รีวิว Samsung Galaxy R น้องชายคนรองของพี่ S II

by mk
25 September 2011 - 16:37

หลังจากซัมซุงประกาศวิธีตั้งชื่อรุ่นแบบใหม่ เราก็ทราบกันแล้วว่า Galaxy R หมายถึงมือถือตระกูล Galaxy (Android) รุ่นรองท็อป (รองจาก Galaxy S) อธิบายง่ายๆ มันคือ Galaxy S II รุ่นลดสเปกลงมาบางส่วนนั่นเอง

ผมได้รับเครื่องรีวิวจากทางซัมซุง ได้ลองเล่นเป็นเวลาสั้นๆ สองสามวัน ค่อนข้างประทับใจกับมันไม่น้อย Galaxy R กำลังจะวางขายในงาน Thailand Mobile Expo รอบล่าสุดนี้ ดังนั้นก็ขอลงรีวิวสั้นๆ เพื่อคนที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อดีหรือไม่ครับ

Galaxy R

ข่าวของ Galaxy R ออกมาช่วงเดือนสิงหาคม (ข่าวเก่า: ซัมซุงจับมือ NVIDIA ออกมือถือ Galaxy R ในยุโรปและเอเชีย) ซึ่งถือว่าระยะเวลานับจากออกข่าวจนถึงวางขายจริงในไทยค่อนข้างเร็ว ประมาณหนึ่งเดือนครึ่งเท่านั้น

Galaxy R มีชื่อรุ่นว่า I9103 ลักษณะโดยรวมของมันก็อย่างที่บอกไปคือ Galaxy S II รุ่นเปลี่ยนสเปกฮาร์ดแวร์ลงนิดหน่อย

จุดที่เปลี่ยนได้แก่

  • หน่วยประมวลผล ของ Galaxy S II ใช้ซีพียู Exynos 1.2GHz ส่วนใน Galaxy R ใช้ NVIDIA Tegra 2 1GHz
  • หน้าจอ ขนาดเท่ากันที่ 4.27" 800x480 แต่เปลี่ยนจากจอ Super AMOLED Plus ใน S II มาใช้ Super Clear LCD (SC-LCD)
  • กล้อง ลดขนาดของเมกะพิกเซลลง กล้องหลังลดจาก 8MP มาเหลือ 5MP, กล้องหน้าลดจาก 2MP ลงมาเหลือ 1.3MP

สเปกอย่างอื่นเหมือนกันเกือบหมด ใช้ RAM 1GB, แบตเตอรี่ 1650 mAh, Bluetooth 3.0, sensor และการเชื่อมต่อต่างๆ ครบครัน (สเปกอย่างละเอียดจาก Samsung Party)

เท่าที่เช็คดูในรายการสเปกของเมืองนอก Galaxy R ให้พื้นที่เก็บข้อมูลภายในมา 16GB แต่เครื่องที่ผมได้มาใช้ได้ 4GB อันนี้ต้องลองเช็คเครื่องที่วางขายจริงอีกทีครับ

รูปร่างหน้าตา

ดูเผินๆ ด้านหน้ามันจะเหมือน Galaxy S II มาก ชนิดว่าวางเคียงกันแล้วอาจหยิบผิดได้ทีเดียวเลย

แต่ข้างหลังมาคนละแนวเลยครับ ฝาหลังของ Galaxy R ใช้วัสดุลาย brushed metal ให้ความรู้สึกเป็นโลหะ จับแล้วเข้มแข็งดีมาก

วิธีการวางปุ่มและพอร์ตก็ตามมาตรฐานของมือถือซัมซุงครับ ปุ่มควบคุมด้านหน้า 3 ปุ่ม ไม่มีปุ่ม Search และมีปุ่ม Home แยกอยู่ตรงกลาง

ส่วนพอร์ต Micro USB อยู่ด้านล่าง

ปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ฝั่งซ้ายของตัวเครื่อง ปุ่มเปิดเครื่อง-ปิดหน้าจออยู่ฝั่งขวา ช่องเสียบหูฟังอยู่ด้านบน

ด้านหลังมีกล้องพร้อมแฟลช วางตำแหน่งของเลนส์ไว้ตรงกลาง

ฝาหลังแกะง่าย ความดีอย่างหนึ่งของมันคือถอดเปลี่ยนซิมโดยไม่ต้องถอดแบตเตอรี่ออกก่อน (แต่ Micro SD ต้องถอดแบตนะ)

วางเทียบขนาดกับ Nexus S ของผมเอง

ความบางด้านข้าง

ด้านหลังจะก้นนูนครับ ช่วยให้คลำๆ เพื่อหาทิศทางได้ง่ายขึ้น

อันที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไรคือ โลโก้ซัมซุงที่ด้านหลัง มันจะไม่เป็นเนื้อเดียวกับฝาหลัง ทำให้เวลาคลำๆ ในกระเป๋ากางเกงแล้วจะรู้สึกขัดๆ บ้าง เหมือนคลำแล้วเจอเข็มกลัดหรือโลหะอะไรประมาณนี้ แต่ก็ไม่ใช่ข้อเสียร้ายแรงอะไร

รูปร่างหน้าตาโดยรวมถือว่าสวยและดูดี งานประกอบและวัสดุค่อนข้างดี (คือไม่เป็นพลาสติกมากเหมือนมือถือซัมซุงรุ่นอื่นๆ) แต่หน้าจอ 4.27" ถือว่าใหญ่ ถือแล้วเต็มไม้เต็มมือมาก ใครมือเล็กอาจต้องไปลองของจริงก่อนซื้อ

หน้าจอ SC-LCD ให้ภาพสวยคมชัด ผมลองใช้ Super AMOLED Plus ของ S II แล้วรู้สึกว่าสีมันเริ่มจะแสบตาเกินไปแล้วนะ แต่กรณีของ SC-LCD ถือว่ากำลังดี ไม่จัดจ้านไปเหมือนกับ Super AMOLED Plus โดยส่วนตัวผมชอบจอของ Galaxy R มากกว่าครับ (อย่างไรก็ตามเรื่องหน้าจอเป็นสิ่งที่ต้องไปลองทดสอบเองก่อนซื้ออยู่ดี)

ซอฟต์แวร์

Galaxy R ใช้ Android 2.3.4 พร้อมอินเทอร์เฟซ TouchWiz 4.0 รุ่นล่าสุด ตัวเดียวกับใน Galaxy S II

ในฐานะที่ผมใช้ TouchWiz มาตั้งแต่ Galaxy S ตัวแรก ก็เห็นพัฒนาการของมันชัดเจนมาก ถึงแม้จะมีประเด็นเรื่องลอกหน้าตาของ iOS มาเกี่ยวข้องบ้าง (รุ่นหลังๆ มันก็เริ่มไม่ค่อยเหมือนแล้ว รุ่นแรกเหมือนเด๊ะ) แต่ต้องยอมรับว่า TouchWiz ทำให้ Android ดูดีขึ้น ใช้ง่ายขึ้น และสมบูรณ์มากขึ้นกว่า Android รุ่นมาตรฐานของกูเกิลมาก ให้ความรู้สึกเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำเสร็จแล้ว

โดยรวมแล้ว TouchWiz ของ Galaxy R คงไม่ต่างอะไรกับ S II มาก ดังนั้นพูดถึงคร่าวๆ พอครับ

เริ่มจากหน้า homescreen ที่เน้น widget เยอะเป็นพิเศษ (ซึ่งก็ต้องยอมรับอีกว่า widget ของ TouchWiz ทำมาดูดี) หน้าจอเพิ่ม widget ถูกปรับแต่งไปมาก ต่างจาก stock ไม่น้อย และดูดีกว่ากันเยอะ

แอพมาตรฐานก็ดังภาพ โดยรวมคงไม่ต่างอะไรกับมือถือซัมซุงรุ่นอื่นๆ มีแอพเฉพาะอย่าง AllShare, Kies, Photo Editor, Mini Diary มาให้

แอพตระกูล xHub ซัมซุงให้มา 3 ตัวคือ Readers Hub, Social Hub และ Game Hub (ขาด Music Hub ที่มีให้ในบางประเทศ)

มือถือเครื่องนี้คาดว่ามีต้นทางมาจากสิงคโปร์ เลยมีแอพของโอเปอเรเตอร์ M1 แถมมาหลายตัว (หน้าจอที่สาม) รุ่นที่ขายในไทยคงจะไม่มี

ภาพสุดท้ายจะเห็นว่า เราสามารถปรับแต่งและจัดเรียงแอพใน drawer ได้ สามารถสร้างโฟลเดอร์ได้ด้วย และเพิ่มหน้าจอแอพได้ตามต้องการ

Readers Hub มีหนังสือพิมพ์ไทยให้ซื้อหลายเล่ม (ผมก็ยังไม่เคยลองซื้อ) ส่วน Game Hub เป็นร้านขายเกมจากบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Gameloft, EA

Social Hub พัฒนาจากรุ่นก่อน รองรับ Instant Messenger อีกหลายยี่ห้อ แต่ลองใช้แล้ว ผมสรุปได้ว่าลงแอพเฉพาะงานเอาเองดีกว่า

ซัมซุงให้แอพ Voice Command มาด้วย แต่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีจากกูเกิล เป็นของ Vlingo แทน

แอพกล้องของซัมซุงยังมีลูกเล่นให้เยอะพอตัว สามารถสร้างช็อตคัตคำสั่งที่ใช้บ่อยไว้ด้านบนของหน้าจอได้ด้วย (ได้ 4 อัน ในภาพข้างบนสร้างไว้ 3 อัน) ข้อติคงเป็นว่าแอพกล้องทำงานช้าไปสักหน่อย โดยเฉพาะการเปิดหน้าจอ Settings ที่ต้องรอหนึ่งอึดใจกว่าจะโผล่มา (ไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกัน)

คีย์บอร์ดภาษาไทยของซัมซุงยังเป็นแบบ 3 แถว ตรงนี้หลายคนอาจอึดอัด (ผมก็อึดอัด) แต่ตรงนี้เป็นข้อดีของ Android ที่สามารถลงแอพคีย์บอร์ดที่ชอบเองได้ ไม่ต้องยึดติดกับคีย์บอร์ดของระบบปฏิบัติการ จึงไม่ใช่ปัญหาอะไร

กล้อง

ดูภาพกันเองง่ายกว่าครับ

สรุป

ข้อดี

  • วัสดุดูดี (เผลอๆ ดูดีกว่า S II)
  • ทำงานรวดเร็ว ตอบสนองทันใจ
  • Tegra 2 เล่นเกมได้เยอะ
  • จอภาพสวย
  • กล้องทำงานได้ดี
  • ได้ TouchWiz รุ่นใหม่ล่าสุด

ข้อเสีย

  • ตัวเครื่องมันใหญ่ไปนิด บางคนอาจไม่ชอบ
  • สเปกลดลงจาก S II หลายจุด ไม่ได้จอ Super AMOLED Plus (อันนี้แล้วแต่คนชอบ)
  • แอพกล้องทำงานช้า, คีย์บอร์ดภาษาไทยแบบ 3 แถว
  • คนที่ไม่ชอบหน้าตาของ TouchWiz ก็คงไม่ชอบอยู่ดี

ราคาเปิดตัวที่งาน TME อยู่ที่ 15,900 บาท พร้อมของแถมอีกจำนวนหนึ่ง อ่านรายละเอียดกันเองที่ Samsung Party (ไม่ได้ค่าโฆษณานะครับ)

โดยสรุปแล้ว ถ้าไม่ต้องการสเปกแรงสุดๆ แบบ S II ล่ะก็ Galaxy R เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากตัวหนึ่งเลยครับ เพราะสเปกส่วนที่ตัดออกไปก็ไม่ได้จำเป็นอะไรมากมายนัก ถ้ารออีกสักพักให้ราคาลดลงอีก คงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับมือถือราคาหมื่นกลางๆ ในตลาด

ประเด็นที่ไม่ได้ทดสอบ

  • แบตเตอรี่
  • เล่นเกม สมรรถนะของเครื่อง
  • GPS
Blognone Jobs Premium