ซัมซุงเปิดตัวสมาร์ทโฟนซีรีส์ Samsung Galaxy S25 ทำงานผ่านชิป Snapdragon 8 Elite for Galaxy (3nm) เพิ่มประสิทธิภาพ NPU 40% CPU +37% และ GPU +30% รวมทั้ง Vapor Chamber มีขนาดใหญ่ขึ้น 1.4 เท่า
Blognone ได้มีโอกาสชม Galaxy S25 โดยรวมยังคงเน้นฟีเจอร์ปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งได้เพิ่มฟีเจอร์ผู้ช่วยส่วนตัวเข้ามาใหม่ และเป็นครั้งแรกที่ Gemini Live จะรองรับการใช้งานภาษาไทย (สมบูรณ์แบบ 7 ก.พ. 2025) ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ มีการอัปเกรดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งด้านการค้นหา ภาษา และการแก้ไขภาพ
Galaxy S25 Ultra ได้อัปเกรดกล้องหลัง ultrawide ที่ของเดิม 12MP มาเป็น 50MP และถ่ายวิดีโอ HRD ดีขึ้น 4 เท่า ส่วนกล้องตัวอื่น ๆ คือกล้องหลัก 200MP, telescope 10MP, periscope 50MP นั้นยังเป็นตัวเลขเดิม ในขณะที่รุ่น S25 และ S25+ ยังเหมือนเดิม
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สำหรับการถ่ายภาพเพิ่มเข้ามาด้วย ดังนี้:
Galaxy S25 และ S25+ มาพร้อมกับตัวเครื่องน้ำหนักเบาลงเล็กน้อย เหลือ 164 กรัม และ 190 กรัมตามลำดับ ซึ่งมาพร้อมกับตัวเลือกสี Silver Shadow, Mint, Icyblue (เฉพาะ S25), และ Navy (เฉพาะ S25+) ส่วนสี Blueblack, Coralred, และ Pinkgold มีเฉพาะทางออนไลน์
สำหรับราคาของ Galaxy S25 อยู่ที่ 29,900 บาท (12/256GB) และ 34,900 บาท (12/512 GB) ส่วน Galaxy S25+ อยู่ที่ 36,900 บาท (12/256 GB) และ 41,900 บาท (12/512 GB)
ส่วน Galaxy S25 Ultra มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น 6.9 นิ้ว ตัวเครื่องน้ำหนักน้อยลงเล็กน้อย เหลือ 218 กรัม ซึ่งมาพร้อมกับตัวเลือกสี Titanium Black, Titanium Gray, Titanium Silverblue, และ Titanium Whitesilver ส่วนสี Titanium Jetblack, Titanium Jadegreen, และ Titanium Pinkgold มีเฉพาะทางออนไลน์
ซึ่งมาพร้อมกับตัวเลือกความจุ 3 ขนาด ราคาอยู่ที่ 46,900 บาท (12/256GB), 52,900 บาท (12/512GB), และ 62,900 บาท (12/1TB)