ยกระดับองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพด้วย IBM Fusion แพลตฟอร์มที่รองรับ Cloud-Native มาตรฐานระดับ Enterprise

by sponsored
23 May 2024 - 10:00

ยุคนี้ทุกองค์กรต่างทำ Digital Transformation เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการทำงานทุกอย่างบนแอพพลิเคชั่น ต้องรองรับการเป็น Cloud-Native เพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ เพิ่มระดับความสามารถทางการแข่งขัน รับมือกับคู่แข่งจากทั่วโลกที่สามารถเข้ามาสร้างความท้าทายได้ตลอดเวลา หมายคามว่า การเตรียมความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งหลายองค์กรตระหนักในจุดนี้ดีว่า การพัฒนาแอพพลิเคชั่น Cloud-Native ไม่เพียงพออีกต่อไป องค์ประกอบสำคัญคือ ต้องมองหา Infrastructure หรือ Platform ที่รองรับการทำงานระดับ Enterprise ที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพสูงสุด

เป็นความท้าทายอีกครั้งสำหรับทุกองค์กร หลังจากความพยายามเปลี่ยนผ่านด้วย Digital Transformation ที่ต้องสร้างความเข้าใจและผลักดันให้เกิดขึ้นแล้ว วันนี้อุตสาหกรรมกำลังก้าวไปอีกขั้นหนึ่งด้วยความเร็วในการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าเดิม

IBM มองเห็นโอกาสสำคัญสำหรับองค์กรในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งานให้คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ จึงได้พัฒนา IBM Fusion HCI ซึ่งเป็น Integrated Application Platform ที่เกิดจากการรวมเข้าด้วยกันของผู้นำทางด้านเทคโนโลยี ระหว่างผู้นำทางด้าน Platform สำหรับ Container อย่าง Red Hat OpenShift รวมเข้ากับผู้นำทางเทคโนโลยี Data Services ของ IBM ซึ่งประกอบไปด้วย Data Persistence, Data Resilience, Data Security, Data Mobility และ Data Cataloging

IBM Fusion HCI เป็นโซลูชันที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน และสามารถเริ่มใช้งานได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ระยะเวลาภายในหนึ่งวัน เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรของคุณจะสามารถเข้าสู่เส้นทางของ Digital Transformation ได้อย่างรวดเร็ว ลดความซับซ้อน และยกระดับประสิทธิภาพด้วยการทํางานของคลัสเตอร์ที่ได้มาตรฐาน ในขณะที่ยังคงความยืดหยุ่นของคลัสเตอร์ประสิทธิภาพสูง และจุดเด่นของ Virtualized Environments สําหรับระบบงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Development, ระบบงาน Testing และ ระบบงาน Production

5 Enterprise Data Services ที่อยู่ใน IBM Fusion HCI ประกอบด้วย

  1. Data Persistence – รองรับการเก็บข้อมูลและใช้งานร่วมกับ Stateful Application สนับสนุนการใช้งานทั้งรูปแบบ RWX และ RWO
  2. Data Resilience – มาพร้อมกับระบบการ Backup และ Snapshot สามารถตั้ง Policy เพื่อให้สอดคล้องกับ RPO ของระบบ ทำให้ระบบพร้อมใช้งานได้อยู่ตลอดเวลา ป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความเสียหายในระดับของฮาร์ดแวร์หรือไซต์ล่ม และความเสี่ยงที่เกิดจากการโจมตีข้อมูลได้
  3. Data Security – มาพร้อมด้วยระบบปฏิบัติการที่มีความเสถียร ปลอดภัย รองรับ Workload ได้หลากหลาย ช่วยปกป้องข้อมูลจากการโจมตีในรูปแบบต่างๆ และช่วยให้คุณกู้คืนได้อย่างรวดเร็วทันที
  4. Data Mobility – รองรับการรัน Application ได้หลายหลาย Environment ทั้ง On-Premises และ On-Cloud ช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น
  5. Data Cataloging – มีระบบการค้นหาข้อมูลขั้นสูง ช่วยให้องค์กรสามารถระบุและจัดทำแค็ตตาล็อกข้อมูลของตนได้ง่ายขึ้น

และนอกจาก 5 Enterprise Data Services ของ IBM Fusion แล้วยังมีคุณสมบัติเด่นอื่นๆ อีก เช่น

  • รองรับการทำงานแบบ Multiple-clusters และสามารถ Provision Clusters ได้ภายในเวลารวดเร็วไม่ถึง 30 นาที, รวมเอา Control Planes หลายๆ อันเข้าด้วยกันเพื่อให้ง่ายในการบริหารจัดการและลดต้นทุน
  • Data Services ต่างๆ สำหรับ Stateful แอพพลิเคชั่น, และยังมี Data Storage สำหรับ File, Block และ Object, อีกทั้งยังมาพร้อมกับ Data Protection Services เต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Backup, Snapshot การตั้ง Policy ต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับ RPO ขององค์กรได้
  • รองรับทั้ง Containers และ Virtual Machines, รองรับทั้ง Windows VMs และ Linux VMs เป็นการลดต้นทุน, Simplicity ทำให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น, เพิ่ม Performance ลด Overhead ที่ไม่จำเป็น
  • เหมาะสำหรับทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้งาน ผู้ดูแลระบบสามารถ Enable Cluster ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เรียกว่า Clusters on Demand และยังมาพร้อมกับ Cloud-Native Self-Service อีกด้วย

หากวันนี้องค์กรของคุณกำลังมองหา infrastructure หรือ platform สำหรับ cloud-native แอพพลิเคชั่นอยู่ สิ่งที่ต้องพิจารณา คือ ความสามารถในการ scale ได้ ของระบบ, ความสามารถในการรองรับ cloud-native, performance ในการใช้งาน และ ความง่ายในการใช้งาน

สนใจข้อมูลเพิ่มเติม หรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ติดต่อฝ่ายการตลาด โทร.02-089-4880
อีเมล์: mktmcc@metroconnect.co.th

Blognone Jobs Premium