จากข่าวก่อนหน้านี้ที่ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐตัดสินให้กูเกิลมีพฤติกรรมผูกขาดบริการระบบค้นหาหรือ Search ตามที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฟ้องร้อง ถึงแม้กูเกิลจะเตรียมยื่นอุทธรณ์แต่สิ่งที่น่าสนใจคือคนที่เสียหายจากคำตัดสินนี้ อาจไม่ใช่กูเกิล
Fortune ให้ข้อสังเกตจากคำตัดสินที่ผู้พิพากษา Amit Mehta อธิบาย โดยบอกว่ากูเกิลมีพฤติกรรมผูกขาดเพราะใช้การทำข้อตกลงเอ็กซ์คลูซีฟทั้งกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและแพลตฟอร์ม เพื่อให้กูเกิลยังเป็นระบบค้นหาหลักต่อไป นั่นแปลว่ากูเกิลอาจถูกสั่งให้หยุดการทำข้อตกลงประเภทนี้ คนที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ จึงอาจเป็นคนที่ได้รับเงินผลประโยชน์จากกูเกิล ซึ่งมีสองรายที่น่าสนใจคือ แอปเปิล และ Mozilla
กรณีของแอปเปิลนั้น ตัวเลขล่าสุดที่มีการเปิดเผยคือปี 2022 กูเกิลจ่ายเงินถึง 20,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้กูเกิลเป็นระบบค้นหาหลักใน iOS, iPadOS และ macOS รายได้ส่วนนี้แอปเปิลจะลงในส่วนธุรกิจ Services ที่รายได้เฉพาะในไตรมาสเดียวล่าสุดคือ 24,213 ล้านดอลลาร์ รายได้จากกูเกิลจึงคิดเป็นประมาณ 20-25% ของรายได้ Services (ตีว่าไตรมาสละ 5,000 ล้านดอลลาร์) เรื่องนี้อาจมีผลกระทบกับแอปเปิลอยู่บ้าง แต่ในภาพรวมแอปเปิลยังมีรายได้จากหลายธุรกิจมารองรับอยู่
Mozilla อาจเป็นกรณีที่หนักกว่านั้น ข้อมูลจากรายงานผลประกอบการปี 2021-2022 ระบุว่า Mozilla ที่เป็นหน่วยงานไม่แสวงหากำไร มีรายได้ 593 ล้านดอลลาร์ เป็นเงินจากข้อตกลงกับกูเกิลถึง 510 ล้านดอลลาร์ หากคำตัดสินนี้ทำให้กูเกิลต้องหยุดทำข้อตกลงกับ Mozilla ย่อมส่งผลกระทบกับสถานะการเงินของ Mozilla ทันที
ตัวแทนของ Mozilla ชี้แจงในประเด็นนี้ว่าได้ติดตามดูคำตัดสินของศาลอย่างใกล้ชิด และมีการประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งแผนการรับมือไว้แล้ว โดยผู้ใช้งาน Firefox สามารถตั้งค่ากำหนดระบบค้นหาที่ต้องการใช้งานได้เอง
ที่มา: Fortune