เมื่อวานนี้ นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท โทรคมนาคม เปิดเผยว่า จากที่รมว.ไอซีทีได้ให้กสท.กลับไปทบทวนการเข้าซื้อกิจการโครงข่ายระบบ CDMA และลูกค้าจาก ฮัทชิสัน (ฮัทช์) ใหม่ โดยให้เจรจาลดราคาลงเหลือไม่เกิน 4,000 ล้านบาท จากเดิม 7,500 ล้านบาทนั้น กสท.ได้แจ้งผู้บริหารฮัทช์แล้ว ต้องรอคำตอบจากฮัทช์ว่าจะยินยอมขายตามที่รมว.ไอซีทีให้นโยบายหรือไม่ ขณะเดียวกันกสท.ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบการเข้าซื้อกิจการฮัทช์กับการลงทุนปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีจาก CDMA เป็น HSPA (High-Speed Packet Access) คาดว่าภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้จะรู้ผลการวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียและการลงทุนว่าแบบไหนจะคุ้มค่ามากกว่ากัน หลังจากนั้นจะนำรายงานให้บอร์ด กสท.รับทราบเพื่ออนุมัติในเดือนพ.ย.นี้
จากการประเมินเบื้องต้นพบว่าการลงทุน HSPA จะใช้เงินลงทุน 2 ล้านบาทต่อสถานีฐาน ขณะที่โครงข่าย CDMA เอมีข้อจำกัด อาทิ ไม่คุ้มค่าการลงทุนในเชิงพาณิชย์เพราะมีผู้ใช้น้อยราย เครื่องโทรศัพท์ต้องผลิตเฉพาะเจาะจงการใช้งานกับระบบ CDMA เอเท่านั้น ขณะที่เครื่องลูกข่ายส่วนใหญ่รองรับ HSPA ได้เกือบทุกรุ่นที่มีอยู่ในตลาด อีกทั้งกสท.สามารถเช่าใช้สถานีฐานของดีแทคหรือทรูมูฟได้เพื่อลดต้นทุน นอกจากนั้นอีกไม่เกิน 3-5 ปีข้างหน้า เทคโนโลยี 3G CDMA ก็จะหมดไป เทคโนโลยีใหม่หรือทีเรียกว่าแอลทีอีหรือมือถือยุค 4G ก็จะเข้ามาแทนที่
นอกจากนั้นนายจิรายุทธ ยังกล่าวถึงเรื่องการอัพเกรดจาก 2G เป็น 3G บนคลื่นความถี่เดิมของดีแทคและทรูมูฟว่าขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน เนื่องจากคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ยังไม่มีข้อสรุป คาดว่าไม่เกินเดือนพ.ย.นี้จะมีคำตอบเรื่องการอัพเกรดดังกล่าวอย่างแน่นอน
ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์