10 หูฟังบลูทูธ หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2024 ฟังแล้วหูเคลือบทอง

by sponsored
15 April 2024 - 11:57

ถ้าจะพูดถึงการฟังเพลงที่สามารถดึงเราเข้าไปในโลกของจัวหวะได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หูฟัง คืออุปกรณ์ที่สำคัญมาก ๆ เลยทีเดียว ยิ่งในปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีการใช้งานแบบไม่ง้อสายเข้ามา ใครที่เคยดดหงุดหงิดเพราะสายพันกันนั้นก็เรียกได้ว่าหมดปัญหานี้ไปเลยทีเดียว และสำหรับเรื่องของเสียงนั้นก็ต้องบอกว่าตอบสนองการฟังได้อย่างเต็มที่ มอบความหูเคลือบทองได้เป็นอย่างดี ช่วยสร้างโลกส่วนตัวที่ไม่อาจมีใครลุกล้ำไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม ใครที่ยังไม่มีหรืออยากได้หูฟังไร้สายนั้นก็ลองมาดู 10 หูฟังบลูทูธ หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2024 ไว้สำหรับเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ มาดูกันว่าจะมีแบรนด์อะไรบ้าง

ตารางเปรียบเทียบ 10 หูฟังบลูทูธ หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2024

ขนาดไดรเวอร์ เวอร์ชัน Bluetooth ระยะเวลาการใช้งาน ประเภทหูฟัง แอปที่รองรับ
Sony WH-1000XM5 30 มม. 5.3 30 ชั่วโมง Over-ear Sony | Headphones Connect
AirPods Max 40 มม. 5.0 20 ชั่วโมง Over-ear
Bose QuietComfort Ultra 40 มม. 5.3 24 ชั่วโมง Over-ear Bose Music
Beats Studio Pro 40 มม. 5.3 40 ชั่วโมง Over-ear Beats
Audio Technica ATH-M50XBT2 45 มม. 5.0 50 ชั่วโมง Over-ear A-T Connect
SoundPEATS Air3 Pro 12 มม. 5.2 6 ชั่วโมง In Ear SoundPeats
Marshall Motif II A.N.C. 6 มม. 5.3 LE 10 ชั่วโมง In-Ear Marshall Bluetooth
Jabra Elite 7 Active 6 มม. 5.2 8 ชั่วโมง In-Ear Jabra Sound+
Huawei FreeBuds 5 11 มม. 5.2 5 ชั่วโมง Earbud HUAWEI AI Life
Devialet Mania 18 x 11 มม. 5.2 7 ชั่วโมง Bone Conduction Shokz

หูฟังแบบครอบหู

Sony

ราคาเริ่มต้นที่ 14,990 บาท


ที่มา : sony.co.th

แน่นอนว่าหากจะมองหาหูฟังบลูทูธหรือหูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี นั้นก็ต้องมาเริ่มกันที่แบรนด์หูฟังชั้นนำระดับโลกอย่าง Sony ที่ไม่ว่าจะออกรุ่นไหนมาก็ได้รับความนิยมได้อย่างมากมาย ซึ่งสำหรับหูฟังครอบหูนั้นก็ต้องยกให้กับตัวเรือธงของแบรนด์อย่าง WH-1000XM5 ที่จะส่งต่อเสียงให้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังมีการตัดเสียงรบกวนที่ทำให้เงียบสนิทไม่มีเสียงใดเข้ามารบกวนเพลงโปรดตลอดระยะเวลาที่ได้ฟัง

สเปก Sony WH-1000XM5

  • ไดรเวอร์ยูนิตขนาด 30 มม.
  • การตอบสนองความถี่ 4 Hz - 40,000 Hz
  • ควบคุมด้วยระบบสัมผัส
  • ตัวตัดเสียงรบกวนแบบ HD QN1, Integrated Processor V1
  • รองรับ Bluetooth 5.2
  • ใช้งานได้นาน 30 ชั่วโมง
  • ไมโครโฟน Beamforming จำนวน 4 ตัว
  • รองรับ Adaptive Sound Control
  • Speak-to-Chat หยุดเพลงอัตโนมัติ
  • เซนเซอร์คาปาซิทีฟสำหรับการหยุดเพลงเมื่อถอด
  • รองรับแอป Sony | Headphones Connect
  • เชื่อมต่อพร้อมกันได้ 2 เครื่อง
  • เลือกใช้งานได้ 3 สี
  • น้ำหนัก 250 กรัม

ข้อดี

  • น้ำหนักเบาสวมใส่ได้สบายไม่หนักศีรษะตลอดทั้งวัน

ข้อควรรู้

  • ไม่มีมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น

AirPods Max

ราคาเริ่มต้นที่ 19,900 บาท


ที่มา : apple.com

แน่นอนว่าสำหรับหูฟังแบบครอบหูนั้นทางแบรนด์นระดับโลกอย่าง Apple มีหรือจะพลาด กับตัวหูฟังครอบหูครั้งแรกอย่าง AirPods Max ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่มีลักษณะที่ดูเรียบ ๆ แต่ออร่าความพรีเมียมนั้นสะท้อนออกมาได้อย่างดี ด้วยตัวคาดศรีษะที่ทำมาจากตาข่ายถัก ระบายอากาศได้เป็นอย่างดี และด้วยความนุ่มที่ให้มานั้นทำให้สามารถสวมใส่ได้อย่างสบายตลอดทั้งวัน เรื่องเสียงเองก็เรียกว่าไม่น้อยหน้าใคร ให้ชัดในทุกย่านรวมไปถึงการตัดเสียงที่ทำได้อย่างหมดจด

สเปก

  • รองรับ Bluetooth 5.0
  • ใช้งานได้นาน 20 ชั่วโมง
  • ไดรเวอร์ไดนามิคขนาด 40 มม.
  • ชิปเสียง Apple H1 ทั้งสองข้าง
  • สามารถควบคุมได้ด้วยเสียง
  • ตัวคาดศรีษะที่ทำมาจากตาข่ายถัก
  • ตัวโครงทำมาจากสแตนเลสสตีล
  • ตัวคาดศรีษะที่ทำมาจากตาข่ายถัก
  • ควบคุมด้วย Digital Crown
  • โหมดฟังเสียงภายนอก EQ แบบปรับได้เอง
  • เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ
  • เชื่อมต่อกับ iPhone หรือ iPad ได้ทันที
  • มีไจโรสโคปอยู่ที่ครอบหูข้างซ้าย
  • น้ำหนัก 384 กรัม

ข้อดี

  • ประหยัดแบตเตอรี่ทันทีเมื่อเก็บใน Smart Case

ข้อควรรู้

  • ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ของ Apple ที่ใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดเท่านั้น

Bose

ราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาท


ที่มา : bose.com

สำหรับ Bose นั้นเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าตัวหูฟังของแบรนด์นั้นโดดเด่นในเรื่องของไมโครโฟนที่คมชัด สามารถสื่อสารได้ไม่ตกหล่น แม้ว่าในขณะนั้นจะออกกำลังกายอยู่ก็ตาม และเรื่องเสียงก็มอบความคมชัดในทุกย่านมาให้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเอาไปฟังเพลงแนวไหนก็เหมาะสม ส่วนรุ่นที่ขอแนะนำนั้นก็ได้แก่ Bose QuietComfort Ultra ที่่สามารถสวมใส่ได้ตลอดทั้งวัน การันตีความยอดเยี่ยมด้วยคะแนนที่สูงลิ่วในแต่ละเว็บไซต์ชื่อดังของวงการเสียง

สเปก Bose QuietComfort Ultra

  • เทคโนโลยี Bose Immersive Audio เสียงสมจริง
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 24 ชั่วโมง
  • รองรับ Bluetooth 5.3
  • ใช้งานร่วมกับแอป Bose Music App
  • ตัดเสียงรบกวนได้อย่างหมดจด
  • ถอดหูฟังเพื่อหยุดเล่นเพลงได้
  • ลองรับการทำงาน 3 โหมด
  • เทคโนโลยี CustomTune
  • น้ำหนัก 252 กรัม
  • วัสดุหุ้มหูทำจากหนังสังเคราะห์ถ่ายเทอากาศได้ดี

ข้อดี

  • เทคโนโลยีตัดเสียงที่ตัดได้อย่างหมดจด

ข้อควรรู้

  • ไม่มีมาตรฐานกันฝุ่นและกันน้ำ

Beats

ราคาเริ่มต้นที่ 11,400 บาท


ที่มา : beatsbydre.com

อีกหนึ่งแบรนด์เสียงดีที่ยอดขายไม่แพ้ใครกับ Beats ที่เรียกได้ว่าใครหลายคนต่างก็ต้องอยากได้มาใช้กันสักตัว ด้วยโลโก้ที่มองดูเรียบแต่มีความหรูหราพรีเมียม มอบประสบการณ์ฟังเพลงได้อย่างเหนือชั้น ซึ่งตัวหูฟังครอบหูที่อยากแนะนำก็คือ Studio Pro ที่สามารถคว้ารางวัล BEST OF CNET 2023 มาครอบครัว เรียกได้ว่าเป็นการันตีคุณภาพได้อย่างชัดเจน มั่นใจถึงความดื่มด่ำของเสียงซึ่งใครที่กำลังคิดอยากหาหูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี แบรนด์นี้ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

สเปก Beats Studio Pro

  • ไดรเวอร์ขนาด 40 มม.
  • ใช้งานได้นานสูงสุด 40 ชั่วโมง
  • รองรับระบบเสียง 360 องศา
  • ควบคุมได้ง่ายเพียงนิ้วเดียว
  • รองรับการสั่งการด้วยเสียง
  • รองรับ Bluetooth 5.3
  • รองรับระบบเสียงตามตำแหน่ง
  • ฟองน้ำนุ่มใส่สบายตลอดทั้งวัน
  • ไมโครโฟนระบบกรองเสียงรบกวนรอบข้าง
  • เลือกโปรไฟล์เสียงได้ 3 ประเภทเมื่อใช้งานแบบสาย USB-C
  • โหมดการฟังแบบไดนามิกจำนวน 2 โหมด
  • ใช้งานร่วมกับแอป Beats
  • น้ำหนัก 260 กรัม

ข้อดี

  • รองรับการชาร์จเร็วเพียงแค่ 10 นาทีใช้เพิ่มได้ 4 ชั่วโมง

ข้อควรรู้

  • การใช้งานแอปค้นหาของหูฟังต้องใช้กับระบบ iOS 16.5 และ Android 8.0 หรือเวอร์ชันที่ใหม่กว่า

Audio Technica

ราคาเริ่มต้นที่ 7,690 บาท


ที่มา : audiotechnica.bentoweb.com

Audio Technica อีกหนึ่งแบรนด์หูฟังที่มักจะถูกเลือกใช้งานสำหรับการทำเพลงในสตูดิโอ ด้วยเทคโนโลยีสำหรับการฟังที่ให้เสียงเที่ยงตรงโดยเฉพาะ จึงมอบความคมชัดและเคลียร์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งใครที่กำลังมองหารุ่นที่เหมาะกับการสร้างสรรค์ผลงานเพลงอยู่นั้น ATH-M50XBT2 ตัวนี้เรียกว่า ครบ จบและตอบโจทย์อย่างแน่นอน ตัวหูฟังพัฒนามาจาก M50X รุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ฟังเพลงก็เพลิน ทำงานก็สุดแสนจะโปร รู้แบบนี้จะพลาดได้ยังไง

สเปก Audio Technica ATH-M50XBT2

  • ตอบสนองความถี่ 15 - 28,000 Hz
  • รองรับ Bluetooth 5.0
  • ไดรเวอร์ขนาด 45 มม.
  • ใช้งานได้นาน 50 ชั่วโมง
  • ปรับที่คาดศีรษะได้ถึง 10 ระดับ
  • ฟองน้ำหนานุ่มใส่ได้ยาวนาน
  • มอบเสียงในระดับ Studio
  • สัญญาณไร้สายความหน่วงต่ำด้วย Low Latency
  • เชื่อมต่อได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์
  • รองรับ Codec ไร้สายคุณภาพสูง LDAC
  • ไมโครโฟนแบบ Beam Forming
  • ใช้งานร่วมกับแอป A-T Connect

ข้อดี

  • การใช้งานคำสั่งเสียงสามารถรองรับผู้ช่วยเสียงครบทุกระบบ

ข้อควรรู้

  • ไม่มีระบบกันฝุ่นกันน้ำ

หูฟัง True Wireless

SoundPEATS

ราคาเริ่มต้นที่ 1,990 บาท


ที่มา : soundpeats.com

สำหรับ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ในแบบ True Wireless ที่เรียกได้ว่าให้ทั้งเสียงที่ดี มีไมค์ที่คมชัดสื่อสารได้ชัดเจนไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไรอยู่นั้นก็ต้องยกให้กับแบรนด์ SoundPEATS รุ่น Air3 Pro ที่มาพร้อมกับราคาน่ารักแบบจับจิต พร้อมให้ประสิทธิภาพไม่แพ้แบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย เป็นหูฟังที่เรียกได้ว่าสื่อสารชัดมาก ๆ แม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ที่มีเสียงรบกวนมาก ก็ยังคงคุยกันได้อย่างรู้เรื่องจะคุยงานหรือเรื่องเกมก็เอาอยู่ อีกทั้งยังสามารถใส่ได้สบาย ไม่ต้องกลัวว่าจะปวดหูตลอดทั้งวัน

**สเปก SoundPEATS Air3 Pro **

  • เป็น In Ear รุ่นแรกจาก SoundPEATS Air
  • ชิป Qualcomm®️ QCC3046
  • ไดรเวอร์ข้างละ 12 มม.
  • รองรับ Bluetooth 5.2
  • ตัดเสียงรบกวน (ANC) ได้เงียบกริบ
  • มาตรฐานกันน้ำที่ IPX4
  • ใช้งานได้ 6 ชั่วโมง
  • สามารถชาร์จแบตเพิ่มจากเคสใช้งานได้ 24 ชั่วโมง
  • รองรับ Game Mode
  • ไมโครโฟนภายใน 4 ตัว
  • รองรับ Codec เสียงคุณภาพสูง aptX HD และ aptX LL
  • น้ำหนัก 41.30 กรัม

ข้อดี

  • สามารถใช้งานแบบแยกข้างซ้ายและขวาได้ตามต้องการ

ข้อควรรู้

  • ตัวหูฟังไม่สามารถกันฝุ่นได้

Marshall

ราคาเริ่มต้นที่ 7,490 บาท


ที่มา : marshall.com

แน่นอนว่าบทความของเรานั้นจะขาด Marshall ไปไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะด้วยดีไซน์ที่ดูก็รู้แล้วว่าคือแบรนด์อะไร ประกอบกับการที่อยู่ในวงการเครื่องเสียงมานานกว่า 60 ปี ก็สามารถการันตีประสิทธิภาพของหูฟังจากแบรนด์นี้ได้อย่างยอดเยี่ยม และสำหรับ True Wireless ก็ขอแนะนำเป็นรุ่น Motif II A.N.C. โดดเด่นในเรื่องของการตัดเสียงให้สามารถรับฟังและสื่อสารได้อย่างราบรื่น พกพาติดตัวได้สะดวก ออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่เพราะมากับระบบกันฝุ่นและน้ำได้อย่างยอดเยี่ยม

สเปก Marshall Motif II A.N.C.

  • หูฟังไร้สายรูปแบบ In-Ear
  • การตอบสนองความถี่ 20 - 20,000 Hz
  • อิมพีแดนซ์ 16 Ohms
  • ไดรเวอร์ขนาด 6 มม.
  • ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง
  • ระบบตัดเสียงรบกวนภายนอก
  • เล่นหรือหยุดเพลงทันทีเมื่อใส่หรือถอดหูฟัง
  • รองรับ Bluetooth 5.3 LE
  • ใช้งานร่วมกับแอป Marshall Bluetooth App
  • น้ำหนัก 4.31 กรัม
  • ใช้งานได้นาน 9 ชั่วโมง
  • ระดับการกันน้ำ IPX5

ข้อดี

  • สามารถฟังเพลงแบบปิด ANC ได้ยาวนานถึง 43 ชั่วโมง

ข้อควรรู้

  • ไม่มีมาตรฐานสำหรับกันฝุ่น

Jabra

ราคาเริ่มต้นที่ 6,790 บาท


ที่มา : jabra.com

Jabra คืออีกแบรนด์หูฟังที่พร้อมจะทำให้การใช้งานได้รับประสบการณ์การฟังเสียงได้อย่างยอดเยี่ยมจากการตัดเสียงที่ยอดเยี่ยมเป็นอันดับต้น ๆ ของวงการหูฟัง พร้อมทั้งไมโครโฟนที่มีมาให้ในตัวก็มีความชัดเจน สื่อสารได้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยทั่วไปหรือว่าภายในเกม และรุ่น Jabra Elite 7 Active นั้นก็มาพร้อมกับการสวมใส่ที่สบาย ขยับร่างกายในกิจกรรมออกกำลังกายได้อย่างคล่องแคล่วไม่ต้องกลัวว่าจะหยุด อีกทั้งเทคโนโลยีกันฝุ่นกันน้ำจึงทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียหายได้ง่ายอีกด้วย

สเปก Jabra Elite 7 Active

  • หูฟังไร้สายรูปแบบ In-Ear
  • รองรับ Bluetooth 5.2
  • ตัดเสียงรบกวนได้เงียบสนิท
  • ใช้งานแยกซ้ายขวาได้อย่างอิสระ
  • การตอบสนองความถี่ 20 - 20000 Hz
  • ใช้งานได้นาน 8 ชั่วโมง
  • ShakeGrip สำหรับยึดเกาะได้อย่างดี
  • ไมโครโฟนจำนวน 4 ตัว
  • ชาร์จแบตเพิ่มจากตัวเคสได้อีก 22 ชั่วโมง
  • ระดับหันฝุ่นกันน้ำ IP57
  • ใช้งานร่วมกับแอป Jabra Sound+
  • น้ำหนัก 5.50 กรัม

ข้อดี

  • ไมโครโฟนคลุมด้วยตาข่าย SAATI Acoustex® ชั้นดีเพื่อป้องกันลมในขณะพูด

ข้อควรรู้

  • สามารถเปิดผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะได้ที่แอป Jabra Sound+

Huawei

ราคาเริ่มต้นที่ 5,299 บาท


ที่มา : huawei.com

ใครที่กำลังตามหา หูฟังบลูทูธ หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ก็อย่าพึ่งมองข้ามแบรนด์ Huawei แบรนด์ดังจากจีนเจ้านี้เป็นอันขาด เพราะว่าตัวหูฟัง FreeBuds 5 นั้นมาพร้อมกับประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม สามารถเปิดประสบการณ์ฟังเสียงได้อย่างเหนือชั้น จะไว้ฟังเพลงในขณะเดินทาง ออกกำลังกาย หรือการเล่นเกมก็พร้อมใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม

สเปก Huawei FreeBuds 5

  • หูฟัง True Wireless แบบ Earbud
  • สามารถระบายอากาศได้เป็นอย่างดี
  • ระดับการกันฝุ่นและน้ำ IP54
  • รองรับเสียง Hi-Res
  • ไมโครโฟนรับเสียงคมชัด
  • เชื่อมต่อได้ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน
  • รองรับเทคโนโลยี Bass Turbo
  • Dynamic EQ ปรับแนวเสียงโดยอัตโนมัติ
  • รองรับ Codec LDAC และ HWA Audio Wireless
  • ไดรเวอร์ขับแบบไดนามิกคู่ LCP 11 มม.
  • ตอบสนองความถี่ 16 Hz ถึง 40 kHz
  • รองรับ Bluetooth 5.2
  • ใช้งานได้นาน 5 ชั่วโมง
  • การชาร์จจากเคสสูงสุด 30 ชั่วโมง
  • น้ำหนัก 5.4 กรัม
  • ใช้งานร่วมกับแอป HUAWEI AI Life

ข้อดี

  • ควบคุมได้ง่ายเพียงแค่ใช้นิ้วเลื่อนขึ้นลงที่ตัวหูฟัง

ข้อควรรู้

  • หากอยากใช้งานนาน 30 ชั่วโมง ต้องปิดการใช้งาน ANC

Shokz

ราคาเริ่มต้นที่ 6,690 บาท


ที่มา : shokz.com

และสำหรับสายสปอตส์ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ Shokz คือแบรนด์หูฟังไร้สายที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี โดยขอส่งรุ่น OpenFit มาแนะนำ ซึ่งเป็นหูฟังที่ใช้ลักษณะเกี่ยวใบหูแทนยัดเข้าไป จึงใช้ได้อย่างสบายตลอดทั้งวัน ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อหู พร้อมด้วยความสามารถในการกันฝุ่นกันน้ำทำให้มั่นใจได้เลยว่าสภาพอากาศแบบไหนก็เอาอยู่ และไม่ใช้แค่สำหรับการออกกำลังกายเท่านั้น ยังนำไปใช้ฟังเพลงในการเดินทางหรือนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศได้อีกด้วย

สเปก Shokz OpenFit

  • ดีไซน์ Dolphin ARC โค้งรับใบหู
  • เทคโนโลยี Shokz Open Bass บูสเสียงเบสให้ดีขึ้น
  • ไดรเวอร์ Dynamic ขนาด 18 x 11 มม.
  • การตอบสนองความถี่ 50 - 16000Hz
  • ควบคุมด้วยระบบสัมผัส
  • เทคโนโลยี AI Call Noise Cancellation ตัดเสียงรบกวนขณะโทร
  • รองรับ Bluetooth 5.2
  • ใช่งานได้นาน 7 ชั่วโมง
  • โหมดแสตนบายด์ใช้งานได้นาน 10 วัน
  • ระดับกันฝุ่นกันน้ำ IP54
  • น้ำหนัก 73.85 กรัม
  • ใช้งานร่วมกับแอป Shokz

ข้อดี

  • ใส่ได้สบายตลอดทั้งวันไม่เจ็บในหู

ข้อควรรู้

  • การใส่แบบเกี่ยวใบหูต้องใช้เวลาสักหน่อยก่อนจะคุ้นชิน

และนี่ก็คือ 10 หูฟังบลูทูธ หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2024 ที่อยากนำมาแนะนำให้กับทุกคนได้รู้จัก สามารถเลือกได้ทั้งแบบครอบหูหรือแบบ True Wireless เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งานได้อย่างเต็มที่ อยากใช้แบบไหนก็จัดมาได้เลย รับรองว่าไม่มีผิดหวังอย่างแน่นอน

Blognone Jobs Premium