รีวิว ThinkPad Edge 14: เมื่อ ThinkPad พยายามเข้าหาผู้ใช้หน้าใหม่

by advertorial
3 November 2010 - 17:13

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนที่ได้ใช้ ThinkPad มาก่อนแล้วจะรู้สึกชอบมันมากจนไม่อยากเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่น เพราะการออกแบบมาเป็นของสำหรับ "ใช้งาน"ตั้งแต่ภายนอกจนถึงภายใน แต่ความจริงที่ต้องยอมรับคือสำหรับคนทั่วไปแล้ว ThinkPad นั้นอาจจะขาดแรงดึงดูดที่จะให้เริ่มใช้กันสักหน่อย ผู้ใช้ ThinkPad หลายคน (รวมถึงผมเอง) ก็มองเห็นประเด็นนี้ และ ThinkPad Edge คือจุดเริ่มต้นจาก Lenovo ที่จะพา ThinkPad เข้าหาผู้ใช้ทั่วไปมากยิ่งขึ้น

ThinkPad Edge ถูกสร้างขึ้นมาบนแนวคิดที่ต่างไปจาก ThinkPad รุ่นอื่นๆ อยู่หลายอย่าง ตามชื่อ Edge ของมัน คือมันเป็นขอบของความเป็น ThinkPad ที่ใกล้กับผู้ใช้ทั่วไปมากที่สุด สิ่งที่ต่างออกไปคร่าวๆ ก็เช่น

  • สีและรูปร่าง ไม่ใช่สีดำทรงกล่องเบนโตะอีกต่อไป โดย ThinkPad Edge ตัวแรกจะมีให้เลือกทั้งสีดำเงา ดำด้าน, และสีแดง
  • ราคาโดยรวมแล้วจะถูกลงในฟีเจอร์มากขึ้น รุ่นที่วางขายตอนนี้แถมการ์ด 3G กันในราคาไม่สูงอยู่หลายรุ่น
  • เอาใจคนชอบใช้ touchpad มากขึ้น, touchpad มีขนาดใหญ่มาก

อย่างไรก็ดีมันยังมีความเป็น ThinkPad อยู่ในหลายๆ ส่วนที่ไม่ได้ตัดออกไป เช่น

  • ตุ่มแดง คงเป็นลายเซ็นของ ThinkPad ไปแล้ว
  • คีย์บอร์ดกันน้ำ แม้จะไม่มีรูระบายน้ำ แต่ก็ไม่อ่อนปวกเปียกแบบมีอะไรซึมลงไปนิดหน่อยแล้วเครื่องดับ
  • Windows 7 Enhanced Experience เฉพาะสำหรับ ThinkPad เท่านั้น ยี่ห้ออื่นไม่มี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การบู้ทเครื่อง และปิดเครื่องเร็วกว่าปกติ
  • ชุดซอฟต์แวร์ ThinkVantage ยังอยู่ครบ ปรับแต่งเครื่อง, อัพเดตซอฟต์แวร์, ตรวจอายุประกัน, กระทั่งติดต่อซัพพอร์ตทำได้ผ่านซอฟต์แวร์ตัวนี้
  • ศูนย์บริการยังคงเป็นศูนย์เดียวกับ ThinkPad อื่นๆ

รุ่นที่ผมได้มาเป็น ThinkPad Edge 14 ภายในเป็น Core i5 M430 2.27GHz แรม 4GB พร้อม Windows 7 EE ตามแบบฉบับ ThinkPad ที่สำคัญคือจอด้านที่อาจจะหาได้ยากแล้วในโน้ตบุ๊กราคาประหยัดลงมา ตัวที่ได้รับมานี้ยังมี Wi-Fi แบบ a/b/g/n ถ้าบ้านใครอยู่คอนโดที่มี Wi-Fi หนาแน่นจนใช้งานลำบากก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีเพราะจะหนีไปใช้งานย่าน 5GHz ได้สบาย

ถัดจากเรื่องของสเปคแล้วเรื่องที่สำคัญที่สุดคงเป็นคีย์บอร์ด โดยส่วนคีย์หลักของ ThinkPad Edge นั้นยังคงเลย์เอาท์เดียวกับ ThinkPad รุ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม "|" ที่อยู่เหนือปุ่ม enter หรือ "Fn" ที่อยู่ด้านนอกสุดแทนปุ่ม Control

จุดที่หลายคนบ่นคีย์บอร์ด ThinkPad เดิมกันมากคือปุ่ม back ไปอยู่เหนือลูกศร ซึ่งพลาดไปโดนง่ายมาก ถ้าใช้เบราเซอร์ก็ทำให้งานทั้งหมดที่พิมพ์มาหายไปต่อหน้าต่อตาได้บ่อยครั้ง ในรุ่น Edge แก้ปัญหานี้ไปแล้วด้วยการแทนที่ปุ่ม back ด้วยปุ่ม Page Up และ Page Down แถมตัวปุ่มอยู่ลึกลงไปและแข็งกว่าปุ่มอื่นพอสมควร ทำให้กดพลาดได้ยาก

แต่จุดที่เรียกว่าแปลก (จนอาจจะประหลาด) คือปุ่ม F1-F12 ที่ถูกซ่อนอยู่หลังปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆ เช่นการปรับเสียง, แสงจอ, โดยเมื่อต้องการกดปุ่มฟังก์ชั่นเหล่านี้จะต้องกดปุ่ม Fn ก่อนทุกครั้ง เข้าใจว่านี่คือการพยายามเอาใจคนใช้ทั่วไปมากขึ้นด้วยการเอาฟังก์ชั่นที่ใช้งานบ่อยกว่าขึ้นหน้า (ใครจะไปจำได้กันว่า refresh ต้องกด F5?) แถมเป็นการลดจำนวนปุ่มโดยรวมลง

พอร์ต USB สามพอร์ตถูกวางอยู่ทางขวามือทั้งหมด ต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่มักวางแยกซ้ายขวา ทำให้คนใช้งาน USB มากๆ อาจจะไม่ชอบใจนักเพราะขวางทางเมาส์ แต่พอร์ตที่สามก็ยังคงอยู่ด้านหลัง เพื่อให้สายเมาส์ไม่พันมือ

ตัวออปติคอลไดร์ฟที่เครื่องที่ผมได้รับมาเป็น Blu-ray อีกด้วย ไม่แน่ใจว่าออปชั่นนี้เมื่อขายจริงจะมีราคาเท่าใหร่

พอร์ตทางด้านขวาคือพอร์ตที่เหลือทั้งหมด รวมถึง HDMI, eSata และ ExpressCard34 มาให้ด้วย จุดน่าสนใจคือรูเสียบหูฟังนั้นเป็นช่องเสียบไมค์ในตัว ถ้าจะใช้โทรศัพท์อาจจะต้องตรวจสอบรุ่นสักหน่อยว่าหูฟังของเรานั้นใช้ร่วมกันได้ ด้านหลังเป็นช่องระบายความร้อน แม้ความร้อนโดยรวมจะไม่สูงมากตามมาตรฐาน ThinkPad แต่ผมพบว่าเสียงจากช่องระบายนั้นดังกว่ารุ่นอื่นๆ พอสมควร

ลืมโลโก้พระจันทร์เสี้ยว, รูปแบตเตอรี่, และรูปอื่นๆ ไปได้เพราะใน ThinkPad Edge จะมีไฟสถานะให้ดวงเดียวที่จุดแดงเหนือตัว i ถ้าสว่างแปลว่าทำงานอยู่ ถ้ากระพริบแสดงว่า sleep อยู่

ฟีเจอร์สุดท้ายของความเป็น ThinkPad คือมันใช้อแดปเตอร์ 20v มาตรฐานร่วมกับ ThinkPad อื่นๆ ได้ ถ้าลืมเอาอแดปเตอร์ไปทำงานก็ยังมีโอกาสดีมากที่จะขอยืมคนข้างๆ ได้ถ้ารอบตัวคุณมี ThinkPad มากพอ

ชุดซอฟต์แวร์ ThinkVantage เป็นความได้เปรียบของ ThinkPad สำคัญอีกอย่างหนึ่ง มันช่วยตรวจสภาพเครื่องโดยรวมได้ตามระยะเวลา ใช้ติดต่อซัพพอร์ตเมื่อมีปัญหา

ใช้ๆ งานไปจะพบว่าการอัพเดตที่เดียว แถมควบคุมได้ง่ายๆ นี่มันดีกว่าพอสมควร

จุดสำคัญที่สุดของ ThinkVantage คงเป็นเรื่องของการจัดการพลังงาน ในโหมดง่ายนั้นเราสามารถปรับระดับการกินพลังงานได้เพียงเลื่อนเคอร์เซอร์ไปมาเพื่อปรับความสว่างจอ, ความแรงซีพียู ฯลฯ ตามสัดส่วนอัตโนมัติ

ส่งท้าย

ผมได้ยินมานานว่า ThinkPad Edge นั้นถูกวางให้มีความเป็น "วัยรุ่น" มากขึ้นจากการใส่สีสรรและรูปทรงที่เปลี่ยนไป แต่กับคนที่ชินกับทรงเบนโตะมาหลายปี ผมทดสอบมันในการใช้งานจริงต่อหน้าคนรอบตัวผม พบว่าคนที่ไม่ได้ใช้ ThinkPad มาก่อนไม่น้อยเลยให้ความสนใจมันในทางที่ดี อาจจะเป็นเพราะสีแดงสะดุดตา ที่ไม่ดูจริงจังเกินไปนัก

อายุแบตเตอรี่ที่ดีพอ ผมทดสอบการใช้งานโดยไม่ได้ควบคุมอะไรมากนัก พบว่าพฤติกรรมการใช้งานแบบทั่วไปของผมเองก็ใช้งานมันได้กว่าสามชั่วโมงครึ่ง

คำแนะนำจากผมคือ ถ้าคุณใช้ ThinkPad ในตระกูลเดิมอยู่แล้ว อาจจะเป็นการดีกว่าที่จะใช้งานตระกูลเหล่านั้นต่อไป แต่ถ้าความสวยงาม, ราคา, หรือฟีเจอร์ เคยเป็นประเด็นที่ทำให้คุณไม่ใช้ ThinkPad แต่หันไปใช้งานคอมพิวเตอร์สำหรับผู้ใช้ทั่วไปแทนที่จะเป็นคอมพิวเตอร์สำหรับงานธุรกิจโดยตรง ThinkPad Edge ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอีกตัวหนึ่ง

Blognone Jobs Premium