หลังจากความสำเร็จของ Samsung Galaxy S ที่ทำกำไรถล่มทลายให้กับซัมซุง จนถึงกับหลายคนอาจจะยกให้ Galaxy S เป็นคู่แข่งโดยตรงของ iPhone 4 จนมาถึงวันนี้ที่เปลี่ยนการแข่งขันจากอุปกรณ์มือถือมาสู่แท็บเล็ตที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้น และยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าขนาดมาตรฐานชายไทยควรจะเป็นเท่าใด ด้วยผู้นำตลาดอย่าง iPad ที่หลายคนบ่นว่าถือมือเดียวไม่ไหว แต่กลับเป็นอุปกรณ์ที่มีวางขายอยู่แทบทุกตู้กระจกในห้างชื่อดังชั้น 4 ใกล้สยาม จนมาถึงแท็บแล็ตที่ทุกคนกำลังจับตามองว่าจะเข้ามาตีเจ้าตลาดได้เหมือนกับ Galaxy S หรือไม่ นั่นคือ Samsung Galaxy Tab ที่ผมจะนำมารีวิวในวันนี้นี่เองครับ
ขอออกตัวไว้ก่อนว่า ไม่เคยเขียนรีวิวอุปกรณ์ใดๆ มาก่อนเลย เพราะฉะนั้นสิ่งที่รีวิวออกมาก็คงไม่ได้ยึดถือตามหลักการใดๆ นอกจากตามใจคนเขียน โดยคิดว่าจะแบ่งออกเป็น 3 ตอน ประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ที่แถมมากับเครื่อง และซอฟต์แวร์อื่นๆ ถ้าใครอยากให้ผมทดสอบอะไรเพิ่มเติมก็สามารถคอมเมนต์ทิ้งไว้ได้ ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงและไม่ทำให้เครื่องพังก็คงจะมานำเสนอในภาคต่อๆ ไปครับ
เรื่องสเปคของตัว Galaxy Tab ดูได้จากมินิรีวิวของคุณ lancaster เลยนะครับ ผมจะเน้นไปที่รูปถ่ายให้เห็นจริงแล้วอธิบายไปด้วยเลยมากกว่า รูปที่นำมารีวิวทั้งหมดถ่ายด้วย Nexus One อาจจะชัดบ้างไม่ชัดบ้าง สะท้อนแสงบ้าง ยังไงมาเริ่มแกะเครื่องไปพร้อมกับผมเลยแล้วกันนะครับ
รูปกล่องถ่ายจากด้านหน้า
รูปกล่องถ่ายจากด้านข้าง
โลโก้หน้ากล่องสะท้อนแสง
เมื่อเปิดฝากล่องออกมา (แอบเห็นมือคนถ่ายนิดนึง)
แผ่นพลาสติกดูดจอที่ติดอยู่ที่ด้านหน้าและด้านหลังของเครื่อง เขียนถึงฟีเจอร์ชูโรงที่ซัมซุงคงจะนำมาเป็นจุดขาย (จริงๆ แผ่นพลาสติกมันสมควรจะติดอยู่กับตัวเครื่อง แต่ตัวผมดันตื่นเต้นรีบแกะก่อน เลยไม่ได้ถ่ายตอนที่มันติดอยู่กับตัวเครื่องซะงั้น)
ด้านหลังเครื่องเป็นสีขาว มีกล้องและแฟลช LED โดยตรง Model เขียนชื่อรุ่นไว้ว่า GT-P1000
เป็นรูปตอนใส่ซิมที่ด้านข้างของเครื่องครับ ไล่ปุ่มจากบนสุดลงล่างสุด (ไม่มีในรูป) มีปุ่มเปิดปิดเครื่อง ปุ่มเพิ่มเสียง-ลดเสียง ช่องใส่ MicroSD และช่องใส่ SIM ครับ
ด้านหน้าของเครื่องผมไม่ได้ถ่ายมาเนื่องจากถ่ายแล้วรูปมืดมาก เลยขอใช้วิธีอธิบายแทนว่าด้านหน้าของเครื่องมีกล้องหน้าอยู่ที่ด้านบนขวาของเครื่อง และด้านล่างมีปุ่มเรียงตามลำดับจากซ้ายไปขวา ได้แก่ ปุ่ม Menu, ปุ่มเข้า Home Screen, ปุ่ม Back และปุ่ม Search
เมื่อเปิดฝากล่องใต้เครื่องออกมาจะพบกับอุปกรณ์ที่ให้มาด้วย
ที่ชาร์จประกอบด้วยอุปกรณ์สองชิ้นนำมาประกอบกันเป็นดังรูปครับ
คู่มือและใบรับประกันจากซัมซุงประเทศไทย
หูฟังเป็นแบบ in-ear ผมไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เพราะผมใช้แล้วมักจะปวดหูเสมอ
อุปกรณ์ที่แถมมากับหูฟังครับ ผมไม่แน่ใจว่ามันไว้ใช้ทำอะไรบ้าง
สาย USB สำหรับต่อเข้าคอมพิวเตอร์หรือต่อกับสายชาร์จครับ (สังเกตว่าไม่ใช่ Micro USB)
เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาก็จะพบกับหน้าจอต้อนรับครับ
เมื่อบูทเสร็จแล้วก็จะพบกับหน้าจอเริ่มต้นมาตรฐานของแอนดรอยด์ นับเวลาบูทจากเปิดเครื่องเห็นโลโก้ Galaxy Tab จนถึงหน้าจอปลดล็อคเครื่อง ใช้เวลา 32 วินาทีครับ
เมื่อลากปุ่มปลดล็อคเครื่องก็จะพบกับหน้าจอตั้งค่าเริ่มต้น โดยหน้าจอแรกจะเป็นการแนะนำวิธีการพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดเสมือนครับ สังเกตว่าจะเป็นเมนูภาษาไทยทั้งหมด
นี่คือคีย์บอร์ดภาษาไทยที่ติดมากับเครื่องครับ
หน้าจอเลือกแป้นคีย์บอร์ดทั้งหมดที่ติดมากับเครื่องครับ
นี่คือคีย์บอร์ดภาษาอังกฤษแบบ Swype ครับ
หน้าจอที่สองจะเป็นหน้าจอเลือกวิธีการเชื่อมต่อเครือข่ายครับ จะมีสองแบบให้เลือกคือ Wi-Fi อย่างเดียวหรือ Wi-Fi+3G
หน้าจอที่เหลือก็จะเป็นการตั้งค่าตามปกติของแอนดรอยด์ ส่วนรูปนี้คือรูปหลังจากตั้งค่าทั้งหมดเสร็จแล้ว ก็จะพบกับหน้าจอ Home Screen เริ่มต้นของ Galaxy Tab ครับ
หน้าจอเกี่ยวกับเวอร์ชันและรุ่นของ Galaxy Tab ครับ เป็น 2.2 มาแต่กำเนิดแน่นอน
หน้าจอบอกหน่วยความจำของ Galaxy Tab ครับ
ภาคแรกของจบไว้เท่านี้ก่อนนะครับ ถ้ามีเวลาเดี๋ยวมาต่อภาคสองวันพรุ่งนี้ครับ :)