Samsung Galaxy S II เป็นหนึ่งในมือถือที่กำลังมาแรงที่สุดในเมืองไทยตอนนี้ (ทั้งสเปคและราคา) หลังจากมีข่าวเปิดให้จับจองในงาน Thailand Mobile Expo ที่จะถึงนี้ (ข่าวเก่า) เราลองมาดูรายละเอียดแบบเจาะลึกกันดีกว่าครับว่ามือถือรุ่นนี้มันน่าใช้จริงเหมือนข่าวลือหรือไม่
การออกแบบภายนอกของรุ่นนี้ยังคงแนวคิดเดิมคือด้านหน้าแบนราบ ส่วนหลังเครื่องด้านล่างนูนขึ้นมาเล็กน้อย โดยชูจุดเด่นเรื่องน้ำหนักและความหนาเพียง 8.49 ม.ม. (ไอโฟน 4 หนา 9.3 ม.ม.)
ปุ่ม Power, Volume Up, Volume Down และรูร้อยสายคล้องคอ ยังคงอยู่ข้างเครื่องเหมือนเดิม
ช่องเสียบหูฟัง 3.5 ม.ม. อยู่ด้านบนเหมือนเดิม แต่พอร์ต micro-USB ถูกย้ายมาข้างล่างและไม่มีฝาปิดเหมือนรุ่นก่อน
ภายในเครื่องเปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยช่องใส่การ์ด microSD ต้องถอดแบตเตอรี่ก่อนถึงจะถอดหรือใส่การ์ดได้ แต่ช่องใส่ซิมกลับสามารถถอดเปลี่ยนได้ทันที (แต่ก็ต้องรีบูทเครื่องอยู่ดี ไม่งั้นใช้ไม่ได้ UPDATE: ใช้วิธีกดเปิด-ปิด Airplane Mode แทนได้ครับ)
ฝาหลังทำจากพลาสติกแบบอ่อน ตอนแกะครั้งแรกกลัวว่ามันจะหัก แต่เอาเข้าจริงแล้วกลับสามารถงอเล่นได้สบายมาก
น้ำหนักของ Galaxy S II เบากว่าที่เห็นภายนอกมากๆ (ตอนจับครั้งแรกนึกว่าไม่ได้ใส่แบตเตอรี่ไว้) อันนี้แล้วแต่ความชอบครับ บางคนอาจจะมองว่าน้ำหนักเบาแล้ววัสดุต้องห่วย แต่โดยส่วนตัวผมชอบน้ำหนักเบาๆ แบบนี้มากกว่า
Galaxy S II รุ่นที่ขายในไทยเป็นรุ่นรหัส GT-I9100 ซึ่งใช้ซีพียู Exynos 4210 ของซัมซุง (ชื่อเก่าคือ Samsung Orion) ซึ่งเป็นซีพียู Dual-Core ที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM Cortex-A9 ทำงานที่ความถี่ 1.2 GHz และใช้ชิปกราฟฟิค Mali-400 MP ของ ARM
ซัมซุงเคลมว่าซีพียู Exynos 4210 แรงกว่าซีพียู Tegra 2 ของ nVidia ซึ่งผมเองก็ไม่มีเครื่องที่ใช้ Tegra 2 ให้ลอง ดังนั้นลองดู benchmark กันเองดีกว่าครับ (1, 2)
ก่อนอื่นถ้ายังไม่รู้จักจอ Super AMOLED ลองดูวิดีโออธิบายจากซัมซุงครับ
(แถมอีกอัน AMOLED เหมือนกัน)
จอ Super AMOLED Plus พัฒนาจากจอ Super AMOLED โดยเปลี่ยนวิธีการเรียงเม็ดสีจากแบบ PenTile มาเป็นการเรียงแบบ RGB ตามปกติ ทำให้จำนวน พิกเซลย่อยเพิ่มขึ้นจาก 8 พิกเซลต่อจุดเป็น 12 พิกเซลต่อจุด ช่วยให้ภาพออกมาคมชัดขึ้นกว่าเดิมครับ
กล้องหลัง 8 MP ของ Galaxy S II นั้นดีกว่าที่ผมคิดไว้พอสมควร อันนี้แนะนำให้ดูด้วยตาตัวเองดีกว่า ลองดูตัวอย่างภาพจากกล้องได้ท้ายข่าวครับ นอกจากนั้นกล้องหลังยังสามารถบันทึกวิดีโอ Full HD ความละเอียด 1080p ที่ 30 เฟรม/วินาทีได้ด้วย
กล้องหน้าก็เหมือนทั่วไป เป็น fixed-focus แต่มีความละเอียด 2 MP ซึ่งมากกว่า Galaxy S รุ่นเดิมที่ถ่ายได้แค่ 0.3 MP (VGA) ความละเอียดระดับนี้เรียกได้ว่าเหลือเฟือสำหรับวิดิโอคอลหรือถ่ายรูปตัวเองลงเฟซบุ๊คครับ
จอสัมผัสของ Galaxy S II สามารถรับจุดสัมผัสได้พร้อมกันถึง 10 จุด (ลองดูรูปประกอบได้ครับ) แต่จำนวนจุดที่แม่นจริงๆ อยู่ที่ 5 จุด ถ้าเกินกว่านั้นพบว่าบางจังหวะจะมีปัญหาจุดไม่ขึ้น แต่ผมคิดว่าคงไม่ค่อยมีคนใช้จุดสัมผัสเกิน 5 จุดอยู่แล้วครับ
เครื่องที่ขายในไทยแบ่งออกเป็น 2 รุ่นคือ GT-I9100 และ GT-I9100T ครับ โดยรุ่นแรกจะรองรับความถี่ 3G ของ AIS (900 MHz) ส่วนรุ่นหลังรองรับ 3G ของ dtac และ Truemove (850 MHz)
ทางซัมซุงให้ข้อมูลว่า ที่จริงแล้วตัวเครื่อง Galaxy S II นั้นผลิตออกมาเป็นตัวเดียวกันหมด แต่มีการจูนพารามิเตอร์ต่างๆ ในระดับซอฟต์แวร์เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดกับคลื่นความถี่นั้นๆ จึงต้องวางขายแยกออกเป็น 2 รุ่น
อย่างไรก็ตามถ้าผู้ใช้อยากเปลี่ยนคลื่นความถี่ที่ใช้งาน สามารถทำได้โดยกด *#2263# (อ่านว่า *#BAND#) จากโปรแกรมโทรศัพท์และเข้าไปเลือกคลื่นที่ต้องการครับ
หมายเหตุ: เครื่องที่รีวิวเป็นรุ่น GT-I9100T ซึ่งรองรับความถี่ 850 MHz (Truemove และ dtac) ผมได้ลองเปิดความถี่ 900 MHz แล้วลองสแกนคลื่นดู ผลคือพบเครือข่าย TH GSM ครับ แต่ลองต่อไม่สำเร็จเพราะผมไม่มีซิม AIS/1-2-call
คำถามที่หลายคนถามกันมากคือ GPS ยังมีปัญหาจับสัญญาณไม่ค่อยได้เหมือนรุ่นก่อนหรือไม่ คำตอบคือไม่มีแล้วครับ จากการทดลองพบว่าสามารถจับ A-GPS ในอาคารไม้ชั้นเดียวได้ภายใน 5 วินาที (อันที่จริง Galaxy S รุ่นเก่า หลังจากอัพ 2.3 ก็ไม่มีปัญหานี้แล้วเหมือนกันครับ)
อีกเรื่องคือปัญหา lag ที่พบใน Galaxy S รุ่นเก่าอันเนื่องมาจากการใช้ RFS ซึ่งเป็น file system ที่มีปัญหากับการเขียนข้อมูลพร้อมกันหลายเธรด ทำให้เครื่องเกิดอาการค้างเป็นระยะๆ ปัญหาดังกล่าวถูกแก้ใน Galaxy S II แล้วโดยการเลิกใช้ RFS และเปลี่ยนมาใช้ Ext4 ซึ่งไม่มีปัญหาที่กล่าวมาแม้แต่น้อย
Samsung Galaxy S II ล๊อตแรกติดตั้ง Android 2.3.3 มาจากโรงงาน (Android รุ่นล่าสุดสำหรับมือถือ ณ ตอนนี้อยู่ที่ 2.3.4) พร้อมกับ TouchWiz UI 4.0 ซึ่งเป็น home screen ที่ออกแบบโดยซัมซุงเอง
นอกจากนั้น ยังมีโปรแกรมตระกูล Hub ของซัมซุงอีก 4 ตัวคือ
Motion เป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นมา โดยสามารถใช้การขยับเครื่องเข้า-ออก เอียงซ้าย-ขวา สำหรับสั่งงานบางอย่างได้ ลองดูวิดีโอประกอบได้ครับ
โหมดประหยัดพลังงาน เป็นอีกฟีเจอร์ที่เพิ่มมาใน Galaxy S II ครับ โดยสามารถใช้เปิดปิดพวกการเชื่อมต่อต่างๆ อัตโนมัติเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่าที่เรากำหนดไว้
Kies Air เป็นโปรแกรมจัดการไฟล์ในมือถือแนวใหม่ โดยตัวโปรแกรมจะรันเป็น web server อยู่ในมือถือ ที่เราต้องทำก็คือเปิด browser แล้วเข้า http://ip-มือถือ:8080 ทางฝั่งมือถือจะขึ้นให้ยืนยันก่อนเพื่อความปลอดภัย จากนั้นเราก็สามารถจัดการมือถือได้เหมือนกับเวลาต่อโปรแกรม Kies เลยครับ
ผลการทดสอบจากโปรแกรม Quadrant, Linpack และ Neocore ครับ
เล่นวิดีโอ Full HD ความละเอียด 1080p สบายมาก
ภาพต่อไปนี้ทั้งหมดถ่ายจากกล้องของ Galaxy S II โดยไม่ได้ตกแต่งใดๆ ทั้งสิ้นครับ ถ้าสนใจเรื่องความละเอียดของกล้อง สามารถคลิกเข้าไปดูภาพต้นฉบับขนาด 8 MP ได้ครับ
ภาพที่เหลือสามารถดูต่อได้ที่ Flickr ครับ (4 รูปสุดท้ายมาจากกล้องหน้า)
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณซัมซุงประเทศไทยที่ให้ยืมเครื่องมารีวิวครับ