รีวิวหูฟังตัดเสียงรบกวน MDR-NC33 จาก Sony

by hisoft
22 December 2009 - 19:02

ไม่กล่าวถึงที่มาที่ไปนะครับ ผมขอข้ามไปเลย เอาเป็นว่าผมได้มีโอกาสเป็นเจ้าของหูฟังตัดเสียงรบกวน MDR-NC33 จากญี่ปุ่นคู่หนึ่งแล้วกัน

เนื่องด้วยหลายๆ คนอาจจะไม่กล้าเสี่ยงกับหูฟังประเภทนี้ เพราะไม่มั่นใจในประสิทธิภาพ และราคาที่ค่อนข้างสูงพอควร ผมก็จะเอาความคิดเห็นของตัวเองมาเพิ่มเติมให้แล้วกัน แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่า "ผมไม่ใช่พวกหูทองคำ" แยกแยะเสียงดีไม่ดีไม่ออกเท่าไหร่ครับ ประมาณว่าสักแต่ว่าฟังกันเลยทีเดียว

อัพเดต: สองปีผ่านไปหูฟังตัวนี้ได้จากผมไปอย่างสงบเกือบครึ่งทางแล้วครับ เสียงออกหูซ้ายปกติ ด้านขวาเร่งเสียงสุดแล้วจะได้ยินแผ่ว ๆ ส่วนระบบตัดเสียงรบกวนยังทำงานได้ดีทั้งสองข้าง เดาอาการไม่ค่อยออกแต่เสียดายมากครับ (T_T)

อัพเดตใหม่กว่า: ผ่านมาอีกหลายเดือน หูฟังตัวนี้กลับมาหาผมแล้วครับ น่าจะเกิดจากน้ำในถ่านเข้าวงจร สนิมขึ้นบางส่วนแต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่เสียครับ มันกัดลายวงจรขาดเลย ผมเลยเอาสายไฟเชื่อมให้กลับมาใช้ได้เรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าส่งผลต่อเสียงมากน้อยแค่ไหน อาจจะด้วยดอกลำโพงที่ดีพิเศษของเค้าก็ได้ ผมเทียบกับหูฟังทั้งหมดในบ้านตอนนี้แล้วยังรู้สึกว่าเสียงมันดีที่สุดอยู่ซะอย่างนั้น

อัพเดต ๓ (๑๙ มกราคม ๒๕๕๘): ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในรีวิววัสดุแล้วกันนะครับ ผ่านมา ๕ ปีกว่านับจากวันที่ซื้อ ตอนนี้ผมก็ยังคงใช้หูฟังตัวนี้อยู่ แจ็คยังแน่นดี ปลอกไม่เปื่อย สายไม่ขาดใน จุกยางยังดีอยู่ เสียงก็ยังดีมากอยู่เช่นเคยครับ สายหูฟังขวาแข็งบ้างแต่ไม่มาก ส่วนสายที่เหลือไม่มีอาการแข็งครับ ดูจากแววแล้วสงสัยได้อยู่กันอีกนาน
จริงๆ ผมกลัวหูด้านขวาจะไปก่อนมากเลยนะ เพราะตรงช่วงที่แยกสายจากสายหลักมาเป็นสายของหูฟังข้างขวาอย่างเดียวนี่ตรงโคนมันพับเป็นรอยหักตลอดเวลาเลยครับ กลัวว่าสายมันจะหักใน ผมก็ใช้แบบไม่ได้ถนอมอะไร เอะอะโยนใส่เป้แบบไม่ใส่ซอง แถมมีการเกี่ยวสายกันจนแจ็คหลุดจากคอมพิวเตอร์, โทรศัพท์ (หรือบางทีโทรศัพท์ก็ร่วงมาทั้งเครื่องเลย) อยู่บ่อยๆ ด้วยซ้ำ แต่มันก็ยังรอดมาได้แบบไม่มีปัญหา

ตัวผมเองที่อยากได้หูฟังประเภทนี้ก็มีเหตุผลเล็กน้อยครับ เพราะตัวผมชอบฟังเพลงด้วยเสียงเบามากๆ แต่เวลาออกนอกบ้านเราไม่ค่อยมีโอกาสทำแบบนั้น เพราะเสียงรบกวนต่างๆ บางครั้งเบาบ้างดังบ้างทำให้ต้องปรับระดับเสียงกันอยู่เรื่อยๆ หรือไม่ก็ปรับให้ดังพอที่จะได้ยินตลอดเอาไว้เลย ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพ "หู" ของผู้ฟังแน่นอน ไม่ต้องรอหมอดูหน้าไหนมายืนยัน ฟันธง รึคอนเฟิร์ม ทำให้พอผมรู้จักหูฟังประเภทนี้ก็สนใจขึ้นมาทันที แต่ด้วยราคาที่สูงพอควรทำให้ไม่อาจเอื้อมเป็นเจ้าของมาได้ โดยรุ่น MDR-NC33 นี้ เท่าที่ผมทราบ ในไทยเองราคาจะอยู่ราวๆ สามพันห้าร้อยบาท T-T (ไปดูราคามายืนยันแล้ว ๓,๔๖๐ บาทครับ)
แต่แล้วโอกาสก็ลอยมาครับ ผมฝากซื้อจากญี่ปุ่นด้วยเงื่อนไขว่า "ถ้าถูกกว่ากันเยอะ" ก็เลยได้มาในราคา ¥6,780 หรือคิดเป็นเงินไทยด้วยอัตราแลกเปลี่ยน ๓๘ บาทต่อ ¥100 ก็จะอยู่ที่ ๒,๕๗๖ บาทเท่านั้น!

เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ข้ามมาถึงตอนที่ผมใช้ไปวันนึงแล้วละกัน ^^ ไปดูรูปกันก่อนดีกว่า
*หมายเหตุ - ภาพทุกภาพมีภาพใหญ่แถมให้ หากท่านต้องการรับชมภาพในรูปแบบสะใจใหญ่เต็มตา ท่านสามารถติดตามลิงค์ที่ภาพได้ตามอัธยาศัยเลยครับ (จะไม่ได้ขึ้นหน้าหนึ่งก็เพราะบรรทัดนี้แหละ)

เปิดด้วยรูปกล่อง ต้องอธิบายเพิ่มเติมด้วยว่าตอนแรกมันเรียบร้อยกว่านี้ นี่ผมใช้ไปวันนึงแล้วพยายามเรียงมันกลับเข้าไปแต่ยังไงๆ มันก็ไม่ยอมเรียบร้อยเหมือนเดิมเลย T^T

เพิ่มเติมการแปลตัวคันจิจากคุณผักกระเฉด (pakkached ถ้าผมอ่านไม่ผิดนะ ^^) ขอขอบคุณด้วยครับ

ตามมาด้วยภาพสติกเกอร์อะไรสักอย่างที่ผมอ่านไม่ออกแปลไม่ได้เพราะผมอ่านคันจิออกไม่ถึงสิบตัว! เอาเป็นว่ามันมีคำว่า "NOISE CANCELING" อยู่ก็แล้วกันนะครับ
คุณ pakkached: เขียนว่า sou-on ga kininaru norimono deno idou ga kaiteki ni !
แปลตรงตัวได้ว่า "ทำให้การเดินทางโดยพาหนะที่มีเสียงรบกวนมีความสุขสบายขึ้น!"

ต่อด้วยส่วนควบคุม ซึ่งรวมถึงที่ใส่แบตเตอร์รีด้วย (เวลาใช้มันหนักนะครับ)

ภาพรวมๆ แบบใกล้ชิด ที่เห็นๆ ก็จะมีตัวหูฟัง ขนาดจุ๊บยางที่มีให้เปลี่ยน แล้วก็ส่วนควบคุม และป้ายบอกว่าตัดสัญญาณรบกวนภายนอกได้ ๙๐%

คำอธิบายคุณสมบัติข้างกล่องครับ

เท่าที่ผมอ่านออกก็ เรียงจากบนลงล่างนะครับ

  • 13.5mm Drive unit
  • Hybrid earpiece, SML size earpiece ... (ไม่มีอะไรครับ ผมอ่านไม่ออกเอง แหะๆ)
    คุณ pakkached: หลัง earpiece อ่านว่า fuzoku (付属) ค่ะ แปลว่า "มีมา(กับตัวสินค้า)ด้วย" กรณีนี้คือ มี accessory ที่เป็น earpiece 3 size ทั้ง S M และ L แนบมาในกล่องด้วย
  • cord length 1.2m neckchain type อีกบรรทัดนึงอ่านไม่ออกแต่วัดจากสายมาได้ว่าช่วงที่แยกสายสำหรับหูฟังข้างขวาออกมาจนถึงตัวหูฟังขวายาว ๓๐ เซ็นติเมตรครับ
    คุณ pakkached: 30cm enchou-coodo fuzoku(30cm 延長コード付属) อันนี้เป็น accessory ที่เป็นสายต่อหูฟังที่มีมาให้ด้วยค่ะ (ผมเข้าใจว่าหมายถึงหัวฉากนะครับ ยังไม่ได้แกะมาวัด)
  • monitor ... ผ่านไปครับ คันจิล้วนผมยอมแพ้ เอาเป็นว่าเกี่ยวกับปุ่มที่เรียกว่า monitor ที่ผมจะกล่าวถึงภายหลังแล้วกัน
    คุณ pakkached: モニター機能搭載 (monitaa kinou tousai) แปลตรงตัวได้ว่า "มี monitor function ติดตั้งไว้" ค่ะ (ในรีวิวนี้จะเรียกว่าฟังก์ชั่น noise canceling หรือ NC)
  • อันนี้อ่านไม่ออกเลยครับ น่าจะเกี่ยวกับเวลาแบตเตอร์รีที่อ้างว่าถ้าใช้แบตเตอร์รี Sony alkaline LR03 จะใช้งานได้ถึง ๑๐๐ ชม. และหากใช้ Sony manganese R03 จะใช้งานได้ ๕๐ ชม.
    คุณ pakkached: ที่อยู่ในกรอบเขียนว่า 電池寿命 約100時間 (denchi jumyou yaku hyaku jikan)=อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ประมาณ 100 ชม.
    ที่อยู่นอกกรอบเขียนว่า 単4形アルカリ乾電池使用時 (tanyon-gata arukari kandenchi shiyouji)=เมื่อใช้ถ่านอัลคาไลน์ขนาด AAA (น่าจะยี่ห้อใดก็ได้ค่ะ)
  • ภาพสีเทาพื้นขาวด้านล่างอธิบายเกี่ยวกับหัวต่อว่าเป็น mini-plug กับ plug adaptor สำหรับต่อบนเครื่องบินครับ

อุปกรณ์ทั้งหมดที่มาในชุดครับ (หากซื้อที่ญี่ปุ่น)

  • สายต่อหัวฉาก (ปกติจะเป็นหัวตรง หากสะดวกจะใช้หัวฉากให้ต่อด้วยหัวนี้)
  • หัวแปลงสำหรับใช้บนเครื่องบิน
  • ถ่าน AAA Sony manganese R03
  • จุ๊บยาง เบอร์ S และ L (ที่ใส่ไว้ให้จะเป็นเบอร์ M ครับ)
  • ตัวหูฟังพร้อมตัวควบคุม
  • ถุงผ้า โดยบนถุงผ้าจะมีสัญลักษณ์ SONY อยู่ด้วย ตามภาพด้านล่างนี้ (ถุงใบเดียวกันหมดนะครับ แสงมันเข้าเลยเหมือนเป็นสีเทา แต่จริงๆ แล้วสีดำ)


จุ๊บยางที่ให้มาครับ

ตัวหูฟัง ด้านบนของด้านหลังหูฟังที่เห็นเป็นรูๆ นั่นคือไมโครโฟนสำหรับรับเสียงครับ



ส่วนตัวควบคุม (ใส่ถ่านเปิดสวิตช์ให้ทำงาน)


ถ่านและรางถ่าน

หัวต่อทั้งหมด

เรียงจากบนลงล่าง

  • หัวแปลงสำหรับบนเครื่องบิน
  • หัวฉาก
  • หัวจากหูฟัง

ลักษณะเวลาเสียบหูจริงๆ บอกตรงๆ ว่าตอนแรกๆ ที่ผมเห็น Sony ทำหูฟังที่เอาดอกลำโพงมาวางตะแคงผมนึกภาพเวลาเสียบหูไม่ออกเลย แต่เอาเข้าจริงหูฟังตัวนี้ใส่สบายมากครับ ใส่นานๆ ก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไร

ดูภาพกันจนเบื่อรึยังครับ? รูปเยอะไปหน่อยคงไม่ว่ากัน หลังจากนี้คงไม่มีแล้วเพราะผมขี้เกียจหยิบกล้องแล้ว (แป่ว)

มาอธิบายการทำงานคร่าวๆ กันก่อน โดยหลักการก็คือให้ไมโครโฟนรับสัญญาณเสียงภายนอกเข้ามา แล้วนำไปสร้างคลื่นเสียงที่เป็นด้านตรงกันข้ามออกมาทางลำโพง เมื่อคลื่นเสียงที่เป็นด้านตรงกันข้ามกันเจอกันก็ บูม กลายเป็นโกโก้ครันช์ เอ้ย ไม่ใช่ครับ มันก็จะหักล้างกัน ทำให้สัญญาณเสียงจากภายนอกลดลง หรือหายไปเลย
เพิ่มเติม: Wikipedia: Noise-cancelling headphones

ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้หูฟังตัวนี้ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ ๙๐% ผมว่าคงไม่ได้มาจากระบบตัดเสียงอย่างเดียว แต่ด้วยความที่เป็นหูฟังแบบ in ear ด้วยเสียมากกว่า

ส่วนควบคุมไม่มีอะไรมากครับ มีแค่สวิตช์เปิด - ปิดการทำงานของระบบตัดเสียงรบกวนแล้วก็ปุ่ม MONITOR เท่านั้นเอง โดยปุ่มนี้จะทำหน้าที่ตัดเสียงจากหูฟัง ปิดระบบตัดเสียงรบกวน เพื่อให้เราได้ยินเสียงรอบตัวได้อย่างชัดเจนครับ จะได้ไม่ต้องปิดเพลง ปิดหูฟัง ถอดหูฟังเพื่อฟังอะไรสักอย่าง
มาขึ้นส่วนของประสบการณ์จริงที่ผมใช้มา แม้จะวันเดียวก็เถอะครับ ผมเปิดๆ ปิดๆ ระบบเป็นระยะๆ เพื่อเปรียบเทียบเวลาเปิดกับปิดว่ามันดีจริงรึเปล่า

วันเดียวที่ผ่านมาผมลองเอาไปผ่านสถานการณ์อะไรมาบ้าง? เวลาเปิดให้ทำงานแล้วมันช่วยได้แค่ไหน?

  • ขึ้นรถเมล์ ปอ. ของขสมก. บอกได้แค่ว่าถ้าหลับตาก็เหมือนอยู่ในห้องไม่มีหน้าต่างเงียบๆ หล่ะครับ แต่ถ้ามีคนพูดคุยก็จะได้ยิน แต่จะเบากว่าปกติ
  • ขึ้นรถเมล์ครีม - แดงของขสมก. ถ้ายืนก็เงียบดีครับ แม้รถจะวิ่งผ่านถ้าไม่ใช่เสียงดังจริงๆ ก็แทบจะไม่ได้ยิน แต่ปัญหาเริ่มเกิดตอนที่นั่งครับ ถ้าหันมุมไม่ดีแล้วลมตีกับไมโครโฟนบนหูฟังแล้วล่ะก็ มันจะถ่ายทอดเสียงลมมาออกลำโพงให้เราได้ยินแทนครับ วิธีแก้ก็ลองหันๆ ให้มันไม่โดนลมตีจังๆ เอาแล้วกัน
  • เดินผ่านป้ายรถเมล์และสถานที่สาธารณะที่มีคนอยู่ปริมาณมาก ลดเสียงลงไปได้เยอะมากครับ
  • ในห้องที่มีคนเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์อย่างเมามัน และห้องข้างๆ เล่นเปียโน ช่วยลดเสียงได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับเบา (ก็น่าจะรู้ สองเสียงในข้อนี้ไม่ใช่เบาๆ นะครับ แต่เวลาเปิดระบบตัดเสียงรบกวนก็ทำให้ผมเปิดเพลงเบาๆ แล้วหลับได้)

โดยหัวข้อด้านบนที่กล่าวมา ผมยังสามารถเปิดเพลงเบาๆ แล้วฟังได้โดยที่ไม่ต้องเร่งเสียง Windows Media Player จาก Windows Mobile 6.5 บน O2 Atom Life เกิน ๔๐ (จาก ๑๐๐) เลยครับ จากที่ปกติสถานการณ์ด้านบนนี้ต้องใช้ตั้งแต่ ๕๕ จนถึง ๙๐ เลย (แต่ผมว่าหูฟังเก่าผมเบากว่ากันประมาณ ๕ - ๑๐ ระดับเสียงนะครับ)

การใช้ปุ่ม Monitor ก็สะดวกกว่าที่คิด ทำให้ไม่ต้องถอดหูฟังออกๆ เข้าๆ อีก แค่กดปุ่มนี้ พอเสร็จก็ปล่อย

มาถึงด้านของเสียง ด้านที่ผมไม่ถนัดเท่าไหร่ ผมว่าเหมือนเสียง Bass มันจะไม่หนักแน่น แต่ผมชอบนะ รู้สึกว่าน่าจะถนอมหูเราได้มากกว่า

ผมสรุปเอาเองว่าหูฟังตัวนี้น่าจะช่วยถนอมหูคนชอบฟังเพลงได้ ถ้าไม่เปิดเสียงดังบ้าคลั่ง เพราะส่วนตัวผมเองก็ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องเปิดดังๆ อีกเนื่องจากเสียงภายนอกก็ไม่ได้ดังมากมายขนาดต้องเร่งเสียงกลบเลย

เหมือนเนื้อหาจะสั้นๆ ขาดๆ อย่างไรชอบกล ค่อนข้างรู้ตัวว่าจบแบบห้วนมากๆ ใครมีข้อเสนอแนะหรือติ - ชมก็ช่วยบอกด้วยนะครับ

Blognone Jobs Premium