แอปเปิลเปิดตัวภาษา Swift ครั้งแรกในปี 2014 เพื่อเป็นภาษาหลักสำหรับพัฒนาแอพบน iOS และ macOS แทน Objective-C ของเดิม
ปีนี้ถือเป็นการครบรอบ 10 ปีของภาษา Swift ซึ่งในงาน WWDC 2024 สัปดาห์ที่แล้วก็มีการฉลองกันเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องนี้
Ted Kremenek ผู้อำนวยการฝ่าย Languages & Runtimes ของแอปเปิล กล่าวในหัวข้อ Platforms State of the Union ของ WWDC ว่า Swift เกิดขึ้นมาเพื่อลดความซับซ้อนของการใช้ภาษา C, C++, Objective-C ลง ซึ่งตอนนี้มีแอพที่สร้างด้วย Swift มากกว่า 1 ล้านตัวแล้ว และไม่ใช่แค่แอพอย่างเดียว เพราะแอปเปิลเองก็นำ Swift ไปใช้เขียนส่วนต่างๆ ของระบบปฏิบัติการ ลงไปจนถึงชั้นของเฟิร์มแวร์ด้วย แม้กระทั่ง ระบบเซิร์ฟเวอร์ Private Cloud Compute ตัวใหม่ ก็เขียนส่วนเครือข่ายด้วย Swift เช่นกัน
Kremenek บอกว่า Swift ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความปลอดภัยของหน่วยความจำ (safety), ประสิทธิภาพ (speed) และการเรียนรู้ได้ง่าย (approachability) แถมยังทำงานร่วมกับ C/C++ ได้ จึงเป็นภาษาที่เหมาะที่สุดในการใช้แทน C++ ซึ่งแอปเปิลก็กำลังค่อยๆ เปลี่ยนผ่านโค้ดเดิมที่เป็น C++ มาใช้ Swift ทดแทนต่อไป
เขาบอกว่าอนาคตของ Swift ในอีก 10 ปีข้างหน้า ต้องการขยายฐานผู้ใช้งานให้กว้างขึ้นกว่าเดิม เช่น การพัฒนาส่วนขยาย Swift บน Visual Studio Code และ IDE ตัวอื่นที่รองรับ Language Server Protocol, ขยายลินุกซ์ดิสโทรที่รองรับให้มากขึ้น เพิ่ม Debian และ Fedora จากเดิมที่รองรับ Ubuntu, CentOS, Amazon Linux, Red Hat อยู่แล้ว อีกทั้งจะพัฒนาการใช้งานบนวินโดวส์ให้ดีขึ้น
แอปเปิลยังเปิด หน้าเพจองค์กร Swift บน GitHub เพื่อเป็นโฮสต์โครงการต่างๆ ที่เกี่ยวกับ Swift รวมกันไว้ที่เดียว แทนการใช้ชื่อ "Apple" เพื่อให้ชุมชนผู้ใช้งานมีส่วนร่วมมากขึ้น
ปีนี้แอปเปิลยังจะออก Swift 6.0 ที่มีฟีเจอร์สำคัญอย่าง data-race safety เพื่อป้องกันปัญหาการแย่งกันเข้าถึงข้อมูลตัวเดียวกัน (data race) แล้วทำงานผิดพลาด (รายละเอียด) ตอนนี้ Swift 6.0 อยู่ระหว่างการทดสอบ และตั้งเป้าออกรุ่นเสถียรในเดือนกันยายน 2024