รีวิว Motorola Milestone

by lew
19 April 2010 - 19:31

หลังจากฝ่าวิบากกรรมหลายประการ ผมก็ได้เจ้า Motorola Milestone นี่มาทดสอบจนได้ ในตอนนี้เราอาจจะต้องบอกว่า Motorola Milestone เป็นโทรศัพท์ Android ที่สูงที่สุดที่มีวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทย

ผมจับ Milestone นี้นับเป็น Android เครื่องที่สาม นับจาก HTC Magic และ LG GW620 การใช้งานจริงจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับทั้งสองเครื่องที่ผ่านมา แต่ด้วยความที่ราคาและสเปคต่างกันค่อนข้างมาก โดยตัว Milestone มีราคาอยู่ที่ 18,500 บาททำให้สามารถใส่ความสามารถต่างๆ เข้ามาได้อย่างเต็มที่

จุดเด่นหลักๆ ของ Milestone ที่คุณจะเห็นครั้งแรกตั้งแต่

  • หน้าจอ 480x854 ขนาด 3.7"
  • คีย์บอร์ด QWERTY
  • รองรับ 3G ถ้าใครซื้อเครื่องเมืองนอกต้องระวังสักหน่อย เพราะมีทั้งรุ่น 900/2100, 850/1900, ส่วนบ้านเราเป็น 850/2100
  • ซีพียู Cortex A8 600MHz และ GPU PowerVR SGX530
  • กล้อง 5 ล้านพิกเซล
  • Android 2.1 น่าจะเป็นตัวเดียวที่รองรับอย่างเป็นทางการในตอนนี้

การออกแบบภายนอก

เมื่อเห็นครั้งแรกต้องบอกว่าโทรศัพท์ตัวนี้ออกแบบได้ "อเมริกัน" มากๆ ครับ คือเป็นเหลี่ยมๆ เปิดมาเห็นน๊อตสี่แฉก แม้ว่าทั้งหมดจะทำให้ Milestone ดูแข็งแรงบึกบึนทนทาน ในแบบที่ผู้ชายหลายๆ คนคงชอบกัน แต่ข้อน่าสงสัยคือมันจะจับตลาดในยุคผู้หญิงครองเศรษฐกิจได้อย่างไรเมื่อมันไม่มีแม้แต่รู้ร้อยสายห้อยโทรศัพท์!

อย่างไรก็ดี โดยภาพรวมแล้ว Milestone นับว่าถูกสร้างขึ้นมาค่อนข้างดีตัวรางสไลด์แน่นอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีอาการบ่งบอกว่ามันจะเสียในเร็ววัน ด้านบนเครื่องมีปุ่มปิดเปิดซึ่งใช้เป็นปุ่มล็อกและปลดล็อกไปพร้อมๆ กัน ข้อดีของโทรศัพท์หลายๆ รุ่นที่ใช้ปุ่มปิดเปิดเป็นปุ่มปลดล็อกคือมันกดพลาดได้ยาก ขณะที่เมื่อผมใช้ HTC Magic นั้นมักเผลอไปกดเอาปุ่มวางสายแทนปุ่ม Back แล้วทำให้หน้าจอล็อกโดยไม่ตั้งใจเสมอๆ แต่ข้อเสียของ Milestone กลับเป็นเรื่องที่มันไม่มีปุ่มโทรและปุ่มวางสายมาในตัว การโทรออกจึงต้องทำผ่านโปรแกรม Phone เท่านั้น

ล่างจากหน้าจอลงมาเป็นปุ่มสี่ปุ่มที่ใช้ระบบ Touch-Screen เป็นเนื้อเดียวกับจอ นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมพบว่ากูเกิลไม่ได้กำหนดการวางตำแหน่งของปุ่มสี่ปุ่มหลักได้แก่ Back, Menu, Home, และ Search เอาไว้ ทำให้แต่ละเครื่องมีการวางเป็นของตัวเอง และเมื่อผมมาใช้ครั้งแรกๆ ก็ต้องปรับความเคยชินพอสมควร ตรงนี้คงบอกไม่ได้ว่าอะไรดีกว่าอะไร แต่ผมว่าน่าจะดีกว่าถ้ากูเกิลจะสร้างข้อตกลงในวางปุ่มไว้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กรณีของ Milestone นั้นปุ่ม Menu และ Search มีปุ่มเฉพาะบนคีย์บอร์ดด้วย แต่ผมพบว่าผมลืมเสมอๆ และมักเลื่อนมากดปุ่มข้างหน้าจออยู่ดี

ข้อดีที่ปฎิเสธไม่ได้ของการมีตคีย์บอร์ดคือการบังคับหน้าจอให้วางตัวในแนวนอนได้เมื่อเราต้องการ และไม่ต้องกังวลว่า Accelerometer จะทำงานผิดพลาดประการใด ข้อดีนี้เป็นเหมือนกันใน Android รุ่นอื่นๆ ที่มีคีย์บอร์ด QWERTY ตัวคีย์บอร์ดนั้นเมื่อผมลองใช้งานในวันแรกพบว่ามันแข็งมากจนลำบากในการกด แต่เมื่อใช้ๆ ไปก็เริ่มชินขึ้น อาจจะเพราะปุ่มนิ่มลงจริงๆ หรือผมกดแรงขึ้นเอง

ช่องหูฟังมาตรฐาน 3.5มม. น่าจะกลายเป็นมาตรฐานสำหรับหลายๆ ยี่ห้อกันได้แล้ว สำหรับตัว Milestone เองผมใช้หูฟังรุ่นอื่นๆ เข้ากับมันก็พบว่าเสียงดีพอใช้ จุดที่ดีที่สุดคือหูฟังของ Milestone เองก็เอาไปใช้กับเครื่องเล่นหรือคอมพิวเตอร์ได้ ทำให้ผมไม่ต้องพกของมากขึ้นโดยไม่จำเป็น

ซอฟต์แวร์และการใช้งานเว็บ

ถ้ามีใครถามว่าจุดตายของ Milestone ที่คุณควรเลือกมันคืออะไร ผมจะตอบว่ามันคือโทรศัพท์หน้าจอความละเอียดสูงสุดในราคาต่ำกว่าสองหมื่นบาท ความละเอียด 854x480 ทำให้คุณสามารถใช้งานโทรศัพท์ตัวนี้ในแบบที่ไม่เคยคิดว่าจะใช้งานได้ในโทรศัพท์มาก่อน แน่นอนว่าความละเอียดสูงขนาดนี้บนหน้าจอ 3.7" นิ้วจะทำให้ตัวอักษรมีขนาดเล็กกว่าปรกติมาก แต่ถ้าคุณต้องการเห็นข้อมูลจำนวนมากในหน้าจอเดียวและคุณไม่มีปัญหาสายตา ก็นับว่านี่เป็นจุดแข็งที่คนอื่นให้ไม่ได้

ผลของหน้าจอที่ละเอียดทำให้คุณสามารถอ่านบทความได้เนื้อหามากกว่าปรกติโดยไม่ต้องเลื่อนหน้าจอไปมาบ่อยๆ อย่างไรก็ตามควรระวังว่าหน้าจอจริงๆ จะทำให้ตัวอักษรเล็กมาก ควรลองใช้งานจริงก่อนตัดสินใจซื้อ

ลูกเล่นของ Android 2.1 ทำให้ Milestone มีความสามรถในการทำกราฟิกเพื่อพรีวิวบุ๊กมาร์กได้ การเลื่อนไปมาค่อนข้างลื่นไหลดี หน้าจอแบบเดียวกันนี้มีในโปรแกรมเล่นเพลงเหมือนกัน แต่หน้าจอแบบนี้จะขึ้นมาเมื่อจออยู่แนวนอนเท่านั้น ส่วนถ้าเป็นแนวตั้งจะเป็นหน้าจอปรกติ เล่นเอาผมงงไปในครั้งแรกๆ

ส่งท้ายในหมวดนี้คือผมยืนยันว่าถ้าคุณต้องการเนื้อหามากๆ บนหน้าจอเดียว นี่อาจจะเป็นโทรศัพท์ที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคุณ

Motonav

เนื่องจาก Milestone ไม่มีหน้าจอพิเศษเหมือนเช่น MOTOBLUR หรือ HTC Sense ซอฟต์แวร์เฉพาะของ Milestone จึงมีอย่างเดียวคือ Motonav ที่ใช้นำทางแบบเสียงได้ ช่าวร้ายคือ Motonav นั้นไม่ฟรี แต่แถมมาให้ใช้งานได้ฟรีสองเดือน โดยหลังจากนั้นจะไม่สามารถใช้ระบบนำทางได้อีกต่อไป

จากการใช้งานพบความจริงอย่างหนึ่งว่าระบบ aGPS ของ Milestone นั้นไม่ "แรง" นัก โดยการจับสัญญาณจะใช้เวลา 2-3 นาที และเมื่อใช้ในรถที่วิ่งเร็วสักหน่อยพบว่าสัญญาณหลุดเป็นห้วงๆ อยู่บ้าง โดยรวมแล้วมันใช้งานได้ แต่ไม่ประทับใจนัก

กล้องและการใช้งาน

แน่นอนว่าเมื่อซื้อโทรศัพท์ที่มากับกล้อง 5 ล้านพิกเซล ก็คงไม่ทดสอบมันไม่ได้ กล้องของ Milestone ให้คุณภาพที่ดีจนน่าพอใจเมื่ออยู่ในสภาพแสงไม่โหดมาก เช่นกลางแดด หรือในร่มที่แสงมากพอสมควร แต่ปัญหาคือเมื่อสภาพแสงที่ค่อนข้างแย่มากเช่นในร้านอาหาร ระบบแฟลชของ Milestone กลับไม่สามรถช่วยได้เท่าที่หวัง เนื่องจากมุมแฟลชที่แคบมากทำให้ภาพสว่างแค่ตรงกลางประมาณพื้นที่ครึ่งเดียวเท่านั้น อีกทั้งผมเจอปัญหาแฟลชไม่ติดอยู่หลายครั้ง เข้าใจว่าเป็นปัญหาจากซอฟต์แวร์ที่ยังมีบั๊กอยู่บ้าง

บทสรุป

จุดขายหลักของ Milestone คือหน้าจอความละเอียดสูงมาก ตัวถังที่ดูแข็งแรง และฟีเจอร์ที่ครบถ้วน แต่ขณะเดียวกับข้อเสียของมันก็มีอยู่หลายประการนับแต่ปัญหาการเชื่อมต่อ Wi-Fi ในบางกรณีที่ไม่สามารถเชื่อมต่อได้ แต่การใช้งานโดยทั่วไป ก็ใช้งานได้ดีพอสมควร

อีกจุดหนึ่งที่ควรพิจารณาคือ Android ทุกตัวนั้นต้องการอินเทอร์เน็ตตลอดเวลาเพื่อใช้งานให้เต็มความสามารถไม่ว่าจะเป็น Twitter, GTalk, Gmail และอีกสารพัดบริการ ดังนั้นถ้าคุณอยู่และทำงานในเขตของการให้บริการ True 3G ก็นับว่าการซื้อ Milestone จะให้ทางเลือกที่อาจจะคุ้มที่สุดทางหนึ่ง

http://truemove.com/android

Sponsored Content

Blognone Jobs Premium