รีวิว Samsung Galaxy S ตอนที่ 3

by mk
7 July 2010 - 15:40

กลับมาต่อกันที่รีวิว Samsung Galaxy S ตอนสุดท้ายนะครับ ถ้ายังไม่ได้อ่านสองตอนแรกก็ย้อนกลับไปได้ที่

สำหรับตอนนี้จะพูดถึงกล้อง ซึ่งถือเป็นอีกจุดขายหนึ่งของ Galaxy S

สเปก

Galaxy S มีกล้อง 2 ตัว คือ

  • กล้องหลัง 5MP ออโต้โฟกัส ไม่มีแฟลช ถ่ายวิดีโอ 720p
  • กล้องหน้า สำหรับถ่ายตัวเองและ video call ความละเอียด VGA

กล้องหน้าจะอยู่บริเวณมุมขวาบนของเครื่องครับ

กล้องหลัง

ผมคิดว่าการใช้งานกล้องในโทรศัพท์มือถือ ต้องแยกเป็น 2 ประเด็นคือตัวฮาร์ดแวร์ของกล้อง และซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมกล้อง

สำหรับซอฟต์แวร์ควบคุมกล้อง คนที่เคยใช้ Android มาบ้างคงรู้ดีว่ามัน ... มาก แต่พอมาเป็น Galaxy S ซัมซุงนำไปปรับปรุงใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า

เนื่องจาก Galaxy S ไม่มีปุ่มชัตเตอร์ ดังนั้นการถ่ายภาพจะต้องเข้าผ่านโปรแกรม Camera เท่านั้น (ควรวางไว้บน homescreen เพื่อความสะดวก)

หน้าตาของโปรแกรม Camera จะเห็นว่าต่างจาก Android รุ่นปกติมาก โปรแกรมถ่ายภาพต้องใช้ในโหมดแนวนอนเท่านั้น ปุ่มควบคุมจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง

ฝั่งซ้าย จากบนลงล่าง

  • เลือกโหมดถ่ายภาพ
  • Scene โหมดถ่ายเฉพาะทางต่างๆ
  • ปรับ exposure
  • ตัวเลือกอื่นๆ

ฝั่งขวา จากบนลงล่าง

  • สลับโหมดถ่ายภาพ-วิดีโอ
  • ปุ่มชัตเตอร์
  • เข้าไปยังหน้า Gallery

การถ่ายโหมดปกติ

การถ่ายภาพสามารถแตะสัมผัสบนหน้าจอ เพื่อเลือกจุดที่ต้องการโฟกัสได้ด้วย




ผลงานต้องบอกว่าเยี่ยมครับ ผมยังไม่เคยใช้กล้องบนมือถือดีขนาดนี้มาก่อน แถมการที่ Galaxy S มีจอภาพ Super AMOLED ขนาดใหญ่ ยิ่งทำให้การพรีวิวภาพทั้งก่อนถ่ายและหลังถ่ายทำได้ดีมาก (บางทีจนคิดว่าภาพบนจอสวยกว่าภาพจริงที่ได้ด้วยซ้ำ)

จุดอ่อนอาจมีเรื่องสภาพแสงค่อนข้างฟุ้งในบางคราว (อย่างเช่นภาพแรกสุดและภาพท้ายสุด) แต่นี่ถือว่าทำได้ดีมากแล้วสำหรับกล้องมือถือ จากการใช้ Galaxy S ประมาณสองสัปดาห์ ผมว่าไม่จำเป็นต้องพกกล้องดิจิทัลอีกต่อไป ยกเว้นกรณีที่ต้องการถ่ายภาพแบบเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆ เท่านั้น

ข้อจำกัดของกล้อง Galaxy S คงเป็นเรื่องที่มันไม่มีแฟลชมาให้ ซึ่งตรงนี้เราคงเดากันได้ไม่ยากว่า Galaxy รุ่นถัดไปน่าจะเพิ่มมาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น อีกประการคือการขาดปุ่มชัตเตอร์แยก อาจทำให้การถ่ายภาพไม่สะดวกนักเมื่อเทียบกับมือถือที่มีปุ่มชัตเตอร์โดยตรง

Panorama

มาดูโหมดถ่ายกันทีละโหมดครับ โหมด Single shot และ Continuous คงไม่ต้องแนะนำอะไรกันมาก แต่โหมดที่น่าสนใจคือ Panorama ซึ่งจะมีกรอบสีเขียวๆ ทำเป็นไกด์ไว้ให้เราเห็นว่าตอนขยับกล้อง ต้องเล็งไปทางไหนบ้าง เมื่อเราขยับกล้องให้ตรงกับกรอบบนหน้าจอ มันจะจับภาพให้เลยโดยไม่ต้องกดปุ่มชัตเตอร์อีก

นี่ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ของผมในการถ่ายโหมด Panorama อันนี้ถือว่าทำได้ดีกว่าฟีเจอร์แบบเดียวกันของกล้องดิจิทัลเสียอีก (ไม่แน่ใจว่ากล้องของซัมซุงมีฟีเจอร์นี้หรือเปล่านะครับ) ส่วนผลงานก็ดูกันเอาเองตามภาพ

กล้องหน้ากับโหมด Self portrait

ประโยชน์ที่ชัดเจนของกล้องหน้าคือเอามาใช้ถ่ายหน้าตัวเอง เหมาะกับสาวๆ เป็นอย่างยิ่ง

ผมค้นพบว่า Galaxy S มีความสามารถด้าน video call ได้ด้วย (จะมีปุ่มให้เลือกตอนสนทนา) แต่จำเป็นต้องใช้เครือข่าย 3G ทั้งสองฝั่งครับ เลยไม่ได้ลองความสามารถนี้

Cartoon

อันนี้เป็นโหมดถ่ายสนุกๆ ครับ เพราะมันจะใส่เอฟเฟคต์การตัดเส้นแบบการ์ตูนมาให้ รูปข้างบนคือพี่ฮง จากเว็บ PDAmobiz

ลองดูภาพเปรียบเทียบระหว่างโหมดปกติกับโหมด Cartoon ครับ

Beauty Shot

อันนี้เป็นฟีเจอร์สุดยอดของ Galaxy S เลยครับ ผมเรียกมันว่า "โหมดหน้าเนียน" (หรือใครจะเรียก "โหมดหน้าเด้ง" ก็ได้นะ การทำงานก็ตามชื่อคือถ่ายหน้าคนแล้วมันจะแต่งภาพให้เราทันที โดยขัดหน้าให้เนียนขึ้น ริ้วรอยหายไป

แต่ต้องขอโทษจริงๆ เพราะผมทำไฟล์ที่ถ่ายจากโหมดหน้าเนียนหายไปซะอย่างนั้น (อุตส่าห์ถ่ายเตรียมมาโชว์) ตอนนี้คืนเครื่องเขาไปแล้วคงไปเอามาถ่ายซ่อมลำบาก เอาเป็นว่าใครมี Galaxy S รบกวนขอไฟล์หน่อยนะครับ เดี่ยวผมเอามาแปะ+ให้เครดิตครับ

อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าฟีเจอร์นี้เทพจริงๆ ถือเป็นหนึ่งใน killer feature ของ Galaxy S เลย ใครมีแฟนมีน้องอย่าให้รู้เด็ดขาด ไม่งั้นโดนยึดไปใช้แน่ๆ

ส่วนโหมดอื่นๆ ได้แก่ โหมดถ่ายภาพคู่ คือ ถ่ายทีละคนแล้วเอามาต่อกันให้เป็นภาพคู่กันโดยอัตโนมัติ, โหมด vintage ใส่เอฟเฟคต์ให้ขอบภาพดูมืดๆ ตรงกลางภาพจะได้เด่นขึ้น และโหมด Action สำหรับภาพเคลื่อนไหวเร็วๆ

Scene

ส่วนของ Scene มาพร้อมกับโหมดถ่ายมากมาย ใกล้เคียงกับกล้องดิจิทัลในปัจจุบัน (ซึ่งตรงนี้ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะซัมซุงก็ทำกล้องดิจิทัลขายเหมือนกัน) เช่น โหมดถ่ายพลุ โหมดถ่ายข้อความ ฯลฯ ผมคงไม่ลงรายละเอียดเพราะเป็นฟีเจอร์มาตรฐานของกล้องดิจิทัลอยู่แล้ว แต่ต้องถือว่าฟีเจอร์นี้ของ Galaxy S ล้ำกว่ากล้องมือถือตัวอื่นๆ ในท้องตลาด

ถ่ายวิดีโอ 720p

จุดขายอีกอันหนึ่งของ Galaxy S คือการถ่ายวิดีโอความละเอียด 720p ครับ นอกจากความละเอียดระดับนี้ยังมีความละเอียดอื่นๆ ให้เลือกเช่นกัน

ผลงานการถ่าย 720p ต้องดูกันเองดีกว่า ขอบคุณนายแบบคุณ @hohoteam

ส่วนวิดีโอแบบไม่ใช่ 720p ลองดูตัวอย่างที่ผมไปถ่ายในงานรับฟังความเห็นของ กทช. เทียบกัน

การถ่ายวิดีโอแบบ 720p แน่นอนว่าทำให้ขนาดไฟล์ใหญ่มาก โปรแกรมถ่ายวิดีโอของ Galaxy S แสดงขนาดไฟล์ให้ดูขณะถ่ายด้วย ซึ่งตรงนี้ทำได้ดี ขนาดไฟล์วิ่งขึ้นเร็วอาจดูน่าตกใจในช่วงแรก แต่หน่วยความจำภายในที่ให้มาถึง 16GB นี่เอาอยู่ครับ (ถ้าไม่พอยังเสียบ Micro SD เพิ่มเองได้อีก)

สรุป

Galaxy S ถือเป็นมือถือที่โดดเด่นมากในช่วงนี้ ต้องถือว่าซัมซุงทำการบ้านมาดีมาก และสามารถออก Android flagship ที่เย้ายวนตัวนี้ได้

จุดแข็งแบบสุดๆ

  • จอ Super AMOLED อันนี้ผมยืนยันเหมือนเดิมว่าต้องไปลองดูด้วยสายตาตัวเอง
  • กล้องเทพ ถ่ายภาพชัด ใช้ง่าย ลูกเล่นเยอะ ถ่ายวิดีโอ 720p ได้ด้วย
  • TouchWiz 3.0 โดดเด่นกว่า Android แบบอื่นๆ ชัดเจน
  • Swype ของเค้าดีจริงๆ ใช้แล้วลืมคีย์บอร์ดแบบเก่าไปเลย
  • แถมเกมแข่งรถ Asphalt 5 ถือเป็นเกมระดับมืออาชีพที่หาได้ยากยิ่งบน Android ที่เข้าได้เฉพาะ Market แบบฟรี (ต้องขอบคุณซัมซุงที่ยอมควักกระเป๋าซื้อสิทธิ์มาแจก)

จุดแข็งธรรมดา

  • พื้นที่เก็บข้อมูลใหญ่จุใจ 8GB+16GB+Micro SD
  • โหลดเกม Asphalt 5 ได้ฟรี Android ขาดเกมที่เป็นมืออาชีพแบบนี้อย่างมาก
  • ซีพียู Hummingbird 1GHz เล่นเกมได้ไหลลื่น ถึงแม้จะยังไม่ค่อยมีโปรแกรมที่ดึงพลังของซีพียูได้เต็มที่มากนัก
  • แบตเตอรี่ค่อนข้างอึด ใช้งานทั่วไปอยู่ได้เกินวัน (แต่ต้องชาร์จทุกวันอยู่ดี)

จุดอ่อน

  • กล้องไม่มีแฟลช
  • ฝาหลังมันแกะยากมาก ถ้าเปลี่ยนซิมบ่อยๆ ลำบากแน่ อัพเดต เครื่องจริงได้แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ไปแล้ว โดยปรับให้ฝาหลังแกะง่ายขึ้น
  • TouchWiz มีอาการหน่วงๆ น่ารำคาญอยู่บ้าง หวังว่าคงแก้ได้ด้วยการอัพเดตเฟิร์มแวร์
  • ยังเป็น Android 2.1 อยู่ หวังว่าซัมซุงจะรีบอัพเป็น 2.2 โดยเร็ว (ตามประวัติที่ผ่านมาก็ค่อนข้างเร็วมากอยู่แล้ว)

สำหรับผู้ที่ตั้งใจจะซื้อมือถือ Android อยู่แล้ว ถ้างบถึงก็ซื้อได้แบบไม่ต้องคิดมากเลยครับ คุ้มแน่นอน (ถ้าซื้อกับ AIS ตอนนี้มีโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 6 เดือน กับแถม GPRS 500MB นาน 12 เดือน ถือว่าประหยัดค่าเน็ตไปได้จำนวนหนึ่ง) ยกเว้นคนที่ชอบคีย์บอร์ด QWERTY อาจรอ Galaxy S Pro ซึ่งคาดว่าน่าจะตามมาในอีกไม่ช้า

สุดท้ายทางซัมซุงฝากประชาสัมพันธ์มาว่าในโปรแกรม Layar ที่แถมมากับเครื่อง ได้เพิ่ม point of interest (POI) ของประเทศไทยมาให้ แถมบางร้านมีโปรโมชันผ่าน Layar เสียด้วย เสียดายว่าในเครื่องทดสอบผมไม่ได้ลองตรงนี้ ต้องฝากคนที่ซื้อเครื่องแล้วช่วยคอมเมนต์ด้วยครับ

Advertorial Content

Blognone Jobs Premium