รายงานเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตฉบับล่าสุดที่ออกโดยหน่วยงานของสหประชาชาติ เตือนการปิดกั้นเน็ตของรัฐบาลทั่วโลกว่ากระทบต่อพัฒนาการของประชาธิปไตย
ก่อนจะไปถึงเนื้อหาของตัวรายงาน ต้องเท้าความถึงที่มาของรายงานก่อนนิดนึงครับ รายงานฉบับนี้เขียนโดย Frank La Rue เจ้าหน้าที่พิเศษของสหประชาชาติด้านเสรีภาพในการแสดงความเห็น (ชื่อตำแหน่งอย่างเป็นทางการคือ United Nations Special Rapporteur ซึ่งเป็นตำแหน่งเฉพาะ ขอแปลแบบง่ายๆ ว่าเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษนะครับ) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (The United Nations Human Rights Council) อีกทีหนึ่ง
Frank La Rue ได้นำเสนอรายงานนี้ต่อที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนฯ เมื่อวานนี้ (3 มิ.ย.) โดยใช้เวลาเก็บข้อมูลในประเทศต่างๆ 1 ปี (มี.ค. 2010 - มี.ค. 2011) รายงานฉบับเต็มมีให้โหลดเป็น PDF
ใจความหลักของรายงานฉบับนี้บอกว่าอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความเห็น (freedom of expression) ตามที่กำหนดไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights) ที่สมัชชาใหญ่ของสหประชาชาติให้การรับรอง (ประเทศไทยลงนามและให้สัตยาบันด้วย)
รายงานฉบับนี้บอกว่าการดำเนินงานด้านอินเทอร์เน็ตในหลายๆ ประเทศได้ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตโดยไม่มีกฎหมายรองรับ หรือใช้กฎหมายที่คลุมเครือ และการแสดงออกทางการเมืองที่สหประชาชาติให้การรับรอง กลับเป็นอาชญากรรมในหลายประเทศ ดังจะเห็นได้จากปี 2010 มีบล็อกเกอร์ถูกคุมขังกว่า 100 รายทั่วโลก
เนื้อหาในรายงานกล่าวถึงการปิดกั้นเน็ตในหลายๆ ประเทศ ซึ่งรวมไปถึงประเทศพัฒนาแล้วอย่างฝรั่งเศสและอังกฤษที่มีกฎหมายต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเทอร์เน็ตที่รุนแรงด้วย ในรายงานยังกล่าวถึง พ.ร.บ. ความผิดทางคอมพิวเตอร์ฯ 2550 ของประเทศไทย ที่ขยายฐานความผิดให้ครอบคลุม "ตัวกลาง" (หมายถึงพวกโฮสติ้งหรือไอเอสพี)
In Thailand, the 2007 Computer Crimes Act imposes liability upon intermediaries that transmit or host third-party content and content authors themselves. This law has been used to prosecute individuals providing online platforms, some of which are summarized in the first addendum.
ข้อสรุปของรายงานฉบับนี้คือเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกจำกัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ยกเว้นข้อยกเว้นบางอย่างที่กำหนดไว้ในกฎหมายนานาชาติ (เช่น ภาพอนาจารเด็ก การหมิ่นประมาท) เท่านั้น
ที่มา
หมายเหตุ: ที่ประชุมของสหประชาชาติคงไม่ได้ตั้งใจ แต่รายงานนี้ถูกเผยแพร่ในวันเดียวกับที่ซีเรียตัดอินเทอร์เน็ตพอดี