รีวิว BlackBerry Storm2 9520 มือถือจอสัมผัสรุ่นที่สองจาก RIM

by mk
3 May 2010 - 13:34

เมื่อปีที่แล้ว ผมได้รีวิว BlackBerry Storm มือถือจอสัมผัสตัวแรกของค่าย RIM (ตอนที่ 1, ตอนที่ 2, ตอนที่ 3) ตอนนี้เวลาผ่านมาราวครึ่งปี ทาง RIM ได้ส่งมือถือรุ่นปรับปรุง Storm2 มาให้ทดสอบอีกครั้ง มาดูกันว่ามันมีพัฒนาการขึ้นจากเดิมแค่ไหนกันครับ

เกริ่นก่อนรีวิว

ผมใช้งาน Storm2 รอบนี้ ในบริบทที่ต่างไปจากคราวก่อนมาก เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว BlackBerry เพิ่งเริ่มเข้ามาทำตลาดในไทย และยังไม่แพร่หลายขนาดนี้ เมื่อเทียบกับในตอนนี้มันต่างออกไปมาก BlackBerry กลายเป็นของสามัญที่พบได้ทั่วไป และผมเชื่อว่าผู้อ่าน Blognone จำนวนไม่น้อยก็มี BB ในครอบครองกันแล้ว ดังนั้นคราวนี้จะไม่ต้องเกริ่นเรื่องแพลตฟอร์มของ BB กันมากมายเหมือนเดิม

ประการที่สอง Storm2 ถือเป็น "วิวัฒนาการ" มาจาก Storm รุ่นแรก และเนื่องจากผมเขียนถึง Storm ตัวแรกไว้ค่อนข้างละเอียดแล้ว ดังนั้นการรีวิวครั้งนี้จะเทียบกับ Storm ตัวแรกเป็นหลัก ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง โดยผมจะยึดโครงสร้างของบทความตาม Storm รุ่นแรกให้ล้อกัน

ป.ล. เพื่อป้องกันความสับสน ผมจะเรียก Storm รุ่นแรกว่า Storm1 นะครับ

รู้จักกับ Storm2

ชื่ออย่างเป็นทางการของมันคือ Storm2 (เขียน 2 ติดกับ Storm ไม่ต้องมีเว้นวรรค) ซึ่งผมมองว่าเป็นการสะกดแบบแปลกๆ และเราจะเห็นสำนักข่าวต่างประเทศใช้ Storm 2 (แบบเว้นวรรค) ก็เยอะ อย่างไรก็ตาม บทความนี้จะยึดตามชื่ออย่างเป็นทางการคือ Storm2 ครับ

ตามข่าวเก่าเคยระบุว่า รหัสของมันคือ "Odin" มันแบ่งเป็นสองรุ่นย่อยตามรุ่นพี่ Storm คือ รุ่น CDMA ใช้รหัสว่า 9550 และรุ่น GSM คือ 9520 สำหรับรุ่นที่ได้มานี้เป็น 9520 GSM ครับ

ในประเทศไทย Storm2 ขายกับ AIS เพียงค่ายเดียวเท่านั้น ราคาอย่างเป็นทางการคือ 22,900 บาท ซึ่งวางไว้อยู่ระดับเดียวกับ Bold 9700 ตัวท็อปของสาย QWERTY ในปัจจุบัน

Storm1 vs Storm2

ถ้าเรียกตามภาษารถ เราสามารถบอกได้ว่า Storm2 ถือเป็น minor change ของ Storm1 ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงรุ่นครั้งใหญ่เหมือนกับ Bold 9000 มาเป็น Bold 9700

สเปกของ Storm1 กับ Storm2 แทบจะเหมือนกันทุกประการ จุดเปลี่ยนมีดังนี้

  • Storm1 ไม่มี Wi-Fi แต่ใน Storm2 มีแล้ว
  • Storm2 หนักกว่า Storm1 เล็กน้อย
  • Storm1 รองรับ Bluetooth 2.0 ในขณะที่ Storm2 รองรับ Bluetooth 2.1+EDR
  • แบตของ Storm1 ทนกว่าเล็กน้อย (สแตนด์บาย 15 วัน vs 11 วัน)
  • หน่วยความจำภายในเพิ่มจาก 1GB เป็น 2GB ในขณะที่ Flash ROM เพิ่มจาก 128MB เป็น 256MB
  • Storm2 เปลี่ยนระบบปฏิบัติการมาเป็น BlackBerry OS 5.0

สเปกอย่างละเอียดของมือถือทั้งสองตัว ดูได้จากหน้าเปรียบเทียบรุ่นของ RIM

ฮาร์ดแวร์

เมื่อดูเผินๆ หน้าตาและรูปทรงของ Storm2 ไม่ต่างอะไรกับ Storm1 มากนัก แต่ถ้าดูละเอียดจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายจุด

ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือปุ่มควบคุมทั้งสี่ปุ่ม จากเดิมที่มันเป็นปุ่มแยกกดได้อิสระ ตอนนี้กลายมาเป็นส่วนเดียวกับหน้าจอแล้ว

วิธีการปิดฝาหลังจะเปลี่ยนไป คือ ไม่มีสลักสำหรับดึงฝาหลังอีกแล้ว ต้องใช้วิธีแงะออกมาตามรูเล็กๆ ที่ขอบฝาหลัง

ปุ่มด้านข้างเปลี่ยนจากปุ่มสีเงิน มาเป็นปุ่มสีดำ เข้ากับสีของตัวเครื่องด้านข้าง

ปุ่มด้านบนซ้าย เปลี่ยนจากปุ่มล็อค มาเป็นปุ่มปิดเครื่อง (ซึ่งใช้ทำหน้าที่ล็อคหน้าจอเหมือนกัน)

ปัญหาขอบระหว่างจอกับตัวเครื่องมีแสงลอดออกมา ถูกแก้ไขไปเรียบร้อย ดูสมราคา BlackBerry รุ่นท็อปมากขึ้น

ตัวเครื่องของ Storm2 ขนาดไม่ต่างจาก Storm1 มากนัก แต่เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนตัวอื่นในท้องตลาด ถือว่าใหญ่และหนักไม่น้อย อย่างไรก็ตามวัสดุและการประกอบก็หนักแน่นเข้มแข็งตามไปด้วย

แน่นอนว่า Storm2 มี Wi-Fi แล้ว ดีกว่า Storm1 มาก แต่ BlackBerry OS กลับไม่แสดงสัญญาณของ Wi-Fi บอกแค่โลโก้ของ Wi-Fi ว่าใช้งานอยู่ อันนี้ไม่ดี

อีกจุดที่เปลี่ยนไปคือลำโพงของ Storm1 ที่เคยอยู่ด้านหลังของตัวเครื่อง เปลี่ยนมาอยู่ด้านข้างแทนแล้ว ทำให้เสียงดังฟังชัดขึ้นเวลาวางไว้บนโต๊ะ ลำโพงของ Storm2 มีจุดเด่นเหมือนกับ Storm1 คือเสียงดังมาก เอาไปใช้เป็น boombox ริมชายหาดได้เลย

หน้าจอ

ผมรู้สึกว่าจอของ Storm2 สีสดกว่าและสว่างกว่า Storm1 แม้ว่าตามสเปกจะบอกว่าเท่ากัน จอรุ่นนี้มีความละเอียด 360x480 (4:3) ซึ่งมีปัญหาเรื่องดูหนังแล้วมีขอบดำเหมือนเดิม)

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกอย่าง นอกเหนือไปจากเรื่อง Wi-Fi คือระบบสัมผัสของหน้าจอครับ ใน Storm1 (รีวิวตอนแรก) นั้นใช้ระบบที่เรียกว่า SurePress

SurePress มีคุณสมบัติสำคัญคือ กดแล้วจอมันจะยุบลงได้ ดังนั้นมันจะมีการสัมผัสหน้าจอสองแบบ คือ แตะเบาๆ เพื่อเลือก และกดหน้าจอให้ยุบลงไปเพื่อยืนยัน (เหมือนกับการคลิกและดับเบิลคลิกของคอมพิวเตอร์)

ไอเดียของ SurePress ถือว่าแปลกใหม่ แต่ปัญหาของ SurePress ใน Storm1 กลับมีมากกว่าที่ RIM คิดไว้ อย่างแรกคือมันใช้ระบบกลไกเข้าช่วย โดยมีปุ่มหนึ่งปุ่มอยู่ข้างใต้จอตรงกลาง ปัญหาของมันคือการกดจอที่มุม จะต้องออกแรงมากกว่ากดที่กลางจอ ส่งผลให้ประสบการณ์การใช้งานไม่ค่อยดีนัก

อย่างที่สอง SurePress ของ Storm1 ไม่ใช้ระบบไฟฟ้า ทำให้เราไม่สามารถกดปุ่มบนหน้าจอ 2 ปุ่มพร้อมกันได้ การใช้งานบางอย่าง (เช่น กด Shift+อักษร) จึงมีปัญหา

Storm2 แก้ปัญหานี้โดย

  • เปลี่ยนจากปุ่มกลไก เป็นวงจรไฟฟ้า
  • เปลี่ยนจากปุ่มเดียวตรงกลางจอ เป็น 4 ปุ่ม

(ภาพประกอบจากเว็บไซต์ CrackBerry.com อ่านเรื่องแบบละเอียดได้จาก CrackBerry)

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้การพิมพ์สัมผัสบน Storm2 ลื่นกว่าบน Storm1 มาก อย่างไรก็ตาม มันยังยึดหลักการทำงานเดิมคือ ใช้การกด 2 ระดับ ซึ่งผู้ที่เคยใช้สมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ มาต้องปรับความคุ้นเคยกันพอสมควร

ผมคงไม่สามารถตัดสินใจแทนได้ว่าจอสัมผัสแบบปกติของ iPhone/Android ดีกว่า หรือ SurePress ของ Storm2 ดีกว่า ขึ้นกับสไตล์ของแต่ละคนครับ เท่าที่ลองใช้งานมาก็พบว่าพิมพ์ข้อความภาษาอังกฤษบน Storm2 ได้เร็วไม่น้อยเช่นกัน

คีย์บอร์ด

Storm2 มีคีย์บอร์ดให้เลือก 3 แบบ (เพิ่มจาก Storm1 ที่มีแค่ 2 แบบ) สำหรับโหมดแนวนอนจะเป็น Full QWERTY ให้เสมอ แต่โหมดแนวตั้ง เราต้องเลือกเองตอนเริ่มใช้งานครั้งแรก (เปลี่ยนทีหลังได้ใน Options)

Full QWERTY แนวนอน

Full QWERTY แนวตั้ง

SureType

Multi-tap

โดยส่วนตัวแล้วผมใช้ Full QWERTY ในแนวตั้งด้วยครับ

ถ้าเทียบกับคีย์บอร์ดของ Storm1 การเรียงปุ่มของ Storm2 จะต่างไปเล็กน้อย โดยปุ่ม Shift ในแถวล่างสุดจะถูกย้ายมาติดขอบของแถวล่าง

Storm2 มาพร้อมกับระบบช่วยสะกดคำ Word Completion การช่วยสะกดคำก็ทำได้ดีพอสมควร แต่เทียบกับ iPhone/Android ผมว่ายังด้อยกว่าเล็กน้อย (อันนี้ความเห็นส่วนตัวจากการลองพิมพ์)

เท่าที่ผมทดลองพิมพ์ข้อความก็ทำได้เร็วกว่าผมพิมพ์บน HTC Magic แต่ก็ยังมีติดขัดอยู่บ้าง ผมไม่เคยลองพิมพ์บน BB รุ่นมีคีย์บอร์ดแบบจริงจังนัก แต่ยืนยันได้ว่าแบบมีคีย์บอร์ดจริงยังดีกว่า SurePress แน่ๆ ครับ

จุดหลักของคีย์บอร์ด Storm 2 ที่ไม่ชอบมี 2 จุด

  1. ไม่มีปุ่ม , ต้องเปลี่ยนโหมดเสมอเมื่อต้องการใช้งาน
  2. ไม่มีปุ่มซ่อนคีย์บอร์ดแบบกดง่ายๆ ต้องกดเมนูแล้วสั่งซ่อนคีย์บอร์ด (กด 2 ที) ต่างจากของ Android ที่มีปุ่มปิดคีย์บอร์ดแยกมาให้เลย ทำให้หลายครั้งเกิดอาการคีย์บอร์ดบังหน้าจอ

รุ่นที่ได้มาทดสอบไม่มีคีย์บอร์ดภาษาไทยมาให้ครับ

กล้อง

กล้องของ Storm2 เป็นตัวเดียวกับ Storm1 คุณภาพของภาพถือว่าดี ไม่มีโหมด macro แต่มี autofocus ให้ซึ่งผลก็ออกมาดี



ซอฟต์แวร์

Storm1 มากับ BlackBerry OS 4.7 ในขณะที่ของ Storm2 เป็น BlackBerry 5.0 (เลขรุ่นเต็มคือ 5.0.0.436)

ในแง่การใช้งานแล้ว 4.7 กับ 5.0 ไม่มีอะไรต่าง เท่าที่ผมหาเจอมีแค่โปรแกรม Media ที่เดิมรวมกันเป็นโปรแกรมเดียว ถูกจับแยกออกเป็นโปรแกรมย่อยๆ เช่น Pictures, Music, Videos แทน

การใช้งานด้านมัลติมีเดียทำงานได้ดีเหมือนกับ Storm1 แต่แน่นอนว่าไม่สามารถซื้อหนังซื้อเพลงแบบ iPhone การโหลดไฟล์หนังเพลงลงเครื่องทำได้ง่าย คือก็อปลง microSD ได้เลย หรือจะต่อสาย USB (เป็นพอร์ต micro USB) แล้วเมาท์เป็น Mass Storage ก็ได้เช่นกัน

ดู รายการการเปลี่ยนแปลงของ BlackBerry OS 5.0 บนเว็บของ RIM ประกอบ

จุดแข็ง (และจุดอ่อน) เดิมของ BlackBerry OS ยังอยู่เหมือนเดิมครับ ทุกอย่างยังต้องพึ่งพิง BB Menu ซึ่งมันออกแบบมาสำหรับ BlackBerry รุ่นแทร็กบอล ไม่เหมาะกับนิ้วสัมผัส แม้ว่าในหน้าหลักๆ จะเป็นปุ่มขนาดใหญ่ที่จิ้มสะดวก แต่ตัวเลือกหน้าในๆ ยังเป็นรายการข้อความตัวเล็กจิ๋ว (ภาพประกอบเป็นหน้า Options ของกล้อง)

จุดนี้คงต้องรอ BlackBerry OS 6.0 ที่แก้ปัญหาโดยเปลี่ยนเมนูแบบรายการ เป็นเมนูแบบไอคอน

เบราว์เซอร์ปรับปรุงเล็กน้อยตรงเปิดใช้ JavaScript มาเป็นค่าดีฟอลต์ แต่มันยังเปิดได้ทีละหน้าเหมือนเดิม อันนี้รอแก้ใน BlackBerry 6 เช่นกัน เบราว์เซอร์ทำงานช้า เมื่อเทียบกับเบราว์เซอร์ของ Android ในวงแลนเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีพัฒนาการที่เพิ่มขึ้นคือมันตัดคำเรียบร้อยแล้วครับ

แอพพลิเคชัน

Storm2 มาพร้อมกับแอพพลิเคชันหลักๆ ดังนี้

  • อีเมล
  • ปฏิทินนัดหมาย
  • SMS/MMS
  • BB Messenger

มาพร้อมกับ "ไอคอนของแอพพลิเคชัน" ที่ต้องกดติดตั้งเอง (ต่อเน็ตแต่ทำได้ง่าย แค่กด OK) คือ

  • Facebook
  • Twitter (รุ่น official)
  • GTalk
  • Windows Live Messenger
  • BlackBerry App World (App Store ของ BlackBerry)

นอกจากนี้ยังมี "รายการของแอพพลิเคชัน" อีกจำนวนหนึ่งอยู่ในหมวด Application Center ได้แก่บรรดา social network ที่นิยมน้อยกว่าพวกข้างบนหน่อย เช่น MySpace, Flickr, Yahoo! Messenger, AIM, ICQ กดติดตั้งได้ง่ายเช่นกัน เพียงแต่ไม่มีไอคอนในเมนูให้เท่านั้น

ประสบการณ์การใช้โปรแกรมตระกูล social network บน Storm2 ถือว่าดีมาก เพราะมีระบบ notification แจ้งข้อความใหม่ให้เห็นได้ง่าย รวมถึงการแชร์ข้อมูลข้ามโปรแกรมกัน (เช่น ถ่ายรูปแล้วกดส่งผ่านโปรแกรมต่างๆ) ก็ทำได้ดี การเป็นมัลติทาสกิ้งทำให้การสลับคุยหลายโปรแกรมราบรื่น เมื่อบวกกับ Wi-Fi ของ Storm2 ส่งข้อมูลได้เร็วกว่า Storm1 ที่มีแต่ EDGE/3G มาก ดังนั้นประสบการณ์รวมถือว่าดีเยี่ยมครับ

flow ของการใช้งานโปรแกรมตระกูล chat/social network จะคล้ายๆ กับบน Android คือมี notification/share menu/multi-tasking แต่ผมให้คะแนน Storm2 ดีกว่าเล็กน้อย อาจเป็นเพราะโปรแกรม built-in ของสาย BlackBerry นั้นเหนือกว่า

ผมแนะนำให้ผู้ที่ใช้ Storm2 (หรือจริงๆ ก็ผู้ใช้ BB ทั้งหมด) ควรดาวน์โหลดโปรแกรมของกูเกิลมาติดตั้งเพิ่ม เช่น Google Mobile, Gmail, Google Maps ฯลฯ เป็นอย่างยิ่ง

App World

ในการรีวิวคราวก่อน BlackBerry App World ซึ่งเป็นร้านขายโปรแกรมของ BlackBerry ยังไม่รองรับเมืองไทย แต่มาถึงวันนี้มันรองรับการดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีเรียบร้อยแล้ว

Storm2 มาพร้อมกับ "ไอคอน App World" ต้องกดเพื่อดาวน์โหลดมาติดตั้งก่อน อันนี้ผมไม่เข้าใจเหตุผลเหมือนกันว่าทำไม RIM ไม่รวมมาให้เลย คะแนนติดลบเล็กน้อย

หน้าตาของ App World ดูดีทีเดียว ไอคอนของโปรแกรมมีขนาดใหญ่มาก มีโปรแกรมมาให้พอสมควร และส่วนมากเป็นโปรแกรมอย่างเป็นทางการของบริษัท สื่อ เว็บไซต์ต่างๆ เช่น ข่าวจาก AP เป็นต้น

ประสิทธิภาพ

Storm2 มีหน่วยความจำเยอะกว่า Storm1 และอาจมีปัจจัยเรื่อง OS พัฒนาขึ้น ทำให้การใช้งานเร็วกว่า Storm1 แบบเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามผมยังเจอปัญหาเครื่องหน่วงๆ อยู่บ้าง โดยเฉพาะจังหวะที่เปลี่ยนคีย์บอร์ดเป็นโหมดสัญลักษณ์

แบตเตอรี่อึดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเปิดทั้ง Wi-Fi และ EDGE อยู่ได้ไม่ถึงวันแน่ๆ แป๊บเดียวลดฮวบ ต้องขยันปิดถ้าไม่ใช้

บั๊ก

การทดสอบรอบนี้ผมเจอบั๊กมิใช่น้อย เขียนถึงไว้สั้นๆ เผื่อเป็นประโยชน์ครับ

  • บางกรณีปุ่มบนคีย์บอร์ด (เสมือน) จะค้าง เวลาเปิดโปรแกรมอะไรมา แล้วพิมพ์ข้อความตัวแรกลงไป จะเด้งกลับหน้าเมนู
  • สั่งปิดแล้วปิดไม่ลง ต้องใช้วิธีถอดแบตอย่างเดียว เป็นบางกรณี
  • ต่อ Wi-Fi ไม่สำเร็จ ทั้งที่เครื่องอื่นในวงเดียวกันต่อได้ไม่มีปัญหา เป็นบางกรณีเช่นกัน

สรุป

เราอาจสรุปได้สั้นๆ ว่า Storm2 คือ Storm1 ที่ทำเสร็จแล้ว

มันแก้ปัญหาของ Storm1 ไปเยอะมาก ที่สำคัญคือเรื่อง Wi-Fi, คีย์บอร์ด SurePress และคุณภาพในการประกอบเครื่อง ในแง่ฮาร์ดแวร์ ถือว่า Storm2 เป็นมือถือที่ดีทีเดียว

Storm2 จะเป็นมือถือที่น่าสนใจมาก ถ้ามันออกมาเมื่อปีที่แล้ว แต่สำหรับตอนนี้ คู่แข่งก็ไปไกลแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะถ้าเราเทียบกับมือถือจอสัมผัสอื่นๆ

ในโลกของจอสัมผัส ปัญหาของ RIM ไม่ใช่เรื่องฮาร์ดแวร์อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นเรื่องซอฟต์แวร์ที่เก่า และไม่ได้ออกแบบมาสำหรับนิ้วเป็นหลัก ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ต้องรอ BlackBerry 6 เพียงอย่างเดียว มันเป็นปัญหาของ ecosystem โดยรวม ไม่ใช่แค่เรื่องฮาร์ดแวร์แล้ว

จุดแข็งของ BlackBerry ในเรื่อง chat และ social network ยังคงอยู่ ตอนนี้ยังหาคนเทียบได้ยาก ไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือ Android แม้ว่าช่องว่างจะแคบลงก็ตาม

แต่ถ้าจะซื้อ BlackBerry มาเพื่อ chat ผมแนะนำให้ซื้อ Bold 9700 ที่ราคาไล่เลี่ยกันจะดีกว่า แล้วเมื่อ BlackBerry จอสัมผัสที่ใช้ OS 6.0 ออกมา เราค่อยมาว่ากันอีกที

บทความอ่านประกอบอื่นๆ

Blognone Jobs Premium