จากความเดิมตอนที่แล้ว ที่เป็นเรื่องของ hardware คราวนี้จะมาดูภาค software กันครับ
ภาค Software
OS
ข้อแตกต่างอันแรกของ 2 รุ่นนี้ก็คือ Spica มากับ Android 1.5 ส่วน A88 มากับ Android 1.6 ซึ่งในการใช้งานทั่ว ๆ ไป อาจจะไม่เจอความแตกต่างกันมากนัก แต่จะส่งผลต่อฟีเจอร์ หรือ app บางตัว ที่เริ่มสนับสนุนใน Android 1.6 จะเล่าให้ฟังต่อไปครับ
สำหรับ เจ้าของ Spica คงจะได้ยินข่าวดีที่ทำให้ใจชื้นขึ้นมาได้บ้างว่า ทาง Samsung จะทำการ upgrade ให้เป็น Android 2.1 กันโดยถ้วนหน้าเร็ว ๆ นี้ (ใครที่จะลองก่อน ดูวิธี upgrade ROM แบบไม่เป็นทางการที่ PDAMobiz ครับ) ส่วน A88 ตอนนี้มีข่าวว่าสามารถ root ได้แล้ว ก็คงต้องรอดูว่าจะมี official หรือ custom ROM ออกมาให้ใช้กันหรือไม่
Home screen
จากที่ใช้ home screen มาตรฐาน ของ Spica มาสักพักจนเริ่มจะคุ้น พอมาเจอเข้ากับ Home screen ของ A88 ก็จะรู้สึกแปลกตาไปบ้าง เพราะมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของ theme ที่ใช้ หน้าจอ notification ที่เพิ่มส่วนของ system info เข้ามา นอกจากนี้ สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาก็คือ พื้นที่ Desktop ของ A88 ให้มา 5 จอ ซึ่งดูเหมาะสำหรับ power user ที่ใช้งานโปรแกรมหลากหลาย จะได้ใส่ widget กันได้เต็มที่ ในส่วนของ icon ของ A88 ถูก scale ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เต็มตา ดี แต่ก็แลกมาด้วยการรูป icon ที่แตกเป็นเหลื่ยม ๆ
อีกส่วนหนึ่งที่มีความเปลี่ยนแปลงของ A88 ก็คือ Widgets เพราะมีการเพิ่ม Widgets อำนวยความสะดวก มาให้ตั้งแต่แรก อันที่ผมชอบก็คือ Widget ที่ใช้เปิดปิด wireless service ต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นการแตะเลือกบนหน้าจอ แค่ครั้งเดียว ส่วนของ Spica นั้นยังต้องแตะเลือกโปรแกรม Switcher ก่อน จึงจะเปิด ปิด service ต่าง ๆ ได้
อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของผมความแตกต่างตรงนี้คงไม่ใช้เรื่องใหญ่นัก เพราะตอนนี้มีโปรแกรม Home screen replacement และ Widgets ให้เลือกมากมายหลายตัว ทั้งฟรีและเสียเงินครับ
Apps
โปรแกรมพื้นฐานที่ติดมากับเครื่อง ของทั้ง 2 รุ่นแทบจะไม่ต่างกัน รวมไปถึงในส่วนของ Google services ต่าง ๆ ด้วย แต่ก็เพราะในส่วนของ Google services นี่เองที่ทำให้ผมเห็นความแตกต่างระหว่าง Android 1.5 กับ 1.6 ขึ้นมาทันที
เพราะว่า Google Maps เวอร์ชันใหม่ มี turn-by-turn navigation ซึ่งต้องใช้กับ Android 1.6 ซึ่ง A88 สามารถ upgrade และใช้งานได้ทันที
ตอนนี้ผู้ใช้ Spica ก็ต้องฝากความหวังไว้ที่ การ upgrade เป็น Android 2.1 แล้วครับ
ส่วนของการสนับสนุน multimedia ที่เพิ่มเติมขึ้นมาใน Spica ก็คือ การสนับสนุน DivX format ซึ่งช่วยประหยัดพื้นที่ในการเก็บไฟล์ได้ แต่ก็คงไม่ส่งผลกระทบกับผู้ใช้ทั่วไปมากนักในยุคที่ mp4 และ youtube ครองเมือง
ภาษาไทย
ทั้ง 2 รุ่น มี font ภาษาไทยติดมาอยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้อง root เพื่อติดตั้ง font ภาษาไทยเพิ่มเติมครับ แต่ font ของ Spica นี่ออกจะตัวเล็กไปสักนิด โดยเฉพาะตัวอักษรไทย
ในครั้งแรก การใช้งานภาษาไทยของ A88 นั้น ออกจะสะดวกกว่า เพราะมี keyboard layout ภาษาไทยติดมากับเครื่องเลย มือใหม่ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายดาวน์โหลดมาติดตั้งเองจาก Market นอกจากภาษาไทยแล้ว ยังสนับสนุนภาษาจีน และเวียดนามด้วย (สามารถเลือกปิด layout ที่ไม่ใช้ ได้ตามต้องการ) เอาใจผู้ใช้แถบเอเชียสุด ๆ
ส่วน Spica ออกจากแปลกสักหน่อย เพราะเมื่อเปิดเครื่องมาครั้งแรก การใช้ภาษาไทยจะอ่านได้อย่างเดียว ถ้าอยากพิมพ์ได้ ต้องไปดาวน์โหลดโปรแกรมมาลง (Droidsans keyboard หรือ 9420 keyboard) หลังจากลงโปรแกรมเรียบร้อย ข้อได้เปรียบของ A88 ตรงนี้ก็หายไปครับ :D
สรุปผลจากการทดลองใช้งาน
Samsung Galaxy Spica อาจจะเสียเปรียบนิดหน่อย เพราะเปิดตัวออกมาก่อน แต่ก็เป็นที่ยอมรับกันในเรื่องคุณภาพของ hardware ที่ทำออกมา โดยเฉพาะจอภาพ กล้อง และคุณภาพเสียง ถ้าหากคุณให้ความสำคัญกับการใช้งาน multimedia ชื่อ Samsung น่าจะช่วยการันตีสิ่งที่จะได้รับได้เป็นอย่างดี ข้อที่เหนือกว่าของ Samsung อีกข้อหนึ่งก็คือ ความจุของแบตเตอรีที่มากกว่าน่าจะเป็นข้อพิจารณาสำหรับผู้ใช้งานหนัก ๆ นอกจากนี้การประกาศ firmware upgrade เป็น Android 2.1 ทำให้ Spica เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจขึ้นมาทันที
ทางด้านของ WellcoM A88 สามารถทำ hardware ออกมาได้ไม่แพ้เครื่อง brand name ที่มีราคาแพงกว่า มีฟีเจอร์ต่าง ๆ อัดแน่นมาในเครื่องให้ได้ใช้กันครบ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่สนใจจะทดลองใช้ Android ส่วนในอนาคต เราก็น่าจะฝากความหวังไว้กับ WellcoM ได้ว่า จะได้เห็น hardware ที่น่าสนใจ ที่ไม่แพงเกินเอื้อมมาให้เราใช้กันอีก และบริการหลังการขาย ไม่ว่าจะเป็น การรับประกัน ซ่อม และการ upgrade จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ครับ
หวังว่า ประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับท่านที่กำลังตัดสินใจอยู่ในเวลานี้ครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม