อันนี้เป็นภาคสี่ของมหากาพย์ Google vs Bing ครับ ย้อนตอนเก่าก่อน
ภาคสี่เป็นการตอบโต้จากฝั่งกูเกิล นำโดย Matt Cutts วิศวกรฝ่ายต่อต้านสแปมในผลการค้นหาของกูเกิล เขียนลงบล็อกส่วนตัวของเขาเองว่า เขาเคารพในฝีมือของพนักงาน Bing หลายๆ คน แต่ถ้าเอาภาพผลการค้นหาที่เหมือนกันมาวางเทียบ แล้วถามคนทั่วไปว่าไมโครซอฟท์ก็อปปี้หรือไม่ คำตอบน่าจะชัดเจน
จากนั้น Matt Cutts ได้ตอบโต้ไมโครซอฟท์เป็นประเด็นๆ ดังต่อไปนี้
ประเด็นว่าไมโครซอฟท์นำข้อมูลการคลิกมาใช้โดยไม่เจาะจง ไม่ได้ตั้งใจดูดข้อมูลจากกูเกิลเป็นการเฉพาะ
Matt ขอให้ไมโครซอฟท์ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน และเขาได้อ้างอิงไปยังเอกสารวิจัยชื่อ Learning Phrase-Based Spelling Error Models from Clickthrough Data (PDF) ของ Microsoft Research ซึ่งเอกสารชิ้นนี้วิจัยเรื่องการแนะนำคำค้นที่สะกดผิด ซึ่งไมโครซอฟท์ระบุว่านำข้อมูลการคลิกลิงก์ของผู้ใช้จากเบราว์เซอร์ (ไม่ได้ระบุว่าเป็น IE) มาทำการ reverse-engineer เพื่อดูว่า query ข้อมูลและโครงสร้าง URL ของคู่แข่ง (ไม่ได้ระบุว่าเป็นกูเกิล) เป็นอย่างไร
เขายังยกประเด็นเรื่องฟีเจอร์ Suggested Sites ของ IE8 (ซึ่งกูเกิลคาดว่าเป็นต้นตอของการนำข้อมูลการคลิกลิงก์ไปใช้) ประกาศกับผู้ใช้ไม่ชัดเจนว่าจะนำข้อมูลของผู้ใช้ไปใช้งานต่อด้วย
ประเด็นว่าการก็อปปี้ผลการค้นหา กระทบแค่คำที่ไม่ค่อยมีคนค้นเท่านั้น
Matt Cutts บอกว่าเรื่องนี้ไม่จริง เพราะกูเกิลพบว่าผลการค้นหาถูกก็อปปี้ในคำค้นยอดนิยมหลายคำ แต่เลือกพิสูจน์เรื่องนี้โดยใช้คำพิสดารที่ไม่มีใครใช้ เพราะทดสอบให้เห็นได้ง่ายและชัดเจนกว่า
ประเด็นว่าข้อมูลการคลิกลิงก์เป็นแค่ 1 ใน 1,000 ปัจจัยจัดอันดับเท่านั้น
ไมโครซอฟท์ตอบหลายรอบว่าข้อมูลการคลิกลิงก์ (ที่ IE ส่งให้ Bing) เป็นแค่ปัจจัยอันหนึ่งในปัจจัยกว่า 1,000 ตัวของ Bing เท่านั้น
Matt ถามกลับว่าถ้ามีปัจจัยกว่า 1,000 ชนิด ทำไมข้อมูลการคลิกของกูเกิลถึงมีความสำคัญกว่าปัจจัยอีก 999 ตัวที่เหลือ และถ้าข้อมูลการคลิกของกูเกิลมีความสำคัญต่อ Bing เพียงแค่ 1 ใน 1,000 ทำไมไมโครซอฟท์ไม่หยุดใช้ข้อมูลนี้ เพื่อจะได้หยุดภาพลบของตัวเอง
ที่มา - Matt Cutts