เงินเยอะเหลือเกิน แอปเปิลควรทำอย่างไรดี?

by arjin
22 July 2011 - 17:36

หลังการประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของแอปเปิล ก็เกิดคำถามว่าแอปเปิลควรทำอย่างไรกับเงินสดและรายการเทียบเท่า ซึ่งประกอบด้วยตราสารทางการเงินต่างๆ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวมูลค่ารวมทั้งหมด 7.62 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.3 ล้านล้านบาทดี เพื่อให้เห็นภาพว่าเงินก้อนนี้เยอะแค่ไหน ก็เปรียบเทียบได้ว่าเงินสดที่แอปเปิลมีในมือตอนนี้ สูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ถึง 126 ประเทศในโลก (ประเทศไทยไม่อยู่ในนี้นะ)

โฆษกของแอปเปิลให้ความเห็นต่อประเด็นดังกล่าว โดยอ้างแนวทางที่ซีอีโอสตีฟ จ็อบส์กำหนดไว้ว่าแอปเปิลต้องรักษาโอกาสเอาไว้ด้วยการสร้างสภาพคล่องทางการเงินให้สูงเข้าไว้ นั่นคือเหตุผลที่แอปเปิลเลือกเก็บเงินสดไว้เยอะๆ และไม่มีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเลย สวนทางกับบริษัทด้านเทคโนโลยีอื่นอย่างไมโครซอฟท์หรือ Cisco ซึ่งในอดีตก็ไม่จ่ายปันผลเช่นกัน แต่เพิ่งเปลี่ยนนโยบายให้มีการจ่ายเงินปันผลแล้ว

เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทกลุ่มเดียวกันยิ่งพบว่าแอปเปิลถือเงินสดไว้มหาศาลมากจริงๆ ไมโครซอฟท์เองแม้มีเงินสดราว 6 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ก็มีหนี้สินระยะยาวอยู่ถึง 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่แอปเปิลนั้นไม่มีหนี้สินระยะยาวเลย

ผู้บริหารกองทุน Solaris Asset Management ให้ความเห็นว่าแอปเปิลมีเงินสดเยอะเกินไป ถ้าไม่รู้ว่าบริษัทจะเอาไปลงทุนอะไร การตัดสินใจปันผลบ้างน่าจะให้ประโยชน์กับผู้ถือหุ้นมากกว่า ตรงข้ามกับนักวิเคราะห์จาก S&P ที่มองว่าแอปเปิลยังอยู่สภาวะบริษัทเติบโต ซึ่งการเก็บเงินสดไว้ลงทุนเป็นเรื่องจำเป็นมากกว่าการปันผล ส่วนนักวิเคราะห์จาก Sanford C. Bernstein มองว่าถ้าแอปเปิลเลือกไม่ปันผล ก็อาจใช้วิธีซื้อหุ้นบริษัทกลับคืนบางส่วนก็ได้ ทั้งมองว่าการที่บริษัทไม่มีหนี้สินระยะยาวเลย ก็ทำให้บริษัทมีเครดิตสูงมากพอที่จะกู้เงินเอาก็ได้ถ้าจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ

เหตุผลหนึ่งที่อาจทำให้แอปเปิลเลือกวิธีการสะสมเงินสดไว้เยอะๆ ก็คือบริษัทมีบทเรียนในช่วงก่อนที่สตีฟ จ็อบส์จะกลับเข้ามาทำงานว่าบริษัทขาดสภาพคล่องในการดำเนินงานอย่างมาก ทำให้บริษัทอาจมีแนวคิดอนุรักษ์นิยมมากกว่าที่จะไปกู้เงินมาลงทุนใดๆ

ปีที่ผ่านมาแอปเปิลใช้เงินในการลงทุนซื้อกิจการใหญ่ๆ เพียงครั้งเดียวคือการซื้อสิทธิบัตร Nortel ซึ่งก็เป็นการเข้าซื้อร่วมกับกลุ่มบริษัทพันธมิตร ไม่ใช่การลงทุนของแอปเปิลเพียงรายเดียว ส่วนล่าสุดก็มีข่าวว่าจะซื้อ Hulu

ที่มา: The Wall Street Journal

Blognone Jobs Premium