10 Soundbar ยี่ห้อไหนดี 2024 จัดเต็มเรื่องเสียงจนเหมือนอยู่ในโรงหนัง

by sponsored
21 April 2024 - 10:30

ซาวด์บาร์ เป็นอีกหนึ่งเครื่องเสียงสำหรับการยกระดับของการรับชมให้มีอรรถรสมากยิ่งขึ้น สามารถเปลี่ยนห้องนั่งเล่นให้กลายเป็นโรงหนังได้เพียงแค่เปิดเครื่อง เพราะว่าการดูหนังให้ได้ความสุขมากที่สุดไม่เพียงแค่เรื่องของภาพที่จะต้องคมชัดเท่านั้น แต่เรื่องของเสียงจะต้องดีอีกด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ใครหลายคนต่างก็มีซาวด์บาร์เอาไว้ใช้ควบคู่กับโทรทัศน์ ซึ่งใครที่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะต้องใช้รุ่นไหนดี ก็ลองมาดู 10 Soundbar ยี่ห้อไหนดี 2024 ที่จะเข้ามายกระดับให้ห้องนั่งเล่นของคุณนั้นกลายเป็นโรงหนังทันทีที่เปิด

ตารางเปรียบเทียบ Soundbar ยี่ห้อไหนดี 2024

ระบบเสียง ตอบสนองความถี่ กำลังขับ จำนวนไดรเวอร์ แอปที่รองรับ
Samsung HW-Q800C 5.1.2 CH 360W 11 SmartThings
Sony HT-A7000 7.1.2 CH 500W 11 360 Reality Audio Live
Klipsch CINEMA 800 3.1.2 CH 28-20000 Hz 800W 8 Klipsch Connect
Bose Smart Ultra 5.1.2 CH 2 Bose Music
LG S75Q.DTHALLK 3.1.2 CH 24bit/96kHz 380W 8
Creative Sound Blaster Katana SE 5.1 CH 55–20,000 Hz 180W 4 Creative app และ SXFI app
JBL Bar 9.1 9.1 CH 34 - 20,000 Hz 820W 12
Philips TAB8947/67 3.1.2 CH 150 - 20000 Hz 660W 4
Sonos Arc 2.01 นิ้ว 11 Sonos app
Devialet Dione 5.1.2 CH แท้ 24 – 21,000Hz 950W RMS 17 Devialet app

Samsung HW-Q800C

ราคาเริ่มต้นที่ 20,990 บาท


ที่มา : samsung.com

เริ่มต้นบทความ ซาวด์บาร์ ยี่ห้อไหนดี ก็ต้องเปิดกันด้วยแบรนด์ Samsung ที่มีรางวัลการันตีติดต่อกันถึง 9 ปี บ่งบอกถึงความสำเร็จของสินค้าประเภทนี้ได้เป็นอย่างดี โดยรุ่น Premium Q-series Soundbar HW-Q800C นั้นก็มาพร้อมกับระบบเสียง 5.1.2 CH ให้กำลังเสียง 360W ที่ออกมาจากช่องข้างของตัวลำโพง กระจายออกไปได้ทั่วพื้นที่ของห้องก็จะสร้างเสียงที่มีความกระหึ่มสะใจคอหนังอย่างแน่นอน

สเปก

  • ขนาด 1182 x 576 x 272 มม.
  • น้ำหนัก 18 กิโลกรัม
  • ระบบเสียง 5.1.2 CH
  • มีรีโมทควบคุม
  • สามารถสั่งการด้วยเสียง
  • รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย
  • Wireless Dolby Atmos เมื่อใช้งานร่วมกับทีวีของแบรนด์ Samsung
  • Q-Symphony ผสานเสียงได้อย่างลงตัว
  • SpaceFit Sound Pro ปรับระดับเสียงให้เข้ากับสถานที่
  • Sound Modes ใช้งานได้ถึง 4 โหมด
  • รองรับ Active Voice Amplifier
  • รองรับเสียง Hi-Res
  • Subwoofer Type Wireless
  • ลำโพงรอบด้าน

ข้อดี

  • คุณภาพเสียงระดับที่กระจายไปทั่วทุกมุมได้ยินชัดไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของห้องก็ตาม

ข้อควรรู้

  • ระบบ Wireless Dolby Atmos Wi-Fi ใช้ได้กับทีวี Samsung ปี 2022 ขึ้นไป

Sony HT-A7000

ราคาเริ่มต้นที่ 49,990 บาท


ที่มา : sony.co.th

มาต่อกันที่แบรนด์เครื่องเสียงระดับโลกอย่าง Sony กับซาวด์บาร์รุ่น HT-A7000 ที่พร้อมจะมอบความกระหึ่มสะใจให้แก่การดูหนัง ฟังเพลง รวมไปถึงเล่นเกม โดยเสียงเซอร์ราวด์ของรุ่นนี้ก็เป็นแบบรอบทิศทาง 7.1.2 แชนเนลที่แท้จริงที่จะสะท้อนให้ทั่วทั้งห้องนั้นได้ยินและดื่มด่ำ ทำให้ความกระหึ่มนั้นสร้างอรรถรสในการรับชมได้อย่างเต็มที่ และด้วยการดีไซน์ที่ทำให้มีขอบโค้งมน การจัดวางจึงทำได้ง่ายไม่ว่าจะมุมไหนก็เข้ากันเป็นอย่างดี

สเปก

  • ขนาด 1300 x 80 x 142 มม.
  • น้ำหนัก 8.7 กิโลกรัม
  • ซับวูฟเฟอร์ภายในตัว
  • ระบบเสียง 7.1.2 CH
  • แอมพลิฟายเออร์ดิจิตอล, S-Master HX
  • แชนแนลแอมพลิฟายเออร์ 11ch
  • เอาต์พุตกำลังรวม 500W
  • รองรับ Bluetooth 5.0
  • เทคโนโลยีเซอร์ราวด์รอบทิศทางเสมือน
  • SOUND MODE เลือกได้ 4 โหมด
  • มีซาวด์เอฟเฟกต์
  • รองรับการสั่งการด้วยเสียง
  • ลำโพง Up-Firing 2 ตัว
  • ลำโพงทวีตเตอร์ Beam 2 ตัว
  • ลำโพงด้านหน้า 5 ตัว
  • รองรับ 360 Reality Audio
  • รองรับการเล่นเสียงแบบ Hi-Res
  • รองรับการสั่งงานด้วยเสียง

ข้อดี

  • มีอัตราการรีเฟรชผันแปร (VRR) และโหมดความหน่วงต่ำอัตโนมัติ (ALLM) ผ่าน HDMI 2.1 เพื่อเสียงกระหึ่มสะใจ

ข้อควรรู้

  • สามารถใช้ Acoustic Center Sync เมื่อเชื่อมต่อทีวี BRAVIA ของ Sony เพื่อยกระดับเสียงให้ดียิ่งขึ้น

Klipsch CINEMA 800

ราคาเริ่มต้นที่ 36,900 บาท


ที่มา : klipsch.com

อีกหนึ่งแบรนด์ที่เรียกได้ว่าโดดเด่นในเรื่องของเสียงจนใคร ๆ ต่างก็ยกนิ้วให้อย่าง Klipsch นั้นก็มีเครื่องเสียงซาวด์บาร์และอุปกรณ์เสริมอีกมากมาย ที่จะเปลี่ยนห้องนั่งเล่นให้กลายเป็นโรงหนังได้อย่างสมบูรณ์แบบกับ CINEMA 800 จัดเต็มด้วยระบบเสียง 3.1.2 CH ที่มาพร้อมกับการสาดเสียงออกไปตามห้องได้อย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นเสียงหนังหรือเสียงเพลงก็ทำให้ดื่มด่ำได้อย่างมีความสุขทุกครั้งที่ได้เปิด

สเปก

  • Sound Bar ขนาด 48 นิ้ว
  • ระบบเสียง 3.1.2 CH
  • การตอบสนองความถี่ 28-20000 Hz
  • กำลังขับเฉลี่ย 800W
  • น้ำหนัก 9.98 กิโลกรัม
  • ขนาด Soundbar 121.9 x 7.3 x 8.6 ซม.
  • ขนาด Subwoofer 36.8 x 47.1 x 36.8 ซม.
  • มีรีโมทควบคุม
  • รองรับ Bluetooth 5.0
  • รองรับ 8K HDR Passthrough
  • ไดรเวอร์ Tractrix® horns เอกลักษณ์ของแบรนด์
  • ไดรเวอร์เสียงสูง Tweeters แบบ Soft Dome 1 นิ้ว 3 ตัว
  • ไดรเวอร์เสียงกลาง Oval Fiber Composite Cone Woofers 3 นิ้ว 4 ตัว
  • ไดรเวอร์ Woofer ขนาด 10 นิ้ว
  • ใช้งานร่วมกับแอป Klipsch Connect

ข้อดี

  • ระบบเสียงแบบ Dolby Atmos 3.1 ยิงเสียงออกซ้ายขวาและด้านบน

ข้อควรรู้

  • เหมาะสำหรับนำไปใช้งานกับห้องขนาด 5 - 6 ตารางเมตรขึ้นไป

Bose Smart Ultra Soundbar

ราคาเริ่มต้นที่ 37,900 บาท


ที่มา : bose.com

สำหรับ Bose นั้นเป็นแบรนด์เครื่องเสียงที่เรียกว่าพร้อมจัดชุดใหญ่ในการรับฟังให้กับผู้ใช้งาน เพียงแค่นำ Bose Smart Ultra Soundbar ไปติดตั้งใช้งานเพียงเท่านี้ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมก็จะได้รับเสียงที่กระหึ่มสะใจ ยิ่งใช้งานควบคู่กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของแบรนด์แล้วยิ่งเข้ากันได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับเทคโนโลยีอย่าง A.I. Dialogue และแนวเสียงรอบทิศทางที่จะปรับให้ความดังนั้นเหมาะสมกับขนาดของห้องเพื่ออรรถรสที่ดื่มด่ำ เปิดประสบการณ์ใหม่ในเรื่องของเสียงได้เป็นอย่างดี

สเปก

  • ขนาด 104.5 x 10.7 x 5.8 ซม.
  • น้ำหนัก 5.75 กิโลกรัม
  • ระบบเสียง 5.1.2 CH
  • ไดรเวอร์ที่หันขึ้นด้านบน 2 ตัว
  • รองรับ Bluetooth 5.0
  • รองรับคำสั่งเสียง
  • รองรับเสียง Dolby Atmos
  • AI Dialogue Mode ปรับปรุงเสียงสนทนา
  • มีไมโครโฟนภายในตัว
  • Bose SimpleSync เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Bose ตัวอื่น ๆ
  • รองรับ PhaseGuide
  • รองรับ TrueSpace
  • เทคโนโลยี ADAPTiQ ปรับเสียงให้เหมาะกับห้อง
  • ใช้งานร่วมกับแอป Bose Music

ข้อดี

  • A.I. Dialogue และแนวเสียงรอบทิศทางจะดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมก็สมจริงสะใจ

ข้อควรรู้

  • การใช้งาน Bose SimpleSync นั้นไม่สามารถเชื่อมอุปกรณ์ Bose ได้ทุกตัว

LG S75Q.DTHALLK

ราคาเริ่มต้นที่ 11,990 บาท


ที่มา : lg.com

LG ก็ยังคงเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังได้รับความไว้วางในการเลือกใช้งานอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นบ้านใครที่ใช้โทรทัศน์ของ LG ก็ต้องจัดซาวด์บาร์ของแบรนด์นี้อย่างรุ่น S75Q.DTHALLK มาใช้งาน เพื่อรับฟังเสียงที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน โดดเด่นด้วยระบบเสียง 3.1.2 ที่รองรับ รองรับคอนเทนต์ 4K รวมถึง HDR และ Dolby Vision เพื่อความสมจริงในทุกมิติ

สเปก

  • ระบบเสียง 3.1.2 CH
  • กำลังขับ 380W
  • ขนาดซาวด์บาร์ 890 x 65 x 119 มม.
  • ขนาดซับวูฟเฟอร์ 180 x 394 x 290 มม.
  • น้ำหนัก 13.7 กิโลกรัม
  • การตอบสนองความถี่ 24bit/96kHz
  • รองรับ Dolby Atmos
  • รองรับ DTS Digital Surround
  • SOUND EFFECT เลือกได้ 8 โหมด
  • ลำโพง 8 ตัว
  • มีรีโมทควบคุม
  • เทคโนโลยี WOW Orchestra
  • หน่วยประมวลผล AI Processor
  • เทคโนโลยี Triple Level Spatial Sound
  • เทคโนโลยี Meridian Audio
  • รองรับ 4K Passthrough

ข้อดี

  • สามารถสร้างโดมเสียงที่จะทำให้การได้ยินนั้นมีความสมจริงมากที่สุด

ข้อควรรู้

  • ต้องใช้งานกับโทรทัศน์ของแบรนด์ LG จึงจะดึงประสิทธิภาพออกมาได้เต็มที่

Creative Sound Blaster Katana SE

ราคาเริ่มต้นที่ 11,065 บาท


ที่มา : creative.com

Sound Blaster Katana SE จากแบรนด์ Creative ที่ต้องเข้ามาติดซาวด์บาร์ ยี่ห้อไหนดี นี้ก็เพราะว่านอกจากจะเอาไว้สำหรับเพิ่มเสียงในเวลาดูหนังแล้ว ยังเป็นซาวด์บาร์สำหรับการเล่นเกมที่จะทำให้เหล่าเกมเมอร์ได้รับเสียงที่สะใจ ใช้งานร่วมได้ทั้งโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ ยกระดับเสียงเกมด้วยไดรเวอร์ 4 ตัวที่กำลังขับสูงสุด 180W อีกทั้งยังมีขนาดกะทัดรัด เคลื่อยย้ายสะดวก มาพร้อมกับไฟ RGB ที่ตกแต่งได้เพื่อโชว์ความเป็นเกมเมอร์ออกมาได้อย่างเต็มที่

สเปก

  • ขนาด 650 x 109 x 78 มม.
  • กำลังขับสูงสุด 180W
  • ระบบเสียง 5.1 CH
  • หน้าจอ LED บอกสถานะการเชื่อมต่อ
  • มีไฟ RGB ตกแต่งได้
  • การตอบสนองความถี่ 55–20,000 Hz
  • รองรับ Bluetooth 5.0
  • ไดรเวอร์ mid-range 4.3 นิ้ว จำนวน 2 ตัว
  • ไดรเวอร์ tweeters 2.1 นิ้ว จำนวน 2 ตัว
  • ใช้งานร่วมกับแอป Creative app และ SXFI app
  • ตัวลำโพงมีไมโครโฟน
  • ควบคุมด้วยรีโมทได้
  • รองรับ SXFI BATTLE Mode
  • รองรับ Super X-Fi

ข้อดี

  • ขนาดกะทัดรัดเคลื่อนย้ายไปใช้งานที่อื่นได้ตามต้องการ

ข้อควรรู้

  • รองรับการใช้งาน 2 แอป จากทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน

JBL Bar 9.1

ราคาเริ่มต้นที่ 51,000 บาท


ที่มา : jbl.com

สำหรับแฟน ๆ ของแบรนด์ JBL นั้นต้องไม่พลาดกับ JBL Bar 9.1 ที่มาพร้อมกับระบบเสียง 9.1 ที่จะสร้างประสบการณ์ในการฟังให้ได้ยินได้อย่างรอบห้อง และไม่ว่าจะอยู่มุมไหนก็ไม่ต้องห่วง ตัวซาวด์บาร์นี้สามารถถอดชิ้นส่วนลำโพงทั้งสองด้านออกไปวางตามมุมต่าง ๆ ได้อย่างอิสระเป็นการรองรับ 3D Dolby Atmos®, DTS:X เพื่อความคมชัดในทุกมิติของงานเสียง

สเปก

  • การตอบสนองความถี่ 34 - 20,000 Hz
  • ระบบเสียง 9.1 CH
  • กำลังขับเฉลี่ย 820W
  • ขนาด Soundbar 88.4 x 6.2 x 12 ซม.
  • ขนาด Surround : 17.3 x 6 x 12 ซม.
  • ขนาด Subwoofer : 30.5 x 44 x 30.5 ซม.
  • ระบบ Surround แบบ True Surround
  • ไดรเวอร์ Racetrack Drivers 4 ตัว
  • ไดรเวอร์ Tweeter ขนาด 0.75 นิ้ว 3 ตัว
  • ไดรเวอร์ Up-Firing Full-Range 2 ตัว
  • ไดรเวอร์ Tweeter ขนาด 0.75 นิ้ว และ Up-Firing Full-Range ข้างละ 1 ตัว
  • ไดรเวอร์ Woofer ขนาด 10 นิ้ว
  • มีรีโมทควบคุมจากระยะไกล
  • รองรับ Bluetooth 4.2
  • น้ำหนัก 15.46 กิโลกรัม

ข้อดี

  • สามารถถอดลำโพงด้านข้างทั้ง 2 ตัวออกไปวางที่มุมอื่น เพื่มความชัดของเสียงได้ดี

ข้อควรรู้

  • ลำโพงที่ถูกถอดออกทั้ง 2 ข้างสามารถใช้งานได้ 10 ชั่วโมง

Philips TAB8947/67

ราคาเริ่มต้นที่ 17,990 บาท


ที่มา : philips.co.th

สำหรับใครที่คุ้นเคยกับการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าจาก Philips แล้วละก็ ต้องลองใช้งาน TAB8947/67 ซาวด์บาร์ที่มาพร้อมกับระบบเสียง 3.1.2 มอบความมีชีวิตชีวาให้กับการดูหนัง ฟังเพลง รวมไปถึงเล่นเกมได้อย่างเต็มที่ เพิ่มความสมจริงด้วยซับวูฟเฟอร์อันทรงพลังที่จะมอบประสบการณ์เสียงที่ดีเกินต้านไม่แพ้แบรนด์อื่น ๆ เลยทีเดียว มาพร้อมกับการรองรับคำสั่งเสียง เพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้ใช้เวลาในการดูหนังได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

สเปก

  • กำลังขับสูงสุด 660W
  • ระบบเสียง 3.1.2 CH
  • การตอบสนองความถี่ 150 - 20000 Hz
  • ตั้งค่าอีควอไลเซอร์ได้ 5 โหมด
  • ขนาดซาวด์บาร์ 1120 x 64 x 113 มม.
  • ขนาดซับวูฟเฟอร์ 230 x 407 x 400 มม.
  • น้ำหนักรวมซาวด์บาร์และซับวูฟเฟอร์ 12.26 กิโลกรัม
  • ไดรเวอร์ลำโพงกลาง-ต่ำ 2 ตัว
  • ไดรเวอร์ทวีตเตอร์ 2 ตัวตำแหน่งซ้ายและขวา
  • รองรับ 4K Pass-through
  • รองรับ Bluetooth 5.1
  • รองรับ Dolby Atmos
  • สามารถสั่งการด้วยเสียงได้
  • ควบคุมผ่านรีโมทได้
  • สามารถติดตั้งกับผนังได้

ข้อดี

  • ระบบเสียง 3.1.2 CH ส่งตรงเสียงที่สมจริง ฟังได้อย่างกระหึ่มแน่นอน

ข้อควรรู้

  • ซับวูฟเฟอร์มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่อยู่พอสมควร

Sonos Arc

ราคาเริ่มต้นที่ 43,900 บาท


ที่มา : sonosthailand.com

สำหรับใครที่มองหา Soundbar ยี่ห้อไหนดี ที่จัดเต็มในเรื่องของเสียงแบบสุด ๆ ก็ต้องมองมาที่ Sonos Arc ที่จะมอบเสียงดีแบบเต็มขั้น ไม่ต้องออกไปโรงหนังให้เสียเวลา เพียงแค่เปิดซาวด์บาร์เครื่องนี้ทุกอย่างคือครบ จบในตัวเดียว อัดแน่นมาด้วยฟังก์ชันสำหรับเสียงที่ครบครันที่ได้รับการปรับแต่งโดยวิศวกรเสียงรางวัลออสการ์ ดีไซน์ที่เรียบแต่หรูหรายิ่งเติมฟิวในการใช้งานได้เป็นอย่างดี ตัวเสียงมีความสมจริง กลมกล่อม ราวกับว่าคุณกำลังเข้าไปอยู่ในหนังนั้นเลยจริง ๆ

สเปก

  • ขนาด 114.2 x 8.7 x 11.6 ซม.
  • น้ำหนัก 6.25 กิโลกรัม
  • Amplifers Class-D จำนวน 11 ตัว
  • Tweeters จำนวน 3 ตัว
  • Midwoofers ทรงรีจำนวน 8 ตัว
  • ไมโครโฟนภายในตัว
  • ปรับเสียงตามสภาพห้อง
  • ไฟแสดงผล LED
  • ควบคุมด้วยระบบสัมผัส
  • รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
  • รองรับ Streaming ทุกรูปแบบ
  • ควบคุมด้วยเสียงได้
  • ใช้งานร่วมกับแอป Sonos app

ข้อดี

  • ได้รับการปรับแต่งโดยวิศวกรเสียงรางวัลออสการ์เพื่อเสียงที่คมชัดที่สุด

ข้อควรรู้

  • เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับโทรทัศน์ขนาด 50 นิ้วขึ้นไป

Devialet Dione

ราคาเริ่มต้นที่ 83,990 บาท


ที่มา : devialet.com

ขอปิดบทความ Soundbar ยี่ห้อไหนดี 2024 นี้ด้วยซาวด์บาร์ระดับ Hi-End ที่มากับดีไซน์สุดล้ำนำหน้าไม่ตามใคร เรียกได้ว่าหรูหราจนทำให้บ้านกลายเป็นโรงหนังระดับหรูแบบขั้นสุดกับ Devialet Dione ที่มอบระบบเสียง 5.1.2 CH แบบแท้จริง ควบคู่มากับกำลังขับสูงถึง 950W RMS ที่เรียกว่าสูงมาก ๆ รองรับ Dolby Atmos เพื่อความสมจริงจนคุณถูกหนังดึงดูดอย่างสมบูรณ์ ทำให้การดูหนังในบ้านทุกครั้ง เป็นการเปิดประสบการณ์ที่จะไม่รู้ลืมตลอดไป

สเปก

  • ระบบเสียง 5.1.2 CH แท้
  • ขนาด 120 x 16.5 x 8.8 ซม.
  • น้ำหนัก 12 กิโลกรัม
  • กำลังขับ 950W RMS
  • ตอบสนองความถี่กว้าง 24 – 21,000Hz
  • ไดรเวอร์ขับเสียงมากถึง 17 ตัว
  • Aluminium long-throw subwoofer 8 ตัว
  • Full-range aluminium driver 9 ตัว
  • ORB ตรงกลางซาวด์บาร์ที่โดดเด่น
  • รองรับ Bluetooth 5.0
  • ใช้งานร่วมกับแอป Devialet app
  • ไมโครโฟน 4 ตัว
  • Processor DOS 2
  • เทคโนโลยี SPACE ขยายสัญญาณ
  • โหมดเสียงมีทั้งหมด 4 รูปแบบ

ข้อดี

  • ให้เสียงที่ชัดเจน กระหึ่มสะใจจนไม่ต้องง้อการเสริมของ Subwoofer

ข้อควรรู้

  • เป็นซาวด์บาร์ระดับ Hi-End ที่ไม่สามารถสั่งการด้วยเสียงได้

และนี่ก็คือ 10 Soundbar ยี่ห้อไหนดี 2024 ที่จะทำให้การนั่งดูหนังอยู่ที่บ้านของคุณนั้นสามารถทำได้อย่างเต็มที่ เข้าถึงอรรถรสในการรับชมได้อย่างถึงที่สุด ดึงดูดให้คุณเข้าไปอยู่ในโลกแห่งความบันเทิงได้อย่างไม่รู้จบ ตอบโจทย์คนที่ไม่อยากออกไปข้างนอกในช่วงเวลาที่อุณหภูมิร้อนจนเดือดขนาดนี้กันเลยทีเดียว

Blognone Jobs Premium