ทำไมเราจึงควรใช้ Official Retweet

by pittaya
7 September 2010 - 04:27

ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มที่ทวิตเตอร์ได้อุบัติขึ้นมาในโลกนี้ ทวิตเตอร์ยังไม่มีฟีเจอร์มากมายอะไร แค่ส่งข้อความ 140 ตัวอักษรไปๆ มาๆ จนกระทั่งอยู่มาวันนึง กลุ่มผู้ใช้ที่อยากจะส่งต่อข้อความ (tweet) ที่ตัวเองเห็น ให้กับบรรดา follower ของตัวเองด้วย จึงเกิดเป็นวัฒนธรรมการ Retweet (RT) เกิดขึ้น โดยผู้ใช้เอง ไม่ได้มาจากการแนะนำของผู้พัฒนาทวิตเตอร์แต่อย่างใด

รูปแบบการ Retweet ที่ใช้กัน ก็จะไม่มีรูปแบบตายตัวแน่นอน แล้วแต่กลุ่ม เช่น มีผู้ใช้ tweet ข้อความตามนี้มา

thainetizen: "การใช้กูเกิลค้นหาข้อมูลอย่างปลอดภัย http://thainetizen.org/node/2533"

แล้วเราเกิดอยากส่งต่อให้คนอื่น ก็อาจจะ retweet ด้วยวิธีแตกต่างกันออกไป เช่น

pittaya: "RT @thainetizen การใช้กูเกิลค้นหาข้อมูลอย่างปลอดภัย http://thainetizen.org/node/2533"

หรือ

pittaya: "การใช้กูเกิลค้นหาข้อมูลอย่างปลอดภัย http://thainetizen.org/node/2533 (/via @thainetizen)"

หรือ

pittaya: "รท @thainetizen การใช้กูเกิลค้นหาข้อมูลอย่างปลอดภัย http://thainetizen.org/node/2533"

แตกต่างกันไปตามแต่ twitter client ที่ใช้ หรือความนิยมในกลุ่มเพื่อนของตัวเอง ซึ่งการ Retweet นี้ ก็มีข้อดีของมันคือช่วยกระจายข่าวสารให้คนอื่นได้ และยังมีเครดิตบอกแหล่งที่มา แต่ข้อเสียของวิธีการนี้ก็มีอยู่ คือ

  • ถ้าหาก retweet ต่อกันไปเป็นทอดๆ เนื้อที่ 140 ตัวอักษร จะไม่พอต่อข้อความทั้งหมด ทำให้คนที่จะ retweet ต้องตัดต่อข้อความ เพื่อให้พอดีใน 140 ตัวอักษร ซึ่งอาจจะทำให้เนื้อความตกหล่น ไม่ครบถ้วนอย่างที่ผู้ส่งสารต้นทางต้องการ
  • เรื่องความเป็นส่วนตัวในกรณีที่ว่า ถ้าเจ้าของข้อความเป็นผู้ใช้แบบ protected เกิด tweet ข้อความอะไรออกมา แล้วถูกผู้ใช้แบบ public นำไป retweet ต่อ อาจจะเป็นการเปิดเผยข้อความที่เจ้าของไม่อยากให้เป็น public ก็ได้ เช่น สมมุติว่า A เป็นผู้ใช้แบบ protected ส่วน B เป็นผู้ใช้แบบ public

    A: "คู่แข่ง ipod touch http://twitpic.com/24maof" B: "RT @A คู่แข่ง ipod touch http://twitpic.com/24maof"

    กรณีนี้ follower ทั้งหลายของ B ก็จะเห็นข้อความของ A ด้วย ซึ่ง A อาจจะไม่ต้องการให้เปิดเผยข้อความนี้ก็ได้

  • บางข้อความที่อาจจะได้รับความนิยมล้นหลาม อาจจะมีคน retweet หลายครั้ง เราก็จะเห็นทุกครั้ง ทั้งๆ ที่เราได้อ่านไปแล้ว เช่น คนที่เรา follow อยู่ retweet ข้อความนี้กัน 10 คน เราก็จะเห็นข้อความเดิมๆ ซ้ำกัน 10 ครั้ง
  • Fake Retweet เช่น เราอาจจะโดนเพื่อนแกล้ง หรือผู้ไม่หวังดี สร้างความเสื่อมเสีย โดยการแก้ไขข้อความของเรา เช่น

    D: "Twitter for Android เวอร์ชันใหม่ออกแล้ว โหลดได้ที่ http://bit.ly/bhodGa" E: "RT @D Twitter for Android เวอร์ชันใหม่ออกแล้ว โหลดได้ที่ http://evil.com/malware"

    อาจจะนำพาผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปสู่เว็บไม่พึงปรารถนาได้

วันหนึ่ง ทีมงาน twitter เล็งเห็นปัญหาเหล่านี้ จึงได้สร้างฟีเจอร์ retweet แบบ official มาให้ใช้ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ (อ่านเหตุผลอย่างละเอียดได้จาก blog ของ Evan Williams) โดยหลักการของ official retweet มีอยู่ว่า

  • ข้อความที่ถูก retweet จะไม่สามารถแก้ไขได้ (ป้องกัน fake retweet)
  • จะ retweet ข้อความของผู้ใช้ที่ protect ไว้ไม่ได้ (แก้ปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัว)
  • retweet ที่ซ้ำๆ กัน จะถูกจัดกลุ่มให้เป็นก้อนเดียวกัน (แก้ปัญหาความน่ารำคาญ)

วิธีการใช้ official retweet ก็แสนง่าย แค่กดลิงก์ที่เขียนว่า "Retweet" ตามตัวอย่างในรูป แต่ถ้าข้อความไหนที่ไม่มีลิงก์นี้ให้กดแปลว่าเจ้าของข้อความเค้า protect ไว้นั่นเอง

เวลามีคน retweet ข้อความอะไรมา ก็จะแสดงใน timeline ของเราตามแบบข้างล่างนี้ แค่หนเดียว ไม่น่ารำคาญ รวมทั้งยังแสดงภาพของเจ้าของข้อความ เป็นการให้เครดิตและสืบสาวต้นตอได้ด้วย

สำหรับผู้ใช้โปรแกรม Twitter client เจ้าต่างๆ ปัจจุบันน่าจะรองรับความสามารถ official retweet นี้กันทั้งหมดแล้ว อย่างเช่นในภาพ เป็นโปรแกรม Echofon for Mac

แต่ถึงแม้ว่า Official retweet นี้จะช่วยแก้ปัญหาหลายๆ อย่าง แต่ก็ยังมีหลายคนที่ชอบ retweet กันด้วยวิธีเก่าอยู่ เหตุผลหนึ่งคือ "สามารถใส่ข้อความของตัวเองเข้าไปได้" เช่น

F: "หมูฉึกๆ ! http://www.youtube.com/watch?v=70ukUfkXt5Q" G: "RT @F หมูฉึกๆ ! http://www.youtube.com/watch?v=70ukUfkXt5Q << น่ารักงุงิ"

เป็นกรณีที่พบเห็นกันมาก ซึ่งวิธีนี้ข้อเสียก็อย่างที่บอกไปแล้วคือเรื่องความเป็นส่วนตัวของคนที่ protect timeline ซึ่งโดยมารยาทที่ดีแล้ว เราก็ไม่ควรจะไป retweet ข้อความที่เจ้าของไม่ปรารถนาจะให้เป็น public (นอกเสียจากว่าเจ้าของข้อความจะยินยอม)

ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งคือ สมมุติเราเห็นเฉพาะข้อความของ @G เราจะบอกไม่ได้เลยว่าตรง "น่ารักงุงิ" เป็นข้อความต้นฉบับจาก @F หรือเป็นข้อความที่ @G เอามาใส่เอง ยิ่งถ้าเกิดมีการ "คุยกัน" ด้วยการ retweet เยอะๆ สุดท้ายมันจะอ่านไม่รู้เรื่อง เช่น

A: "RT @C: RT @A: RT @C: @A ถึงไหนแล้วจ๊ะ // ถึงบ้านแล้วจ้ะ คริคริ~ << โห ไวจัง หุหุ~ ... มีคนมาส่ง >//<"

แนะนำว่า ถ้าจะตอบข้อความของคนอื่น ให้ใช้ "Reply" แทน "Retweet" จะเหมาะสมกว่า

เรื่องการใช้ Reply หรือ Retweet แบบไหนเหมาะสมกว่า อ่านได้จากบล็อกของ @tewson

(ปรับปรุงจากบล็อก การ Retweet แบบที่ (น่าจะ) ถูกวิธี)

Blognone Jobs Premium