รีวิว Lenovo Yoga 7i 2-in-1 14IML9 แล็ปท็อปบางเบาพกพาง่าย เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ยุคปัจจุบัน

by sponsored
26 July 2024 - 03:30

สังคมทำงานในยุคนี้คอมพิวเตอร์ถือเป็นอีกหนึ่งในอุปกรณ์หลักที่ขาดไม่ได้ ถึงแม้ว่าบางอย่างแท็ปเล็ตสามารถแทนที่ได้ แต่ท้ายที่สุดการมีคอมพิวเตอร์สักเครื่องไว้ใช้งานยังไงก็ตอบโจทย์กว่า

ซีรีส์ Yoga ก็ถือเป็นหนึ่งในซีรีส์แล็ปท็อปที่โดดเด่นของ Lenovo มาหลายปี จากเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และตอบโจทย์หลายอย่างในเครื่องเดียว จากการการพกพาง่าย มีสถานะเป็นลูกผสมระหว่างแล็ปท็อปและแท็ปเล็ต เพราะว่าตัวเครื่องสามารถพับจอได้ถึง 360 องศา แปลงร่างเป็นแท็ปเล็ตใช้งานได้อย่างลื่นไหล แถมหน้าจอก็เป็นทัชสกรีน ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นสิ่งที่ Yoga เป็นมาตลอดตั้งแต่ปี 2012 ที่เปิดตัวรุ่นแรก

ทีนี้ลองมาดูกันว่า Yoga ในปี 2024 อย่าง Lenovo Yoga 7i 2-in-1 14IML9 จะเป็นยังไงบ้าง

สำหรับ Lenovo Yoga 7i 2-in-1 14IML9 นั้นเป็นแล็ปท็อปที่มาพร้อมหน้าจอ Lenovo PureSight OLED ขนาด 14 นิ้ว แสดงสี DCI-P3 ได้ 100% รวมถึงได้มาตรฐาน DisplayHDR500 True Black และ Dolby Vision ความละเอียดถึง 2.8K อัตตราส่วน 16:10 รีเฟรซเรต 120Hz ตอบสนองไว 1 ms จอทั้งชิ้นมีอัตราส่วนพื้นที่ใช้งานจริง 91% พอร์ตการเชื่อมต่อมีทั้ง USB-A 3.2 จำนวน 1 พอร์ต, USB-C อีก 2 ช่องที่เป็น Thunderbolt 4, ช่องเสียบ Micro SD card และช่องเสียบ HDMI 2.1

แค่ในตรงจุดนี้ถือว่าทาง Lenovo จัดเต็มมาก ๆ เลยทีเดียว ผู้รีวิวประทับใจหน้าจอมาก เนื่องจากสีสวย, ภาพคม ใช้งานได้ลื่นไหลมาก ๆ ทำให้เหมาะแก่การใช้งานหลายแบบทั้งในแง่ของการทำงานเอกสารที่ละลานหน้า, งานกราฟิกที่ต้องการความเที่ยงตรงของสี รวมถึงการดูภาพยนตร์หรือคอนเทนต์วิดีโอก็แสดงสีสันออกมาได้ดีจัดจ้านมาก ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อนั้น HDMI 2.1 ถือว่ามีน้อยเจ้าที่จะใส่มาให้อันนี้ขอปรบมือให้เลย

พูดถึงการเสพเนื้อหาประเภทภาพเคลื่อนไหวทั้งทีก็ต้องพูดถึงด้านเสียงด้วย Yoga 7i 2-in-1 มาพร้อมลำโพงที่มีเทคโนโลยี Lenovo SmartAmp รองรับ Dolby Atmos ทำให้คุณภาพเสียงที่ได้ถือว่ากระหึ่มแบบรอบทิศทางตอบโจทย์ทั้งการฟังเพลง และดูภาพยนตร์ เนื่องจากลำโพงสามารถจำลองเสียงแบบ 3 มิติได้แถมยังวิเคราะห์เนื้อหาที่กำลังเล่นและเลือกโปรไฟล์เสียงที่ดีที่สุดให้อัตโนมัติ ทำให้ตอนฟังเพลงเสียงเบสจะชัดมากในขณะที่ดูภาพยนตร์เสียงเอฟเฟคก็ดังสะใจ

ด้านประสิทธิภาพก็ไม่น้อยหน้าเพราะ Yoga 7i 2-in-1 มาพร้อมหน่วยประมวลผล Intel® Core™ Ultra 7 Processor ที่มีทั้ง CPU, GPU และ NPU ในตัว แม้จะไม่ใช่การ์ดจอแยกแต่ประสิทธิภาพไม่ได้น่ากังวลแต่อย่างใด เพราะ Intel Arc ที่ติดมากับชิปประมวลครอบคลุมแทบทุกด้านของการทำงานที่เน้นความคล่องตัว และพกพาง่าย งานวิดีโอก็มีตัวเข้าและถอดรหัสวิดีโอแบบ AV1 มาให้เลย ส่วนการเล่นเกมก็มี Intel Adaptive Boost ช่วยเร่งประสิทธิภาพการเล่นเกมแบบ Multi Core เสริมด้วยการรองรับแรมสูงสุดถึง 32GB แบบ LPDDR5X-7467 ทีมงานจึงได้ลองเล่นเกมที่เพิ่งออกใหม่อย่าง Zenless Zone Zero ก็พบว่าอยู่ในระดับเล่นได้ แต่ต้องปรับความละเอียดลงเพื่อให้เล่นได้ 60fps แถมสัญญาณอินเตอร์เน็ตก็ไม่ติดขัดเพราะชิปดังกล่าวรองรับ Wi-Fi 6E ด้วย

แน่นอนว่าปี 2024 ทั้งทีสิ่งที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้คงหนีไม่พ้น AI ซึ่งชิป Intel® Core Ultra 7 155H ก็ทำให้หมดห่วงในเรื่องนี้เพราะมี NPU มาช่วยประมวลผล AI โดยเฉพาะทำให้ใช้งาน Copilot หรือ AI Tools อื่น ๆ ได้รวดเร็ว โดยที่ไม่รบกวนการทำงานของ CPU และ GPU แถมยังประหยัดพลังงานด้วย ทั้งหมดนี้เลยทำให้ Yoga 7i 2-in-1 ได้มาตรฐาน Intel Evo ที่เป็นตัวการันตีว่าแล็ปท็อปรุ่นนี้ เป็นแล็ปท็อป ระดับพรีเมียมที่ลงทั้งประสิทธิภาพ, การพกพา และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน

ด้านแบตเตอรี่ในหน้าสเปคบอกว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 22 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งทีมงานไม่ได้ทดสอบการแบบโหดหิน แต่เลือกทดสอบในแง่ของการใช้งานจริง 1 วัน ซึ่งได้ลองทั้งการนั่งทำงานในคาเฟ่ หรือการเขียนข่าวในภาคสนามตลอดทั้งวัน ตรงจุดนี้ก็พบว่าแบตเตอรี่ลดไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ถือว่าสอบผ่านในแง่ของแบกไปทำงานในที่ต่าง ๆ ที่ไม่มีปลั๊กให้เสียบ เพราะ Yoga 7i 2-in-1 ให้แบตเตอรี่มาถึง 71Whr และหากต้องการชาร์จแบบด่วน ๆ ชาร์จเพียง 15 นาทีก็สามารถใช้งานได้นาน 3 ชั่วโมงแล้ว

ที่ตัวเครื่องใช้งานได้ยาวนานขนาดนี้ขอยกความดีความชอบให้ Lenovo AI Engine+ ที่เข้ามาช่วยจัดการพลังงานแบบอัตโนมัติได้อย่างเหมาะสม หรือควบคุมเองผ่านการกด Fn-Q เพื่อเปลี่ยนเป็นโหมดประสิทธิภาพสำหรับงานหนัก หรือจะเข้าโหมดประหยัดแบตเตอรี่เพื่อลดเสียงพัดลมระหว่างการดูภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังช่วยให้การสลับโหมดเป็นแท็ปเล็ต หรือการออกจาก Sleep Mode ทำงานได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย

สรุปแล้ว Lenovo Yoga 7i 2-in-1 14IML9 เป็นแล็ปท็อปอีกหนึ่งตัวที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานของคนยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดีด้วยความที่น้ำหนักเบาเพียง 1.4 กิโลกรัม แต่จัดเต็มทั้งหน้าจอ, พอร์ตการเชื่อมต่อ, ชิปประมวลผล, แบตเตอรี่ที่อึด และฟีเจอร์ช่วยจัดการพลังงานต่าง ๆ แต่ก็มีข้อสังเกตอยู่เล็กน้อยตรงที่การใช้งานในโหมดแท็ปเล็ต และมือด้านหลังที่ถือเครื่องยังรู้สึกถึงแป้นคีย์บอร์ดอยู่ให้ความรู้สึกที่ไม่คุ้นชิน

#IntelCoreUltra
#IntelEvo

Blognone Jobs Premium