ทดสอบ Samsung Wave S8500 - มือถือ bada พร้อมจอ Super AMOLED

by mk
5 May 2010 - 05:15

Blognone เคยลงข่าวโทรศัพท์มือถือ Samsung Wave ไปหลายครั้ง (ภาพหลุด ของ Samsung S8500 มือถือตัวแรกที่ใช้ Super AMOLED/bada, ภาพและ วิดีโอแบบเต็มๆ ของ Samsung S8500 Wave, เปิดราคา Samsung Wave เคาะราคาที่ $579)

ล่าสุดผมได้รับเชิญจาก Samsung Mobile ประเทศไทย ให้ไปลองจับ Samsung Wave หรือรหัส S8500 ตัวเป็นๆ ครับ

หมายเหตุ: รุ่นที่ผมทดสอบนี้ยังไม่ใช่รุ่นที่วางขายจริง (ตัวเครื่องแปะป้ายป้าย Not For Sale ตัวเบ้อเริ่ม) ในการทดสอบมีหลายฟีเจอร์ที่ยังใช้ไม่ได้ ดังนั้นผู้ที่ต้องการอ่านเพื่อเป็นข้อมูลในการซื้อเครื่องที่วางขายจริง ควรหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือทดลองจับตัวเองก่อนซื้อสักครั้งครับ

Samsung Wave

Samsung Wave มีอะไรน่าสนใจ? คำตอบคือมันเป็นมือถือตัวแรกที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ Samsung 2 อย่าง ได้แก่

นอกจากนี้มันยังมีจุดขายที่ไม่ใหม่มากอีกอย่าง คือ ซีพียู 1GHz (ซึ่งอันนี้มีคู่แข่งหลายเจ้าใช้กันก่อนบ้างแล้ว), กล้อง 5MP, ถ่ายวิดีโอ-เล่นวิดีโอแบบ HD, ความสามารถในการเล่น DivX

สเปกอย่างเป็นทางการดูได้จากเว็บไซต์ของ Wave แต่เนื่องจากมันเป็น Flash เต็มหน้า ถ้าไม่อยากโหลด Flash อาจลองเข้าได้จากหน้าอุปกรณ์ของ bada ได้เช่นกัน

แต่จุดขายสำคัญอยู่ที่ปัจจัย 2 อย่างข้างต้น นั่นคือ Super AMOLED กับ bada ครับ ก่อนอื่นเรามาดูหน้าตาของ Wave กันก่อนสักเล็กน้อย

Wave เป็นมือถือทรงแท่ง (candybar) รูปร่างผอมเพรียว ด้านหน้าของตัวเครื่องมีปุ่มเพียงแค่ 3 ปุ่มคือ ปุ่มเมนูตรงกลาง รับสาย วางสาย แค่นั้น

ด้านข้างมีปุ่มปรับเสียง และปุ่ม shutter ให้อีกเล็กน้อย

ด้านบนเป็นพอร์ต micro USB, TV Out และลำโพง

ด้านหลังมีกล้องพร้อมแฟลช แบตถอดเปลี่ยนได้ ช่องใส่ซิมและ micro SD

วางเทียบกับ Samsung Galaxy Spica จะเห็นว่า Wave ผอมกว่าและยาวกว่าเล็กน้อย

แต่วัดกันที่ความหนา Wave กินขาด บางกว่าเยอะแถมเบามาก ตัวเครื่องเท่าที่ผมลองจับดูก็แข็งแรงทนทาน

Super AMOLED

Samsung เป็นผู้ผลิตจอ LCD รายใหญ่ของโลกในปัจจุบัน เทคโนโลยี Super AMOLED เป็นเทคโนโลยีล่าสุดของ Samsung ด้านการผลิตจอภาพ และ Wave คือมือถือตัวแรกที่ได้จอนี้ไป (รุ่นที่สองคือ Samsung Galaxy S ซึ่งใช้ Android)

ก่อนอื่นเรามารู้จักการทำงานของ Super AMOLED แบบคร่าวๆ ข้อมูลที่ดีที่สุดที่ผมหาได้เป็นวิดีโอแนะนำของ Samsung เองครับ

ที่มา: Engadget วิดีโอนี้ไม่มีเสียง ไม่ต้องตกใจไป

ในวิดีโอข้างต้นบอกเราว่า Super AMOLED ต่างจากจอ AMOLED ธรรมดาตรงที่ชั้นของวัสดุน้อยกว่า สว่างกว่า และสีสันสดใสมากกว่า จากข้อมูลของ Android and Me ระบุว่า Super AMOLED สว่างกว่า 20%, ลดแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ 80%, และกินพลังงานน้อยลง 20%

ทั้งหมดที่ว่ามาคือข้อมูลตามตำรา แต่จากประสบการณ์ที่สัมผัสมา ผมบอกได้เลยว่า "มันเทพมากครับ" สวยเด้งจนรู้สึกว่ามันหลอกตา ไม่นึกว่าจะมีอยูจ่ริง

ผมถ่ายวิดีโอสาธิตการทำงานของจอภาพมานิดหน่อย ด้วยข้อจำกัดของกล้องทำให้ภาพไม่ชัดเท่าไร แต่เผื่อจะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้น รบกวนดูกันเองตามอัธยาศัย

เรื่องคุณภาพของจอ Super AMOLED นี่แสดงเป็นภาพถ่ายได้ลำบากมากครับ ลองถ่ายรูปมาแล้วมันไม่สวยเหมือนของจริง อันนี้แนะนำว่าพอ Wave วางขายเมื่อไร ควรไปลองดูด้วยสายตาของตัวเองกันเป็นอย่างยิ่ง

หมายเหตุ: ผมไม่ได้ลองถือออกไปทดสอบกลางแดด เลยบอกไม่ได้ว่าสมคำคุยแค่ไหน

เว็บไซต์ Mobile-Review มีพรีวิว Samsung Wave อย่างละเอียด โดยเฉพาะเรื่องจอที่เอาไปเทียบกับ AMOLED ธรรมดาของ Nexus One (รวมถึงมือถือคู่แข่งอื่นๆ) ให้เห็นกันจะๆ อ่านได้ที่ Preview of GSM/UMTS-handset Samsung Wave (S8500)

ประเด็นเรื่อง Super AMOLED ทำให้ Samsung เป็นต่อในตลาดสมาร์ทโฟนมาก ผมไม่คิดว่า Samsung จะยอมให้คู่แข่งใช้ Super AMOLED ได้ง่ายๆ และนี่จะกลายเป็น competitive advantage ของมือถือจาก Samsung ไปอีกสักระยะ

bada

ประเด็นที่สองคือระบบปฏิบัติการ bada (เขียนตัวเล็กหมด) ซึ่งผลิตโดย Samsung เอง ทาง Blognone นั้นเคยลงข่าวของ bada มาเป็นระยะ คงไม่ต้องลงรายละเอียดซ้ำเยอะมากนัก ถ้าใครสนใจลองอ่าน Samsung bada Developer Day โดยคุณ revolz ครับ

bada นั้นเป็นชื่อระบบปฏิบัติการ ส่วนอินเทอร์เฟซนั้นใช้ชื่อตามแบรนด์เดิมของ Samsung คือ TouchWiz อันนี้เป็นเวอร์ชัน 3.0 แล้ว

จากการทดลองใช้งาน ผมพอจะนิยาม bada ได้สั้นๆ 2 ข้อ

  1. มันคือ Symbian + Android
  2. เร็ว!

เอาที่ข้อแรกก่อน ที่ว่าเหมือน Android ก็เพราะมันใช้ระบบ home screen หลายหน้า (ที่ลองใช้มี 6 หน้า), เอา widget ไปวางได้, ภาพพื้นหลังเหลื่อมกันในแต่ละ home screen

ส่วนเมนูหลักคล้ายกับ iPhone ที่สุด เพราะจะมีปุ่มแถวล่างสุดสำหรับเรียกใช้ฟังก์ชันหลัก เพียงแต่หนึ่งแถวมีได้ 3 ไอคอน ในขณะที่ของ iPhone มี 4 ไอคอน

สุดท้าย มันเหมือน Symbian มากทั้ง look & feel และวิธีการเข้าถึงโปรแกรม แม้แต่ฟอนต์ยังเหมือนเลย เราอาจอธิบายง่ายๆ ว่า Samsung ไม่พอใจทิศทางของ Symbian เลยทำ bada เสียเลย

bada ยังคล้ายกับ Android อีกจุดตรงที่ใช้ระบบ context menu สำหรับควบคุมโปรแกรม (ต่างจาก iPhone ที่เน้นปุ่มบนหน้าจอ) แต่จากภาพซ้ายมือจะเห็นว่า เมนูของ bada มีแต่ตัวหนังสือ ไม่มีไอคอนเหมือนของ Android และมีจำนวนเมนูได้มากกว่าของ Android

ส่วนภาพขวาเป็น Task Manager ของ bada (เข้าถึงได้โดยกดปุ่มเมนูค้างไว้) ให้เราเลือกสลับหรือปิดโปรแกรมได้ เท่าที่ผมเล่นก็เคยเจออาการแรมไม่พอ และ bada จะขึ้นมาถามเราว่าต้องการปิดโปรแกรมตัวไหนทิ้งบ้าง

โปรแกรมมาตรฐานก็ให้มาครบครันครับ ไม่ว่าจะเป็นเมล ปฏิทิน สมุดที่อยู่ เบราว์เซอร์แสดงฟอนต์ภาษาไทยได้ แต่ตัดคำไม่ได้ และมีปัญหากับวรรณยุกต์ชั้น 2 ไม่แสดง (เช่น คำว่า "ที่" จะไม่เห็นไม้เอก)

เสียดายเวลาน้อยไปนิด ผมเลยไม่ได้ทดสอบฟีเจอร์พวกนี้ละเอียด

หน้าจอปรับแต่งแทบจะถอดมาจาก iPhone เลย โปรแกรมด้าน social network มาพร้อมทั้ง YouTube, Twitter, Facebook

รองรับ OpenGL ES เล่นเกมสามมิติได้สบาย ในเครื่องทดสอบมีเกมรถแข่งที่สร้างโดย Gameloft ให้ มีวิดีโอแสดงความลื่นให้ดูนิดหน่อยครับ

ฟีเจอร์อื่นๆ ที่มากับ bada ได้แก่

  • Navigation - แผนที่ของประเทศไทยยังไม่ค่อยเรียบร้อยนัก (ดูวิดีโอสาธิตการทำงาน)
  • Social Hub - คล้ายๆ กับ FriendStream ของ HTC Sense บอกความเคลื่อนไหวของเพื่อนๆ
  • IM - ทำโดย Palringo เป็น multi-protocol
  • Samsung โฆษณาว่าเล่นวิดีโอแบบ HD แถมต่อออกจอทีวีด้วยสาย AV ได้ (เล่น DivX ได้ด้วยนะ) แต่ผมไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ไปเลยไม่ได้ทดสอบครับ

แน่นอนว่า bada มี App Store โดยใช้ชื่อว่า Samsung Apps แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมทดสอบเช่นกัน ทาง Samsung บอกว่ารุ่นที่ขายในไทยจะมีพรีโหลดโปรแกรมมาให้จำนวนหนึ่งด้วย

คีย์บอร์ด

ประเด็นที่ผมสนใจอยู่เสมอคือคีย์บอร์ดบนหน้าจอ เนื่องจากเวลาน้อยไม่ได้ลองพิมพ์แบบจริงจัง ดูภาพถ่ายประกอบแล้วกัน

คีย์บอร์ดภาษาอังกฤษเป็น QWERTY มาตรฐาน

คีย์บอร์ดภาษาไทยมาแหวกแนวมาก เผอิญผมไม่ได้คุยกับฝ่ายเทคนิคเลยไม่ทราบที่มาที่ไปของ layout แบบนี้ แต่ทาง Samsung ก็ยอมรับกับผมว่ามี feedback กลับมาเหมือนกันว่ามันแปลกเกินไป

กล้อง

มีแฟลช ออโต้โฟกัส ปรับโหมดแสงและลูกเล่นอีกเล็กน้อย ดูภาพประกอบกันเองจะดีกว่า

วิดีโอถ่ายเป็น HD ได้ครับ ลองถ่ายจากสำนักงานของ Samsung บนตึก Empire ได้มาสองไฟล์

สรุป

เนื่องจากระยะเวลาในการทดสอบจำกัด บทความนี้จึงไม่ใช่รีวิวเต็มรูปแบบ ไม่ได้ทดสอบฟีเจอร์หลายอย่างมาก (โดยเฉพาะอันสำคัญคืออายุการใช้งานของแบตเตอรี่)

ในแง่ฮาร์ดแวร์ Samsung Wave ยอดเยี่ยม แข็งแรงบึกบึน กล้องชัด ตอบสนองรวดเร็ว และมีจอเทพ Super AMOLED จุดติมีนิดเดียวคือไม่มีปุ่ม Back แยกมาให้ (เป็นที่การออกแบบระบบ) ทำให้การกด Back ในแต่ละโปรแกรมมันงงๆ อยู่บ้าง (เมื่อเทียบกับ BlackBerry, WM และ Android)

ฝั่งซอฟต์แวร์ bada ไม่มีอะไรหวือหวาแบบ Android หรือ Windows Phone 7 แต่ก็ทำงานทั่วไปได้ครบถ้วน รวดเร็ว แม้จะยังมีปัญหาด้านภาษาไทยอยู่บ้างก็ตาม

จุดอ่อนที่สำคัญของ bada ณ เวลานี้คือมันเป็นระบบปฏิบัติการที่ใหม่มาก ยังขาด ecosystem ของนักพัฒนาภายนอก แน่นอนว่ายังไม่มีโปรแกรมจำพวก Google Maps, Google Sync, Gmail ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในโลกสมาร์ทโฟนทุกวันนี้ (อีกเดี๋ยวก็มีครับ กูเกิลไม่น่าพลาด) ประเด็นนี้ Samsung ย่อมตระหนัก และจะผลักดันแก้ปัญหาอย่างเต็มที่แน่นอน

เท่าที่ผมเช็คข้อมูลมา Samsung จะวางตัว Samsung Wave ไว้เป็นมือถือระดับท็อปของตัวเอง เคียงคู่ไปกับ Galaxy S ที่ใช้จอ Super AMOLED เหมือนกัน ถ้าเรายึดฟีเจอร์ Super AMOLED เป็นที่ตั้ง คำแนะนำของผมคือ

  • ถ้าต้องการประสบการณ์สมาร์ทโฟนเต็มรูปแบบ รอ Galaxy S เพราะ Android เรื่องโปรแกรมถือว่าไม่ด้อยแล้ว
  • ถ้าต้องการมือถือใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน และยังไม่เน้น mobile app มาก Wave ก็น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลราคาอย่างเป็นทางการของ Samsung Wave ที่จะขายในไทย แต่แอบได้ยินเสียงกระซิบมาว่า "ไม่แพงเกินเอื้อม"

Blognone Jobs Premium