Sony เรียกเสียงฮือฮาจากการเปิดตัว PlayStation 5 Pro ไม่ใช่ด้วยสเปคที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นเรื่องของราคา ที่กระโดดขึ้นมาจากรุ่น Slim อยู่เป็นเท่าตัว นำไปสู่คำถามของใครหลายๆ คนว่า มันคุ้มค่าที่จะลงทุนมั้ย ทั้งในแง่ของการซื้อเป็นเครื่องแรก หรืออัพเกรดจาก PS5 ที่มีอยู่แล้วปัจจุบัน
ดังนั้นรีวิวของ Blognone จะเน้นไปที่การตอบคำถามข้างต้นเป็นหลัก
เริ่มกันที่ภายนอกแบบเร็วๆ PS5 Pro ลักษณะภายนอกจะคล้ายกับ PS5 Slim ที่ออกมาก่อนหน้าแต่เพิ่มแถบสีดำที่หนากว่าเข้ามา โดยถ้าวัดจากความสูงนั้นตัวเครื่องจะสูงกว่ารุ่น Slim และใกล้เคียงกับ PS5 รุ่นดั้งเดิม แต่น้ำหนักกับความหนา PS5 Pro เบาและบางกว่าแบบรู้สึกได้ ด้านพอร์ตการเชื่อมต่อนั้นเหมือนกับรุ่น Slim เลยมี USB-C จำนวน 2 ช่อง ส่วนด้านหลังมี USB-A จำนวน 2 ช่อง, ช่องเสียบสาย Lan, HDMI 2.1 และช่องเสียบสายไฟ
ส่วนประสิทธิภาพของเกม ทีมงานได้ลองเล่นหลายๆ เกม (เท่าที่มีในไลบรารี่) เพื่อพยายามหาความต่างกับ PS5 รุ่นปกติโดยจะแบ่งเป็นเกม PS4, PS5 และ PS5 Pro Enhanced ตามลำดับ
โหมดนี้คือการอัพสเกลความละเอียดของเกมที่ไม่มี Patch อัปเดต ให้เล่นได้ดีขึ้นบน PS5 ดั้งเดิม เพราะฉะนั้นเกมไหน ถ้าเฟรมเรตบน PS4 ถูกล็อคไว้ที่ 30fps มันก็จะเป็น 30fps อยู่วันยังค่ำ สิ่งที่จะได้จริง ๆ คือภาพในเกมจะชัดสบายตาขึ้นบนทีวี 4K จอใหญ่
สรุปแล้วฟีเจอร์ Enhance Image Quality ยังไม่ใช่ฟีเจอร์ที่เอามาแข่งกับ Backwards Compatibility ของฝั่ง Xbox ซะทีเดียวเนื่องจากของ Xbox นั้นเพิ่มทั้งประสิทธิภาพ และความละเอียดของภาพ (ในบางเกม) ในขณะที่ Enhance Image Quality จะเน้นการเพิ่มความละเอียดภาพให้ชัดขึ้น แต่ไม่ได้มีผลกับประสิทธิภาพของเกม
ทีมงานทดสอบกับเกมที่ประสิทธิภาพมีปัญหาบน PS5 รุ่นดั้งเดิมเป็นหลัก โดยเริ่มจาก Warhammer 40,000: Space Marine 2 ที่โหมด Performance บน PS5 มีเฟรมเรตตกเป็นช่วง ๆ เมื่อเจอกับศัตรูจำนวนมหาศาล
เมื่อลองเล่นเกมนี้บน PS5 Pro แล้วพบว่าเฟรมเรตนิ่งขึ้นมาก กระทืบพวก Tyranids ได้อย่างไม่มีสะดุดแล้ว ส่วนโหมด Graphic นั้นไม่พบความต่างแต่อย่างใด แต่การเปิด VRR ก็ช่วยทำให้ภาพดูลื่นไหลขึ้นนิดหน่อย
ต่อมาทีมงานทดสอบกับเกม Black Myth: Wukong แล้วพบว่าในโหมด Balanced และ Graphics ประสิทธิภาพเหมือนกับบน PS5 แทบแยกไม่ออก แต่ในโหมด Performance ลื่นขึ้นมาก อาการเฟรมกระตุกที่เคยเจอตอนเล่นบน PS5 ก็หายไป หรือแม้แต่ตอนขี่เมฆช่วงท้ายเกมที่เฟรมเรตจะตกอยู่ราว ๆ 30-40fps พอมาเล่นบน PS5 Pro นั้นจะอยู่ที่ราว ๆ 50-60fps แต่ปัญหา Motion Blur ยังคงมีอยู่เพราะตัวเกมใช้ FSR + Frame Generation หากในอนาคตมีอัปเดตให้ใช้ PSSR ประสิทธิภาพของเกมอาจดีขึ้นไปอีกก็เป็นได้
เกมสุดท้ายในหมวดนี้ที่ทีมงานได้ทดสอบคือ Silent Hill 2 Remake ผลปรากฏว่ายังไม่พบความต่างระหว่าง PS5 และ PS5 Pro แต่อย่างใด โหมด Quality ยังคงเป็น 1440p ที่มี Ray Tracing ส่วนโหมด Performance ยังคงเป็น Dynamic Resolution ที่ 864p ถึง 1152p พร้อมการแสดงผลแสงเงาที่แปลกประหลาดเช่นเดิม อันนี้ก็ต้องรอ Bloober Team ออกอัปเดตกันต่อไป
มาถึงจุดที่เป็นฟีเจอร์หลักของ PS5 Pro กันแล้วกับเกมที่มีอัปเดตให้ PS5 Pro โดยเฉพาะและได้รับตรา PS5 Pro Enhanced ทีมงานทดสอบไปทั้งหมด 5 เกมดังนี้
จุดอื่น ๆ ที่น่าสังเกตคือการแสดงผล VRR ของ PS5 Pro นั้นทำได้ดีขึ้นใกล้เคียงกับของ Xbox Series X แล้ว แม้ยังไม่ดีเท่าแต่ก็ไม่ได้แพ้แบบตอน PS5 รุ่นแรก อย่างไรก็ดี ต้องบอกด้วยว่าการทำงานของ VRR ของ Xbox กับ PlayStation นั้นไม่เหมือนกัน ของ Xbox นั้นเป็น VRR แบบของแท้ใช้งานได้ตั้งแต่การเปิดที่ Setting ของเครื่อง นักพัฒนาเกมไม่จำเป็นต้องออก Patch มารองรับฟีเจอร์นี้ ในขณะที่ PS5 นั้นต่อให้เปิดใน Setting แล้ว ต้องเข้าเกมไปก่อน VRR ถึงจะทำงาน ซึ่งนักพัฒนาเกมต้องออก Patch มารองรับ VRR ด้วย
รวม ๆ แล้ว PS5 Pro นั้นประสิทธิภาพ และการแสดงผลดีขึ้นจาก PS5 จริง ๆ แต่ก็ดีขึ้นในระดับที่ไม่ห่างกันมาก ลักษณะที่คล้ายกับประสิทธิภาพของ PS4 กับ PS4 Pro ในอดีต หากถามว่าคุ้มไหมถ้าจะย้ายจาก PS5 มา PS5 Pro ส่วนตัวคิดว่ายังไม่คุ้มเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเมื่อนำเรื่องราคาที่กระโดดขึ้นมาเกือบเท่าตัว (Slim 15,690 บาท ตอนนี้มีโปร 12,890 บาท ส่วน Pro 29,490 บาท)
แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่มี PS5, อยากมีเครื่องเกม Console สักเครื่องที่ประสิทธิภาพดีที่สุด และอยากสัมผัสเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของอุตสาหกรรมเกม PS5 Pro ก็ถือว่าตัวเลือกที่น่าลองอยู่เหมือนกัน