ไมโครซอฟท์ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อคณะกรรมการยุโรป (European Commission) ระบุว่ากูเกิลผูกขาดตลาดค้นหาในยุโรปและกีดกันคู่แข่งไม่ให้แข่งขันได้ โดยไมโครซอฟท์ขอให้คณะกรรมการยุโรปสั่งกูเกิลให้หยุดการกระทำเหล่านี้
ในบล็อกของไมโครซอฟท์ระบุว่ากูเกิลครองส่วนแบ่งตลาดในยุโรป 95% (ส่วนในอเมริกาครองประมาณ 75%) ส่วนประเด็นที่ไมโครซอฟท์กล่าวหาว่ากูเกิลกีดกันคู่แข่ง ที่ยกตัวอย่างมาในบล็อกของไมโครซอฟท์มี 5 อย่าง (ในคำร้องมีมากกว่านั้น)
1. กูเกิลกีดกันไม่ให้คู่แข่งเข้าไปค้นหาข้อมูลใน YouTube
2. กูเกิลบล็อคไม่ให้ Windows Phone ทำงานกับ YouTube ได้ครบถ้วน (ดูได้แต่วิดีโอจากเวอร์ชัน mobile web) ไมโครซอฟท์ระบุว่ากูเกิลอนุญาตให้ Android และ iOS ใช้งาน YouTube ได้เต็มที่ แต่กรณีของแอปเปิลนั้นไม่ได้แข่งกับกูเกิลในตลาด search engine
3. กูเกิลหาวิธีกีดกันไม่ให้คู่แข่งเข้าถึงเนื้อหาในหนังสือ (กรณีเดียวกับ ศาลสั่งห้ามกูเกิลชดใช้เงินเพื่อยุติคดี Google Books)
4. กูเกิลห้ามไม่ให้ผู้ลงโฆษณาใน AdWords/AdSense นำข้อมูลของตัวเองออกมาใช้ หรือนำออกมาเพื่อย้ายไปลงโฆษณากับ Microsoft adCenter
5. กูเกิลกีดกันไม่ให้เว็บไซต์หลายแห่งในยุโรปใช้กล่องค้นหาของ Bing โดยทำสัญญากับเว็บไซต์เหล่านี้ให้ใช้กล่องค้นหาของกูเกิลเพียงรายเดียว ในบางกรณี สัญญาของกูเกิลยังห้ามเว็บไซต์และโอเปอเรเตอร์ไม่ให้แจกซอฟต์แวร์หรือบริการตระกูล Windows Live ด้วย
ตัวแทนของกูเกิลตอบโต้ว่าไม่แปลกใจที่ไมโครซอฟท์จะยื่นฟ้องครั้งนี้ และกูเกิลสามารถอธิบายเรื่องทั้งหมดให้คณะกรรมการยุโรปฟังได้ ส่วนคณะกรรมการยุโรปแจ้งว่าตามกระบวนการปกติจะติดต่อไปยังกูเกิลให้ส่งคำชี้แจงเข้ามา