ถึงรอบการอัพเดตสายการผลิตของ HTC ในช่วงนี้ เราก็เริ่มเห็นโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ยกสายตามขนาดหน้าจอคือ Desire S (3.7"), Incredible S (4"), และ Sensation (4.3") ที่เรารู้ว่าเข้าเมืองไทยแน่ๆ ในตอนนี้คือสองรุ่นแรก และทาง HTC ก็ส่ง Desire S ให้ผมมาทดสอบนะครับ
เนื่องจากช่วงนี้ไม่มีเวลาทดสอบจริงจังนักจึงขอนำมาแนะนำคร่าวๆ แทนที่จะรีวิวนะครับ โดย Desire S มีจุดเด่นดังนี้
ตัวเครื่องสีดำของ Desire S ไม่ได้เน้นความเป็น unibody อย่างชัดเจนนัก แต่ก็สัมผัสได้เวลาใช้งานว่ามันค่อนข้างเรียบตลอดทั้งชิ้น หน้าจอด้านหน้าสีสดพอสมควรแม้จะไม่เท่ากลุ่ม AMOLED ก็ตามที ถ้าไม่นับ
ด้านหลังเป็นสีดำเรียบโดยชิ้นบนส่วนวางกล้องเป็นพลาสติก และชิ้นล่างเป็นฝาผิดสำหรับเปลี่ยนซิม ซึ่งถอดค่อนข้างยากมาก น่าสังเกตว่าช่วงหลัง HTC ออกแบบโทรศัพท์โดยมีช่องเปลี่ยนซิมและแบตเตอรี่ถอดได้ยากอยู่หลายรุ่น ไม่แน่ใจว่าสาเหตุของการออกแบบแบบนี้เพื่ออะไร
ปุ่มแบบกลไกของ Desire S มีเพียงสามปุ่ม คือ Power, และปรับเสียงขึ้นลงเท่านั้น ไม่มีปุุ่มกล้อง
ด้านหน้ามีเซ็นเซอร์จับระยะ (proximity) ซ่อนไว้ทางด้านซ้ายของโลโก้ HTC, ไฟ notification ไว้ทางขวา (ปรกติมองไม่เห็น) ส่วนกล้องด้านหน้าลอยออกมาทางขวาของลำโพงโทรศัพท์
เนื่องจากด้านล่างของเครื่องใช้วางซิมกับแบตเตอรี่ไปแล้วจากการออกแบบแบบ unibody ทำให้ช่อง USB ต้องมาอยู่ด้านข้างแทน โดยทั่วไปผมมักบ่นว่าการวางแบบนี้ทำให้โทรไปชาร์จไปลำบาก แต่ก็เป็นข้อจำกัดของการออกแบบ
ฝาหลังนั้นต้องดันลงมาตรงๆ และต้องออกแรงค่อนข้างมากจนน่ากลัว พอเปิดออกมาได้แล้วจะมีตัวล็อกแบตเตอรี่อีกชั้นต้องอ้าออกมาซึ่งก็ไม่ยากอะไร จะพบช่องใส่ micro SD, SIM, และแบตเตอรี่
ข้อติเล็กๆ คือช่องใส่ซิมนั่นใส่ด้าน "ตรง" เข้าด้านในทำให้ถ้าไม่สังเกตดีๆ (แบบผม) ก็มีสิทธิใส่ซิมผิดด้าน ปิดช่องแบตเตอรี่ไปแล้ว (เพราะถ้าไม่ปิดจะเปิดเครื่องไม่ติด) แล้วพบว่าเครื่องไม่เจอซิม ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง เอาว่าใส่ตามในรูปจะใช้งานได้ครับ
เช่นเดียวกับ HTC แทบทุกรุ่น Sense UI เป็นหนึ่งในการดัดแปลงหน้าจอที่เข้าท่าที่สุดจากแทบทุกยี่ห้อ ปุ่มโทรศัพท์ขนาดใหญ่, นาฬิกาขนาดใหญ่ ค่อนข้างตรงไปตรงมาและรักษาความคงที่ได้ดีกว่าตัว Android เปล่าๆ เสียอีก
แต่ใน Sense รุ่นนี้มีเรื่องที่ผมไม่ชอบคือการเอาด้านบนของหน้าจอ notification ไปวางช๊อตคัตสำหรับโปรแกรมที่เพิ่งใช้งาน และย้ายเอาปุ่มตั้งค่าแบบรวดเร็วไปวางไว้อีกแท็บหนึ่งด้านหลัง ซึ่งการเอาช๊อตคัตมาวางไว้บน notification นั้นมีประโยชน์ในการใช้งานค่อนข้างน้อย ส่วนการตั้งค่าแบบรวดเร็วแทนที่จะเร็วก็ต้องไปหาแท็บด้านหลังอีกที
การเชื่อมต่อ USB มีหัวข้อเพิ่มเข้ามาคือการ sync กับ HTC Sync, USB Tethering, และการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านเครื่องพีซี ซึ่งก็น่าสนใจหากเราใช้บริการ Wi-Fi เสียเงินก็อาจจะอัพเดตซอฟต์แวร์หรือดาวน์โหลดข้อมูลในโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตของโน้ตบุ๊กได้
เบราเซอร์เป็นเรื่องที่ HTC โฆษณาไว้มากว่า Desire S ทำได้ดี เท่าที่ผมใช้งานก็ทำได้ดีจริงๆ ด้วยความเร็วซีพียูที่สูงทำให้การเรนเดอร์หน้าจอทำให้รวดเร็ว, Adobe Flash ติดตั้งมาจากโรงงาน, ที่สำคัญคือการสร้างแท็บใหม่ใน Desire S ทำได้ง่ายมาก คือซูมออกจนสุดแล้วซูมออกซ้ำอีกตครั้งจะเข้าหน้าจอเลือกแท็บ ข้อเสียสำคัญคือบางครั้งที่เผลอไปซูมออกหน้าจอเลือกแท็บ เราไม่สามารถ "ซูม" กลับเข้ามาในแท็บได้อีกครั้ง แต่ต้องกดเลือกเท่านั้น
น่าสนใจว่าเบราเซอร์ของ Desire S นั้นรองรับ RSS ในตัว กดไอคอนแล้วจะ add feed เข้า Google Reader ให้ทันที ซึ่งแม้แต่ Chrome ก็ไม่รองรับ
ตัว Sense เองยังเพิ่มฟีเจอร์ในส่วนของโทรศัพท์เพิ่มเข้ามา เช่น ลดเสียงทันทีที่ขยับโทรศัพท์ (แม้จะยังไม่ได้รับ), Pocket mode ทำให้โทรศัพท์ค่อยๆ ส่งเสียง หากปิดเสียงไว้แล้วไม่ยอมรับสาย, Flip speaker ที่เพียงวางโทรศัพท์แล้วพลิกก็จะเป็นการเปิดลำโพงทันที ฟีเจอร์หน้านี้ถ้าชินก็นับว่าใช้งานได้จริงแถมไม่ต้องมองหน้าจอระหว่างการใช้งาน
ฟีเจอร์สุดท้ายที่มากับ HTC รุ่นใหม่ๆ คือบริการ htcsense.com ที่จะให้เราลงทะเบียนโทรศัพท์เราไว้ล่วงหน้า แล้วสามารถรีโมทเข้ามาจัดการโทรศัพท์ได้ เช่นหากลืมไว้ที่บ้านก็สามารถรีโมทกลับเข้ามาสั่งโอนสายไปยังเพื่อนของเรา, หรือหากทำหายก็สามารถรีโมทเข้าไปล้างเครื่องได้
แม้ Desire S จะไม่ใช่โทรศัพท์ที่ "หวือหวา" ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่มากๆ หรือซีพียูสองคอร์ แต่มันก็เป็นโทรศัพท์ที่แรงมาก, แรมเยอะ, พื้นที่ภายในเยอะพอ จนกระทั่งใช้งานทั่วไปได้สะดวก ขนาดและน้ำหนักไม่มากเกินไปทำให้พกพาได้สะดวก การออกแบบค่อนข้างดูดีและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ ทำให้ราคาที่น่าจะต่ำกว่า 16,900 บาทของ Incredible S ไม่ใช่ราคาที่แพงเกินไปนัก ดังนั้นถ้าใครที่ชอบ Sense UI โดยเฉพาะหากเคยใช้โทรศัพท์ Android ของ HTC มาก่อนแล้วอยากอัพเกรด Desire S นับว่าเป็นตัวที่น่าสนใจมากอีกตัวหนึ่ง