แม้ยังไม่ชัดเจนว่า Epic จะได้อะไรจากการชนะคดีฟ้องร้อง Google ที่ตัดสินว่า Google Play Store และ Google Play Billing เป็นการผูกขาดตลาด แต่ที่แน่ ๆ ข้อเรียกร้องของ Epic คือต้องการให้ Google เปิดกว้าง Play Store และบังคับให้ Google อนุญาตให้สโตร์อื่น ๆ ของคู่แข่งเข้ามาอยู่ภายในแพลตฟอร์มของตัวเองได้
เดือนที่แล้ว ระหว่างที่ Google ขอยื่นอุทธรณ์ ผู้พิพากษา James Donato มีคำสั่งให้ Google ประเมินค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องของ Epic ซึ่งทาง Google ได้แจกแจงมาแล้วเป็นเงินประมาณ 61.3-137 ล้านดอลลาร์ ดังนี้
การอนุญาตให้สโตร์ของบุคคลที่ 3 เข้าถึงแอปใน Play Store
การอนุญาตให้ผู้ใช้ย้ายแอปที่มีอยู่ไปยังสโตร์ของบุคคลที่ 3 ได้ง่าย
การเผยแพร่สโตร์ของบุคคลที่ 3 ภายใน Play Store
การตรวจสอบแอปและการอัปเดตแอปจากสโตร์แอปของบุคคลที่ 3
แม้ค่าใช้จ่ายดูสูง แต่กำไรของ Google Play Store ก็มหาศาลเช่นกัน ตัวอย่างเช่น เอกสารภายในของ Google ที่เผยในชั้นศาลชี้ว่า กำไรจาก Google Play Store ในปี 2021 อยู่ที่ประมาณ 12 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นกำไรกว่า 31 ล้านดอลาร์ต่อวัน
แต่ Google โต้แย้งว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่มีแค่เรื่องเงิน แต่มีเรื่องของความปลอดภัยของผู้ใช้งานและชื่อเสียงของบริษัทด้วย โดยบอกว่าบริษัทควรได้รับค่าธรรมเนียมจากสโตร์ของบุคคลที่ 3 หากถูกบังคับให้เปิดกว้างแบบที่ Epic ต้องการ เนื่องจาก Google ต้องออกแบบ Play Store และ Android ใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อผู้ใช้งานและนักพัฒนา และยังบังคับให้ Google กลายเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับคู่แข่งโดยที่ไม่เต็มใจ
อย่างไรก็ดี Epic Games มีโอกาสโต้แย้งการประมาณการของ Google และยื่นเอกสารโต้ตอบได้ โดยศาลมีกำหนดการนัดฟังครั้งสุดท้ายในวันที่ 14 สิงหาคมนี้