พบกันทุก 6 เดือน (ถ้าไม่ขี้เกียจจนเกินไป)
ตอนนี้ Ubuntu เดินทางมาถึงเวอร์ชัน 10.10 รหัส "Maverick Meerkat" ได้เวลารีวิวกันเช่นเดิม
ผมถือว่าผู้อ่าน Blognone ทุกคนเคยลองใช้ Ubuntu กันหมดแล้ว (ถ้าไม่เคยก็ลองซะนะครับ) ดังนั้นคงไม่ต้องปูพื้นฐานอะไรกันมากมาย อัดศัพท์เทคนิคในวงการกันเน้นๆ เลยดีกว่า
ถ้าให้สรุปสั้นๆ Ubuntu 10.10 เป็น "ภาคต่อ" ของ Ubuntu 10.04 LTS มันคือพัฒนาการต่อจากรากฐานที่วางไว้ใน 10.04 ซึ่งจะต่างไปจาก 10.04 ที่เปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในหลายเรื่องๆ ดังนั้นรีวิวชิ้นนี้จะเขียนต่อจากรีวิวของ Ubuntu 10.04 ว่ามีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมบ้าง ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมานี้
รีวิว Ubuntu รุ่นก่อนๆ บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์
กระบวนการติดตั้ง Ubuntu ยังเหมือนเดิมทุกประการ วิธีที่ง่ายที่สุดคือ ดาวน์โหลดไฟล์จากเว็บไซต์ Ubuntu แล้วเขียนอิมเมจลง USB drive ด้วยวิธีที่บอกไว้ในหน้าดาวน์โหลด
ตัวติดตั้งมีลักษณะคล้ายของเดิม จุดที่ต่างออกไปมีสองจุดคือ
ผมขี้เกียจจับภาพขั้นตอนเหล่านี้ ใครสนใจก็ลองกันเอง หรือดูจาก Ubuntuclub ก็ได้
การบูตยังต้องพึ่ง GRUB (text ล้วน ยังไม่พัฒนาเสียที ถ้าใครอยากได้หน้าจอบูตสวยๆ ลองใช้ BURG แทน)
ความเร็วของการบูตผมว่าไม่ต่างจากเดิมมาก (ไม่เร็วขึ้นและไม่ช้าลง) แต่คุณ @kohsija ให้ความเห็นมาทางทวิตเตอร์ว่าบนเน็ตบุ๊กนั้นช้าจาก 10.04 LTS อย่างเห็นได้ชัด เท่าที่ลองจับเวลาแบบหยาบๆ บนเครื่องตัวเอง (ThinkPad x200si) จากหน้า GRUB ถึงหน้าล็อกอิน ใช้เวลา 24 วินาทีครับ
ล็อกอินเสร็จแล้วจะได้หน้าจอแบบนี้
วอลล์เปเปอร์ default ของ Ubuntu นั้นเปลี่ยนทุกรุ่นอยู่แล้ว (เพื่อให้แยกแยะรุ่นได้ง่าย) วอลล์เปเปอร์อันนี้ยังคงสีม่วง-ส้มของ Canonical/Ubuntu แต่เปลี่ยนลวดลายให้ต่างจากของเดิม
ส่วนวอลล์เปเปอร์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ default ก็เปลี่ยนจากรุ่นก่อนบ้างบางส่วน มีอันเจ๋งๆ หลายอัน โดยรวมแล้วผมให้คะแนนดีกว่าวอลล์เปเปอร์ของ 10.04 ครับ
ธีมหลักยังใช้ธีม Ambiance สีดำ แกนหลักของธีมยังเหมือนเดิม ปุ่มควบคุมหน้าต่างยังอยู่ด้านซ้ายมือเหมือนเดิม แต่ปรับรายละเอียดในจุดเล็กๆ ที่ต่างไปจาก 10.04 หลายจุด
ที่ผมหาความแตกต่างได้
เมื่อรวมกับฟอนต์ใหม่ (ซึ่งจะกล่าวต่อไป) มันทำให้ Ubuntu 10.10 ดูดีขึ้นกว่าเดิมมาก
อย่างไรก็ตาม ธีม Ambiance ยังมีปัญหาเก่าหลายจุด รวมถึงปัญหาใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่
ส่วนธีม Radiance ก็ปรับคล้ายๆ กับธีม Ambiance หน้าตาเป็นอย่างไรดูกันเอง (แถบบนสีคล้ายๆ Menu ของแมคมากขึ้น)
โดยรวมแล้วผมยังชอบ Ambiance มากกว่านะ
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดของ Ubuntu 10.10 อาจเป็นฟอนต์ใหม่ล่าสุดที่ชื่อ "Ubuntu"
ฟอนต์ตัวนี้เกิดจากแนวคิดของ Canonical ที่มองว่าฟอนต์โอเพนซอร์สนั้นแสดงผลไม่สวยงามนักบนหน้าจอ เลยจ้างให้บริษัทฟอนต์มืออาชีพมาสร้างฟอนต์ตัวใหม่ ที่เป็นฟอนต์เดียวกับโลโก้ Ubuntu เวอร์ชันปัจจุบัน รายละเอียดอ่านจากข่าวเก่า Ubuntu เริ่มทดสอบฟอนต์ใหม่
ผมพบว่าฟอนต์ตัวนี้สวยมากเวลาดูบนหน้าจอ มันออกแบบมาสำหรับอินเทอร์เฟซต่างๆ โดยแท้ (เช่นเดียวกับฟอนต์ Tahoma, MS Sans Serif, Segoe UI ของวินโดวส์ และ Lucida Grande ของแมค)
ลองเอามาพิมพ์เทียบใน OpenOffice.org ก็พบว่าดูดีทีเดียว ที่ขนาดเล็กๆ ทำ hinting สวยงาม
Ubuntu 10.10 ใช้ฟอนต์ตัวนี้เป็น default แต่ผมว่าขนาดที่กำหนดมามันใหญ่ไปสักหน่อย ผมปรับลดลง 1 สเต็ป แต่ก็แต่งกันเองตามชอบดีกว่าครับ
การเปลี่ยนแปลงสำคัญของ Ubuntu 9.10 และ 10.04 คือ notification area และ notification message (อ่านรายละเอียดได้ในตอนเก่าๆ) สำหรับรุ่น 10.10 นั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนมากเท่า แนวคิดการใช้ notification message + messaging menu ยังเหมือนเดิมทุกประการ
จุดที่เพิ่มเข้ามาชัดเจนคือ sound menu เพิ่มการควบคุมเพลงที่เล่นใน Rhythmbox เข้ามา ในอนาคตเราคงเห็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
จุดสังเกตอีกนิดนึงคือ keyboard indicator มีไอคอนคีย์บอร์ดเข้ามาด้วย คาดว่าเตรียมไว้แสดงไอคอนของ input method อื่นๆ ในอนาคต (เช่น คีย์บอร์ดบนจอสัมผัส) อันนี้ผมยังหาวิธีปิดให้เหลือแต่สัญลักษณ์ภาษาเพียงอย่างเดียวไม่เจอ
ใน Ubuntu 10.04 ถอด GIMP ออกไป รุ่นนี้ยังคงนโยบายเดิม ผู้ใช้สามารถเพิ่มกลับได้เองผ่าน Software Center แบบไม่ยากอะไร
ส่วนการเปลี่ยนแปลงโปรแกรม default ในรุ่นนี้มีตัวเดียวคือโปรแกรมจัดการภาพที่เปลี่ยนจาก F-Spot มาเป็น Shotwell
โดยส่วนตัวผมใช้ Shotwell มาสักพักแล้ว เลยไม่รู้สึกแปลกแยกมากนัก ถ้าจะว่ากันตรงๆ มันลอกอินเทอร์เฟซของ iPhoto มาแทบจะเป๊ะๆ (มี event แบบ iPhoto รุ่นหลังๆ ด้วย) ซึ่งมีข้อดีคือใช้งานง่ายกว่าอินเทอร์เฟซแปลกๆ ของ F-Spot มาก
ในแง่ความสามารถคงไม่ต่างกันมาก (เท่าที่ลองใช้แบบง่ายๆ) ตอนนี้ Shotwell สามารถอัพโหลดรูปไปยัง Facebook/Picasa/Flickr ได้ ซึ่งก็พอเพียงกับการใช้งานของผมแล้ว (ถ้าต้องการโปรแกรมจัดการภาพที่ฟีเจอร์เยอะจริงๆ ควรลง gThumb)
Gwibber โปรแกรมเล่น social network รุ่น 2.32 (นับเลขตาม GNOME) รองรับระบบ authentication แบบใหม่ของ Twitter, เปลี่ยนเอนจินมาใช้ SQLite ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น แต่โพรโตคอลแปลกๆ บางตัวที่มีในรุ่นก่อนก็หายไป ต้องรอพัฒนากันใหม่
เห็นว่า Evolution พัฒนาเรื่องประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เผอิญผมไม่ได้ใช้ก็ขอข้ามไป ส่วนฟีเจอร์ของ GNOME อ่านได้จาก GNOME 2.32 รุ่นสุดท้ายของสาย 2.x โดยรวมก็ไม่มีอะไรใหญ่ๆ เพิ่มเข้ามา
ต้องยอมรับอีกเช่นกันว่า Software Center ได้รับแนวคิดจาก App Store ของแอปเปิลไม่น้อย ในรุ่นนี้ Software Center มีความเปลี่ยนแปลงประมาณ 4 อย่าง
จากภาพจะเห็น app แนะนำสองหมวดคือ Featured และ What's New ส่วน History คือเมนูอันซ้ายล่างสุด
ส่วน For Purchase ตอนนี้ยังมีตัวเดียวคือ Fluendo DVD Player ขายราคา 24.95 ดอลลาร์ เมื่อลองกดซื้อ จะต้องล็อกอินผ่าน Ubuntu Single Sign-on
เท่าที่ลองติดตั้งโปรแกรมต่างๆ ผมพบว่า Software Center ใช้งานได้จริงแล้ว แต่เทียบกับ Synaptics ยังขาดความสามารถชั้นสูงบางอย่าง (แต่ก็แลกมาด้วยการใช้งานที่เข้าใจง่ายกว่ามาก) คาดว่าอีกสักพัก Canonical จะถอด Synaptics ออก เหลือแต่ Software Center เพียงตัวเดียว
Canonical ยังมีการบ้านเรื่อง For Purchase ที่จะต้องหาโปรแกรมคุณภาพสูงมาขายให้มากขึ้น ส่วนการลงโปรแกรมเพิ่มเติมผ่าน Canonical Repository ยังไม่ถูกเปิดใช้เป็น default ผู้ใช้อาจงงๆ ว่าทำไมหาโปรแกรมอย่าง Sun JRE หรือ Skype ไม่เจอในตอนแรก
แม้ว่า Ubuntu 10.10 ปรับปรุงขึ้นจาก 10.04 ไม่น้อย แต่คอนฟิก, UI และโปรแกรมหลายตัวก็ยังเก่าเก็บอยู่ ตอนนี้มีโปรแกรมทางเลือกหลายตัว วิธีการปรับแต่งมากมาย ที่ช่วยให้ Ubuntu 10.10 น่าใช้งานมากขึ้น
ผมแนะนำให้อ่านบทความใน OMG Ubuntu สองชิ้น
ชิ้นแรก 10 things to do after installing Ubuntu 10.10 Maverick Meerkat
บทความนี้แนะนำให้ลงธีมของ Chrome ให้เข้าชุดกับ Ambiance ดังภาพ
นอกจากนี้แนะนำให้ติดตั้ง indicator applet เพิ่มเติม ซึ่งเข้าไปเลือกได้จาก โพสต์หมวด indicator applet ของ OMG Ubuntu มีให้เลือกเยอะมาก และนี่แสดงให้เห็นว่า ecosystem ของ Ubuntu ใหญ่มากในโลกของลินุกซ์
สำหรับ messaging menu ถ้าไม่ได้ใช้ Evolution อ่านอีเมล ก็สามารถเพิ่มตัวเช็คเมลของ Gmail หรือ Thunderbird ได้
บทความชิ้นที่สองคือ Customizing Ubuntu 10.10 with a dock, new icon theme, effects, global menu and more
บทความนี้แนะนำให้ลง Docky ซึ่งเป็น Dock แบบเดียวกับ Mac OS X เพื่อใช้แทน panel ด้านล่าง จะได้มีเนื้อที่แสดงผลมากขึ้น (แล้วตั้ง Docky ให้เป็น autohide) ตอนนี้ผมก็ใช้แบบนี้
สำหรับคนที่ชอบตบแต่ง สามารถลงชุดไอคอน Faenza ซึ่งวาดไอคอนให้เกือบทุกโปรแกรมอยู่ในกรอบ 4 เหลี่ยมมุมโค้ง (แบบเดียวกับไอคอนของ iOS) อันนี้แล้วแต่ความชอบครับ
อย่างอื่นๆ อย่าง Nautilus Elementary หรือ Applications Menu ก็แล้วแต่ชอบครับ ลองอ่านและเลือกแต่งกันเองตามสะดวก
Ubuntu ทุกเวอร์ชันเต็มไปด้วยบั๊ก และดูเหมือนว่า Maverick Meerkat จะอุดมบั๊กมากเป็นพิเศษ
บั๊กที่เจอกันมากคือ "คีย์บอร์ดผี" เปลี่ยนภาษาสลับไปมาเองได้ (เหวอ) บั๊กนี้คนเป็นกันเยอะมาก เท่าที่เช็คดู สถานะล่าสุดเป็น Fix Released เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวคงมากับอัพเดตครับ
บั๊กอีกตัวที่ผมเจอ แต่ยังหาสาเหตุไม่ได้คือ Empathy ไม่แสดงรายชื่อเพื่อนใน Google Talk (Windows Live Messenger ไม่เป็น) ปัญหานี้เป็นๆ หายๆ เลยไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
ผมไม่ได้ใช้การ์ดจอ NVIDIA หรือ ATI เลยสบายหน่อย ไม่มีปัญหาเรื่องการแสดงผล ใครมีโปรดช่วยรายงาน
รายการบั๊กขอ Maverick สามารถดูได้จาก Bugs in The Maverick Meerkat ซึ่งดูจากสถานะแล้วก็แก้ไปแล้วหลายบั๊กอยู่นะ
Ubuntu 10.10 เป็นพัฒนาการอีกขั้นของรากฐานที่วางเอาไว้ใน Ubuntu 10.04 มันดีกว่าเดิมแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องฟอนต์และ UI แต่การเดินทางก็ยังอีกยาวไกล ยังมีแผนการอีกหลายส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ เช่น windicator, ไอคอนใหม่ ฯลฯ ผมประเมินเอาเองว่าถ้า Canonical ยังเดินไปในแนวทางนี้ (เริ่มสร้างระบบซอฟต์แวร์ของตัวเองที่ต่างไปจาก GNOME) อีกประมาณ 2 รุ่นน่าจะเริ่มเป็นจริง
ข้อดี
ข้อด้อย
ผมคิดว่าตอนนี้ Ubuntu มีสภาพใกล้เคียงกับแมคมาก คือใช้แทนวินโดวส์ในงานทั่วๆ ไปได้ แต่งานเฉพาะทางบางอย่าง (เช่น เกม และงานเอกสารที่ต้องใช้ Microsoft Office) ก็ยังต้องใช้วินโดวส์อยู่ดี เพียงแต่ตอนนี้ Ubuntu 10.10 พัฒนาตัวเองให้มีความสวยงาม ใช้งานง่ายโดยไม่ต้องพึ่งคอมมานด์ไลน์ ใกล้เคียงกับระดับของแมคมากแล้ว
ถ้าไม่ต้องใช้โปรแกรมเฉพาะของวินโดวส์ และโปรแกรมเฉพาะของแมค (เช่น iTunes เพื่อต่อกับ iPhone) การซื้อพีซีแล้วลง Ubuntu 10.10 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก เมื่อเทียบกับการซื้อแมคครับ
แล้วเจอกันใน 11.04 Natty Narwhal
ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง รีวิวนี้ไม่ได้ทดสอบ