝุ่น

Bose

ราคาเริ่มต้นที่ 6,490 บาท


ที่มา : bose.com

สำหรับใครที่ชอบฟังเพลงจากลำโพงก็คงต้องเคยได้ยินหรือเห็น Bose อีกหนึ่งแบรนด์ชั้นนำของโลกมาอย่างแล้วอย่างแน่นอน ซึ่งก็ต้องขอบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่จะตอบสนองการฟังเพลงของคุณได้อย่างเต็มอรรถรสอย่างแน่นอน และถ้าอยากได้รุ่นที่พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกก็ต้องมองมาที่ SoundLink Flex ที่มีขนาดกะทัดรัดหยิบใส่กระเป๋าถือยังได้ พร้อมด้วยประสิทธิภาพที่นำไปฟังเพลงได้ทุกที่แม้แต่ข้างสระน้ำ เพราะรุ่นนี้มีคุณสมบัติสำหรับการกันน้ำ และยังเลือกใช้งานได้หลายสี เพื่อให้ได้สีสันที่ถูกใจ

สเปก Bose SoundLink Flex

  • ขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาได้สะดวก
  • เทคโนโลยี PositionIQ ปรับเสียงตามทิศทางอัตโนมัติ
  • ใช้งานได้นาน 12 ชั่วโมง
  • Bluetooth 4.2
  • ระดับการกันฝุ่นกันน้ำ IP67
  • รองรับการใช้งานร่วมกัน 2 ตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเสียง
  • ตะแกรงด้านหน้าทำจากโลหะเคลือบ Powder-coated
  • ตัวเครืองด้านนอกเคลือบซิลิโคน
  • มีไมโครโฟนภายในตัว
  • ระยะเชื่อมต่อ 9 เมตร
  • ใช้งานร่วมกับแอป Bose Connect
  • ขนาด(กว้างxยาวxสูง) 9.04 x 20.14 x 5.23 ซม.
  • น้ำหนัก 589 กรัม

ข้อดี

  • ไดร์เวอร์ออกแบบพิเศษเฉพาะจำนวน 2 ตัว

ข้อควรรู้

  • ไม่สามารถสั่งการแบบเสียงได้

B&O

ราคาเริ่มต้นที่ 47,900 บาท


ที่มา : bang-olufsen.com

แบรนด์ Bang & Olufsen หรือที่เรียกกันย่อ ๆ ว่า B&O นั้นเป็นแบรนด์เครื่องเสียงที่มาพร้อมกับความพรีเมียม ลำโพงแต่ละตัวของแบรนด์นี้จึงมีความเป็นไฮเอนด์ที่ลงตัวไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเสียง ดีไซน์ รวมไปถึงเทคโนโลยีที่จะทำให้เสียงออกมานั้นไพเราะจนกลายเป็นหูเคลือบทอง และสำหรับตัวที่นำมาแนะนำของแบรนด์นี้ก็คือรุ่น BEOSOUND A5 ที่มาในรูปทรงแบบตะกร้า ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ลงตัวไปหมดไม่ว่าจะวางไว้ที่บ้านหรือหยิบออกไปใช้งานข้างนอก พร้อมทั้งให้เสียงกระหึ่มได้ยินอย่างชัดเจนในทุกย่านตามแบบฉบับของ B&O

สเปก B&O BEOSOUND A5

  • Bluetooth 5.3
  • การตอบสนองความถี่ 32 - 23,000 Hz
  • ระดับกันฝุ่นกันน้ำ IP65
  • กำลังขับสูงสุด 280W
  • ปล่อยเสียงได้ 360 องศา
  • ปุ่มควบคุมใช้งานสะดวก
  • รองรับการใช้งานแอป Bang & Olufsen App
  • ใช้งานได้ยาวนาน 12 ชั่วโมง
  • หูจับสามารถถือได้อย่างสะดวก
  • เชื่อมต่อพร้อมกันได้หลายอุปกรณ์
  • ขนาด(กว้างxยาวxสูง) 28.5x18.7x13
  • น้ำหนัก 3.7 กิโลกรัม

ข้อดี

  • สามารถใช้งานเป็นพาวเวอร์แบงค์ไร้สายได้

ข้อควรรู้

  • ไม่รองรับการระบบเสียง aptX และ Hi-Res Audio

Devialet

ราคาเริ่มต้นที่ 33,990 บาท


ที่มา : devialet.com

ขอจบลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ด้วยลำโพงไฮเอนด์อีกสักแบรนด์ นั่นก็คือ Devialet แบรนด์ที่ได้ชื่อว่ามีลำโพงที่ราคาแรงเป็นลำดับต้น ๆ ของโลกจากเมืองน้ำหอม ซึ่งไม่เพียงแค่ราคาที่แรงเท่านั้น แต่ตัวเสียงก็ยังมอบความดื่มด่ำ เต็มอรรถรสเข้าถึงอารมณ์ในการฟังเพลงได้เป็นอย่างดี โดยตัว Devialet Mania นั้นก็มาพร้อมกับรูปทรงที่หรูหรา จะมองมุมไหนก็สวยงาม ให้เสียงในระบบสเตอริโอ 360 องศา มีให้เลือกมากมายหลายสี รวมทั้งยังพึ่งออกตัว Exclusive Edition ที่ได้เปิดตัวในงาน Fendi Fall-Winter 2024 นี้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นลำโพงบลูทูธที่สุดแสนจะไฮเอนด์จริง ๆ

สเปก Devialet Mania

การตอบสนองความถี่ 30Hz - 20,000Hz
Bluetooth 5.0
ระยะการเชื่อมต่อ 10 เมตร
กระจายเสียงสเตอริโอ 360 องศา
เทคโนโลยี ASC ปรับเสียงให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
ระดับการกันน้ำ IPX4
ใช้งานได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง
รองรับการใช้งานผ่านแอป Devialet
รองรับระบบเชื่อมต่อแบบ Multiroom
รองรับระบบผู้ช่วยเสียง Amazon Alexa
เลือกได้หลายสี
ขนาด (กว้างxยาวxสูง) 17.6x19.3x13.9 ซม.
- น้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม

ข้อดี

  • สามารถปรับเสียงให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของพื้นที่โดยอัตโนมัติ

ข้อควรรู้

  • เป็นลำโพงไฮเอนด์ที่ไม่สามารถกันฝุ่นได้

และนี่ก็คือ 10 ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี 2024 ที่นำมาแนะนำให้ได้เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่กำลังตามหาลำโพงบลูทูธมาใช้งาน แต่ละแบรนด์นั้นต่างก็มีความโดดเด่นที่ไม่ซ้ำกัน พร้อมด้วยตัวเสียงที่ส่งออกมาก็มีเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ เพื่อให้ดื่มด่ำกับการฟังเพลงได้แบบทุกที่ทุกเวลา ใครที่สนใจก็ลองไปหาซื้อมาใช้งานได้ เพื่อให้โลกดนตรีของคุณนั้นอยู่กับคุณทุกที่ทุกเวลา

Blognone Jobs Premium