สืบเนื่องจากการที่แผนแม่บท ICT แห่งชาติฉบับที่ 2 ได้ประกาศใช้มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2552 แต่ผมเพิ่งจะได้มีโอกาสมายุ่งเกี่ยวและศึกษาแผนแม่บทนี้อย่างละเอียด จึงอยากนำมาสรุปให้ทุกท่านได้ย้อนมามองสาระสำคัญของแผนแม่บทนี้อีกสักครั้ง
ผมคิดว่าเราทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชน Blognone ไม่ควรจะมองข้ามแผนแม่บทนี้ อย่างน้อยก็น่าจะพอเห็นภาพและเข้าใจในระดับหนึ่งว่าการบริหารระดับประเทศตั้งใจจะพา ICT ของประเทศไทยไปในทิศทางใด เราจะได้ร่วมแรงร่วมใจกัน มุ่งพัฒนาให้ไปในทิศทางเดียวกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อก่อให้เกิดศักยภาพอันสูงสุด
บทความชิ้นนี้เป็นการผสมผสานระหว่างข้อความดั้งเดิมจากแผนแม่บท การสรุปความจากแผนแม่บท และความเห็นส่วนตัวในบางส่วนเท่าที่จำเป็นครับ
เนื้อหาของบทความนี้แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
ในส่วนบทแรก ๆ ของแผนแม่บทเป็นการวิเคราะห์สถานภาพทางด้าน ICT ของประเทศไทย ซึ่งได้จากการวัดจากดัชนีมาตรฐานต่าง ๆ และการทำ SWOT เป็นต้น ซึ่งสรุปออกมาได้ 5 ประเด็นดังต่อไปนี้
สถานภาพด้านโครงสร้างพื้นฐาน - ผลการวิเคราะห์พบว่า ประเทศไทยไม่มีปัญหาด้านการพัฒนาโครงข่ายหลัก (Backbone Network) แต่ปัญหาอยู่ที่โครงข่ายระดับปลายทาง (Last Mile Access) ที่ไม่เพียงพอ ไม่ครอบคลุม และด้อยคุณภาพ ซึ่งเป็นผลให้พื้นที่ห่างไกลและกลุ่มคนบางกลุ่มเช่น ผู้พิการ ผู้สูงอายุ เป็นต้น ยังไม่สามารถเข้าใช้งานได้ดีนัก ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบการเข้าถึงเทคโนโลยีการสื่อสารดั้งเดิมเช่น โทรทัศน์ วิทยุ เป็นต้น (แผนแม่บทใช้คำว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสารสนเทศ)
สถานภาพของประชาชนทั่วไป - ผลการวิเคราะห์พบว่า คนไทยมีการใช้ ICT ในระดับต่ำ ส่วนผู้ที่เข้าถึง ICT แล้วนั้นก็ยังไม่ใช้ ICT ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง กล่าวคือใช้เพื่อความบันเทิงเป็นหลัก อีกทั้งมีการใช้งาน ICT ที่ไม่เหมาะสมอยู่มาก ซึ่งดูได้จากปริมาณของเนื้อหาที่ไม่พึงประสงค์ และอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ที่มีเป็นจำนวนมาก
สถานภาพด้านบุคลากรทาง ICT - ยังขาดบุคลากรทางด้าน ICT อีกมาก ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ
สถานภาพด้านบุคลากรในภาครัฐ - ก็ยังขาดบุคลากรทางด้าน ICT ทั้งคุณภาพและปริมาณเช่นกัน โดยเน้นด้วยว่าเกิดจากผลตอบแทนต่ำและขาดแรงจูงใจที่เหมาะสม
สถานภาพด้านการบริการจัดการ - ประเทศไทยมีหน่วยงานทางด้าน ICT เป็นจำนวนมากพอสมควร แต่มีการทำงานที่ซ้ำซ้อน ต่างคนต่างทำ ไม่เป็นเอกภาพ ไม่ว่าจะเป็นด้านการวางแผน การกำกับดูแล การจัดการงบประมาณ เป็นต้น เป็นผลให้งานต่าง ๆ ขาดการบูรณาการ ขาดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน และขาดการประเมินผลและติดตามผลอย่างจริงจัง
จากผลการวิเคราะห์ดังกล่าว ผมคิดว่าข้อ 2 เป็นข้อที่ประชาชนทุก ๆ คนต้องตระหนักและพยายามปรับปรุงให้นำสิ่งที่ประเทศของเราได้ลงทุนไปมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ครับ การใช้ ICT เสพสื่อบันเทิงผมว่าก็ไม่เป็นไร แต่ควรจะใช้ทำอย่างอื่นเป็นจริงเป็นจังด้วยเท่านั้นเอง ผมขอตัวอย่างง่าย ๆ ครับ นักศึกษาในมหาวิทยาลัยติด Facebook กันงอมแงม และกระหน่ำโหลดภาพยนต์และเพลงกันทั้งวันทั้งคืน การใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อการเรียนและพัฒนาตัวเองนั้นน้อยมาก ถ้าแนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็นับว่าน่าเป็นห่วงนะครับ
จากสถานภาพปัจจุบันของประเทศไทยดังที่วิเคราะห์ข้างต้น เรามาดูกันครับว่ากระทรวงไอซีทีได้วางแผนอะไรไว้บ้างเพื่อจะแก้ปัญหาดังกล่าวครับ
ประเทศไทยเป็นสังคมอุดมปัญญา (Smart Thailand) ด้วย ICT
วิสัยทัศน์ คือ จินตนาการของสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เราทำตามแผนแม่บทนี้ครับ คำสำคัญอยู่ที่วลีที่ว่า ด้วย ICT วลีนี้สะท้อนให้เห็นความต้องการที่จะให้ ICT เข้าไปแทรกอยู่ในทุกภาคส่วนของสังคมทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ดังนั้นสิ่งที่แผนนี้อยากให้เกิดขึ้นคือ สังคมของเราจะเป็นสังคมที่แข็งแกร่ง อุดมปัญญาและอุดมไปด้วยการใช้งาน ICT อย่างมีวิจารณญาณ รู้เท่าทัน ชาญฉลาด และให้เกิดประโยชน์สูงสุดครับ
พัฒนากำลังคนให้มีคุณภาพและปริมาณที่เพียงพอ ทั้งบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT Professionals) และบุคลากรในสาขาอาชีพอื่น ๆ ทุกระดับ ที่มีความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ มีวิจารณญาณและรู้เท่าทัน อย่างมีคุณธรรม จริยธรรม เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมและเศรษฐกิจฐานความรู้และนวัตกรรมอย่างยั่งยืนและมั่นคง
พัฒนาโครงข่ายสารสนเทศและการสื่อสารความเร็วสูงที่มีการกระจายอย่างทั่วถึง มีบริการที่มีคุณภาพ และราคาเป็นธรรม เพื่อให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศหลักที่ทุกภาคส่วนสามารถใช้ในการเข้าถึงความรู้ สร้างภูมิปัญญา และภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมสามารถใช้ในการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ภาคเศรษฐกิจของประเทศ
พัฒนาระบบบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทีมมีธรรมาภิบาล โดยมีกลไก กฎระเบียบ โครงสร้างการบริหารและกำกับดูแล ที่เอื้อต่อการพัฒนาอย่างบูรณาการ มีความเป็นเอกภาพ มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อสนับสนุนให้เกิดธรรมาภิบาลในระบบบริหารจัดการประเทศ สอดคล้องกับเป้าหมายที่กำหนดในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
พันธกิจคือภารกิจหลักที่ต้องทำ เป็นหัวข้อกว้าง ๆ เพื่อกำหนดกรอบเป็นหลักในการพัฒนา โดยสรุปแล้วแผนแม่บทฉบับนี้ก็จะมุ่งเน้นการพัฒนาสามด้านหลักได้แก่ คน โครงข่าย และการจัดการ
เพื่อพัฒนากำลังคนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT Professional) ให้มีปริมาณและคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด และบุคลากรในสาขาอาชีพต่าง ๆ ทุกระดับ รวมถึงประชาชนทั่วไป ให้มีความรู้ความสามารถในการสร้างสรรค์ พัฒนา และใช้ ICT อย่างมีประสิทธิภาพ มีวิจารณญาณและรู้เท่าทัน เพื่อเป็นรากฐานการพัฒนาประเทศไทยสู่สังคมและเศรษฐกิจฐานความรู้และนวัตกรรมอย่างยั่งยืนและมั่นคง
เพื่อสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยใช้แนวปฏิบัติของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เน้นความมีเอกภาพ การบูรณาการ การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการจัดสรรผลประโยชน์จากการพัฒนาสู่ประชาชนในทุกภาคส่วนอย่างเป็นธรรม โดยใช้กลไกความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public-Private Partnership) อย่างเหมาะสม
เพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างการผลิตสู่การเพิ่มคุณค่า (Value Creation) ของสินค้าและบริการบนฐานความรู้และนวัตกรรม โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและปัจเจกบุคคล โดยการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากสารสนเทศ ในกิจการของครัวเรือนและชุมชน รวมถึงในการแสวงหาความรู้ สร้างภูมิปัญญาการมีส่วนร่วมในระบบการเมืองการปกครอง และในการดำรงชีวิตประจำวัน เพื่อนำไปสู่การพึ่งตนเองและลดปัญหาความยากจน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ และผู้สูงอายุ
เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยเน้นการเพิ่มมูลค่าเพิ่ม (Value-Added) ในประเทศ การวิจัยและพัฒนาและการใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรมไทย และเอกลักษณ์ของคนไทย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาสู่สังคมและเศรษฐกิจฐานความรู้และนวัตกรรมอย่างยั่งยืน
โดยสรุปก็คือเน้นไปที่การพัฒนาความเข็งแกร่งทางด้าน ICT ให้กับ คน สังคม และธุรกิจ
ประชาชนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของประชากรทั้งประเทศ มีความรอบรู้ สามารถเข้าถึง สร้างสรรค์ และใช้สารสนเทศอย่างมีวิจารณญาณ รู้เท่าทัน มีคุณธรรมและจริยธรรม (Information Literacy) ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ การทำงาน และการดำเนินชีวิตประจำวัน
ยกระดับความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศ โดยให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีระดับการพัฒนาสูงสุด 25% (Top Quartile) ของประเทศทีีมีการจัดลำดับทั้งหมดใน Networked Readiness Index
เพิ่มบทบาทและความสำคัญของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสในระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีสัดส่วนมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรม ICT ต่อ GDP ไม่น้อยกว่าร้อยละ 15
เป้าหมายก็คือ สิ่งที่เป็นตัววัดว่าต้องทำเท่าใดจึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จ สรุปจากดัชนีทั้งสามก็คือ จำนวนผู้ใช้งานที่มีคุณภาพ อันดับในดัชนีชี้วัด และสัดส่วนในอุตสาหกรรม ICT ต่อ GDP ของประเทศ
จากผลการวิเคราะห์สถานภาพของ ICT ในส่วนแรก และนำมาสู่การตั้งวิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ และเป้าหมาย ซึ่งเป็นกรอบกว้าง ๆ ของแนวทางที่จะทำ ซึ่งต้องนำมาแตกออกเป็นยุทธศาสตร์ย่อยอีกเพื่อให้สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ แผนแม่บทฉบับนี้ได้กำหนดยุทธศาสตร์ทั้งหมด 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่
การพัฒนากำลังคนด้าน ICT และบุคคลทั่วไปให้มีความสามารถในการสร้างสรรค์ ผลิต และใช้สารสนเทศอย่างมีวิจารณญาณและรู้เท่าทัน
การบริหารจัดการระบบ ICT ระดับชาติอย่างมีธรรมาภิบาล
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อสนับสนุนการสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารและการบริการของภาครัฐ
ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม ICT เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและรายได้เข้าประเทศ
การใช้ ICT เพื่อสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
โดยแต่ละยุทธศาสตร์มีรายละเอียดโดยสรุปดังต่อไปนี้
ยุทธศาสตร์แรกเป็นเรื่องของการพัฒนาคน โดยแบ่งเป็นสองส่วนหลักได้แก่
การพัฒนาบุคลากรทางด้าน ICT อันได้แก่ การพัฒนาบุคลากรด้าน ICT ที่อยู่ในภาคการศีกษาทั้งในระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา โดยเน้นไปที่การพัฒนาอาจารย์ การปรับปรุงการเรียนการสอน และส่งเสริมให้ทำงานใกล้ชิดกับผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น อีกทั้งยังส่งเสริมให้นำโอเพ่นซอร์สมาใช้ในการเรียนการสอนให้มากขึ้นด้วย นอกจากจะพัฒนาบุคลากรในภาคการศึกษาแล้ว ยังต้องพัฒนาบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมด้วย โดยเน้นพัฒนาให้ได้คุณภาพมาตรฐานในระดับสากล
การพัฒนาประชาชนทั่วไป ในส่วนนี้ได้แบ่งมาตรการเป็น 5 ข้อย่อย อันได้แก่
การนำ ICT มาใช้ในการเรียนการสอนในทุกระดับชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาขั้นพื้นฐาน ยกตัวอย่างเช่น การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนอิเล็กทรอนิกส์ และการสร้างสังคมเรียนรู้ออนไลน์ของนักเรียน
สนับสนุนแหล่งเรียนรู้ทาง ICT ในชุมชนทั้วไป เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ ICT ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
ส่งเสริมทักษะทาง ICT ให้แก่แรงงานในสถานประกอบการต่าง ๆ ให้สามารถใช้ ICT ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ทาง ICT แก่สังคมผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ และผู้สูงอายุ
ผลักดันให้เกิดการพัฒนาความรู้และทักษะทางด้าน ICT แก่บุคลากรภาครัฐ
ข้อนี้ชัดเจนมาก และคงไม่ต้องขยายความอะไรครับ
ยุทธศาสตร์ที่ 2 นี้เน้นที่กลไกการบริหารจัดการ ICT ของรัฐ อันได้แก่
การปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ ICT ให้มีความเป็นเอกภาพและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ปรับปรุงกลไกการจัดการงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับ ICT ให้คุ้มค่าและลดความซ้ำซ้อน
พัฒนากฎระเบียบและการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ ICT โดยเน้นที่การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ยังรวมถึงการปรับปรุงจัดซื้อจัดจ้างที่เกี่ยวข้องกับ ICT ให้เน้นที่ความคุ้มค่าของงานมากกว่าราคาเพียงอย่างเดียว
ขอขยายความนิดนึงครับ กล่าวคือ หน่วยงานเฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับ ICT ของรัฐนั้นมีอยู่หลายหน่วยงาน อาทิเช่น กระทรวง ICT หรือ เนคเทค ซึ่งอยู่ภายใต้ สวทช. ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงวิทยาศาตร์และเทคโนโลยี เป็นต้น โดยแต่ละหน่วยงานนี้ ในปัจจุบันคงจะมีภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ ทิศทาง และการพัฒนาต่าง ๆ ที่ยังไม่มีเอกภาพเท่าที่ควร ยุทธศาสตร์นี้จึงมุ่งปรับปรุงตรงจุดนี้เพื่อให้หน่วยงานเหล่านี้มีบทบาทที่ชัดเจน มีเอกภาพมากขึ้น และมีผลงานและการจัดสรรงบประมาณแบบบูรณาการมากขึ้นครับ
ยุทธศาสตร์นี้มุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างทาง ICT ของประเทศในด้านต่าง ๆ อันได้แก่
การประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐในเรื่อง ICT
การขยายโครงข่ายโทรคมนาคมให้ครอบคลุมทั่วถึงมากขึ้น
สนับสนุนการเข้าถึง ICT เพื่อการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน ห้องสมุด และชุมชน เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
สนับสนุนการใช้งาน ICT ทีเกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน เช่น การสาธารณสุขพื้นฐาน และการเตือนภัย เป็นต้น
เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโครงข่าย อันได้แก่ การจัดสรรคลื่นความถี่ การจัดทำฐานข้อมูลของโครงข่ายในประเทศ และมีนโยบายคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้มาตรฐานสากล
เสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของโครงข่าย ICT พื้นฐานและของหน่วยงานของรัฐ
ยุทธศาสตร์นี้ระบุทิศทางของการพัฒนาโครงข่ายครับ ว่านอกจากจะให้ทั่วถึงแล้ว ยังระบุชัดเจนเลยว่าเน้นไปที่การศึกษา สุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน เป็นสำคัญ ดังนั้นหากหน่วยงานรัฐหรือเอกชนต้องการจัดทำโครงการและของบประมาณสนับสนุนในการสร้างหรือขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ต ถ้าการใช้งานของโครงข่ายเน้นไปในสามด้านนี้ ท่านก็จะอ้างได้ว่าได้ทำตามแผนยุทธศาสตร์ ICT ของประเทศ ก็อาจจะเพิ่มโอกาสการได้งบประมาณนะครับ :-)
ยุทธศาสตร์ที่ 4 นี้เน้นไปที่การเพิ่มศักยภาพทางด้าน ICT ของบริการของหน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงาน โดยมีมาตรการสำคัญได้แก่
เพิ่มศักยภาพของหน่วยงานกลางที่ดูแล ICT ของภาครัฐทุกหน่วยงาน
ให้ทุกกระทรวงพัฒนาบริการอิเล็กทรอนิกส์ของตนเองแบบบูรณาการ นั่นคือต้องสามารถทำงานเข้ากับระบบบริการของกระทรวงอื่นอย่างเป็นเอกภาพด้วย
เพิ่มศักยภาพการดำเนินงานด้าน ICT ของหน่วยงานภาครัฐในระดับจังหวัดและการปกครองส่วนท้องถิ่น
ผมขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ คือ หน่วยงานภาครัฐทั้งหลายต่างก็มีหน่วยงานย่อยของตนเองอยู่ทั่วประเทศ เช่นกระทรวงสาธารณสุขก็มีสถานีอนามัยประจำจังหวัด อำเภอ และตำบลอยู่มากมาย กรมตำรวจก็มีโรงพักอยู่ทั่วประเทศ หน่วยงานเหล่านี้มีความต้องการใช้ ICT เพื่อติดต่อสื่อสารกัน แต่หน่วยงานเหล่านี้อาจไม่เชี่ยวชาญในระบบ ICT และสร้างระบบ ICT ของตนเองไปคนละทิศละทาง ดังนั้นจึงควรมีหน่วยงานกลางที่ดูแลเกี่ยวกับ ICT เช่น ออกแบบสถาปัตยกรรม กำหนดมาตรฐานการักษาความปลอดภัย กำหนดรูปเทคนิคในการเก็บข้อมูล เป็นต้น ให้กับหน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงาน ซึ่งก็น่าจะทำให้ผลที่ได้คือได้มาตรฐานและเป็นเอกภาพมากขึ้นดังในหัวข้อย่อยที่ 2 และ 3 นั่นเอง ตัวอย่างของหน่วยงานในลักษณะนี้ก็มีอยู่แล้วคือ สบทร. แต่ปัจจุบันก็ไม่แน่ใจว่ามีหน่วยงานในลักษณะนี้เพิ่มขึ้นมาอีกหรือเปล่า
ยุทธศาสตร์นี้มุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถและความแข้มแข็งของอุตสาหกรรม ICT ของประเทศ โดยมีมาตรการที่สำคัญดังต่อไปนี้
ส่งเสริมและสนับสนุนเงินทุนให้กับผู้ประกอบการ ICT รายใหม่
ยกระดับมาตรฐานและบริการ ICT ให้เทียบเท่าระดับสากล ต่อยอดการพัฒนาเดิม และส่งเสริมการผลิตเทคโนโลยีต้นน้ำ
ส่งเสริมการรวมตัวและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการ ICT
ส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม ICT ทั้งภายในประเทศและจากต่างประเทศ
ส่งเสริมการผลิตและบริการซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สในประเทศไทย
ยุทธศาสตร์นี้ก็ค่อนข้างชัดเจนครับ ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สก็ยังคงอยู่ในแผนของประเทศไทยอีกวาระหนึ่ง :-)
ยุทธศาสตร์นี้่ส่งเสริมภาคการผลิตต่าง ๆ ให้สามารถนำ ICT มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน มาตรการต่าง ๆ ของยุทธศาสตร์นี้ได้แก่
สร้างความตระหนักและเพิ่มขีดความสามารถด้าน ICT ให้กับผู้ประกอบการ
เสริมสร้างกลไกและความเชื่อมันในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
ส่งเสริมการนำ ICT มาใช้ให้เกิดประโยชน์ภาคการผลิตที่สำคัญของประเทศ เช่น การเกษตร การสาธารณสุข และการท่องเที่ยว เป็นต้น
ส่งเสริมให้ SME เข้าถึงและนำ ICT มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด และหาช่องทางทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ให้กับสินค้าชุมชน (OTOP)
ส่งเสริมการนำ ICT มาใช้ในประหยัดพลังงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายขององค์กรต่าง ๆ
ยุทธศาสตร์นี้เน้นชัดเจนครับเกี่ยวกับการนำ ICT มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับภาคส่วนต่าง ๆ อย่างเต็มที่ และผลักดันให้ ICT เป็นเบื้องหลังที่สนับสนุนให้สิ่งที่กิจการที่ทำอยู่แล้วแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
บทความนี้เป็นสรุปสาระสำคัญทั้งหมดของแผนแม่บทที่ผมพยายามจะเรียบเรียงให้กระชับ อ่านง่าย และเข้าใจครับ เพื่อให้ทุกคนเห็นเป้าหมายของ ICT ของประเทศร่วมกัน ไม่ว่าท่านจะอยู่ในภาคส่วนใดของสังคมทั้งภาครัฐ เอกชน หรือประชาชนทั่วไป ทุกท่านล้วนมีส่วนร่วมในการพัฒนา ICT ของประเทศไทยทั้งสิ้น ส่วนตัวแล้วผมเห็นด้วยมากที่สุดตรงที่ว่า อยากให้คนไทยใช้ ICT ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ครับ ถ้าเราตระหนักตรงนี้ ช่วยกันบอกต่อ ปลูกฝัง และสร้างตัวอย่างให้เห็นมากขึ้น สังคมโดยรวมก็จะเริ่มปรับตัวและพัฒนาตามครับ
ที่มา – ข่าวเก่า blognone, ดาวน์โหลดแผนแม่บท ICT แห่งชาติฉบับที่ 2