คดีนี้คงอีกยาว ซัมซุงต้องการค่าส่วย 2.4% จากราคาชิปที่แอปเปิลใช้ต่อสิทธิบัตรที่ถูกละเมิด

by toandthen
26 September 2011 - 13:55

การต่อสู้ทางกฎหมายระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงคงอีกยาว โดยในวันนี้คดีจะเริ่มมีการพิจารณาในประเทศออสเตรเลียแล้ว ในขณะที่คดีอีกคดีที่เปิดขึ้นในกรุงเฮ็กที่ซัมซุงต้องการที่จะแบนไอแพ็ดและไอโฟนจากยุโรปก็กำลังเริ่มมีการฟังความเช่นกัน

ฝ่ายทีมงานกฎหมายของแอปเปิลได้ออกมาบอกว่า ซัมซุงต้องการค่าส่วย (royalty fee) 2.4% จากราคาชิปที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีไร้สาย (wireless chip) ต่อสิทธิบัตรแต่ละใบที่ถูกละเมิดโดยแอปเปิล แม้ว่า "2.4% ของราคาชิป" นี้จะฟังดูเหมือนไม่มาก เพราะมันไม่ได้เกิดจากราคาเต็มที่แอปเปิลขายสินค้าเหล่านี้ก็ตาม แต่หากมาดูจากจำนวนสินค้า iOS ทั้งหมดที่แอปเปิลเคยขายมาตลอด แล้วรวมไปถึงจำนวนสิทธิบัตรจำนวนพัน ๆ ใบที่เกี่ยวข้องกับ "การพัฒนามาตรฐานเทคโนโลยี" อย่าง 3G นี้ทำให้แอปเปิลกลัวไม่น้อยหากตนจะต้องแพ้คดี ว่าง่าย ๆ แอปเปิลได้ปลุกเสือที่นอนหลับอยู่ขึ้นมาเสียแล้ว

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทางแอปเปิลได้อ้างว่าชิปที่แอปเปิลได้นำมาใช้นั้น เป็นชิปจากอินเทลและ Infineon ซึ่งก็เป็นบริษัทที่ถูกอินเทลซื้อไปแล้ว โดย ณ เวลานั้น มีข่าวรายงานออกมาว่า สตีฟ จ็อบส์ รู้สึกยินดีกับการเข้าซื้อครั้งนั้นของอินเทลเป็นอย่างมาก เพราะในตอนนั้นอุปกรณ์ iOS ของแอปเปิลทั้งหมดได้มีการใช้ชิปของ Infineon ซึ่งในตอนนั้นไม่ได้มีไลเซ่นส์จากซัมซุง ในขณะที่อินเทลมี

ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือทีมกฎหมายของแอปเปิลได้ระบุว่า ชิป Qualcomm ที่แอปเปิลได้เลือกใช้ในอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี CDMA ที่วางขายอยู่ในปัจจุบันนั้นไม่ได้วางขายอยู่ในยุโรปในตอนนี้ และแอปเปิลยังได้กล่าวอีกว่าซัมซุงจงใจที่จะแก้ไขไลเซ่นส์สำหรับ Qualcomm ใหม่ว่าไม่ให้รวมแอปเปิล

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้พอจะสรุปได้ว่าคำอ้างของแอปเปิลทั้งหมด แอปเปิลบอกว่าพวกเขาไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตร เนื่องจากสิทธิบัตรทั้งหมดที่ซัมซุงกล่าวอ้างมานั้นรวมอยู่ในชิปจากอินเทลหมดแล้ว

แน่นอน ซัมซุงกลับไม่เห็นตามที่แอปเปิลอ้าง แล้วบอกว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่แอปเปิลได้เลือกใช้จงใจที่จะทำให้การตรวจสอบการนำเทคโนโลยีของซัมซุงไปใช้นั้นยากขึ้นมาก และแอปเปิลก็ได้วางขายไอโฟนในเนเธอร์แลนด์ในปี 2008 ณ เวลาที่ยังไม่ได้รับอนุญาตในการเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านั้นอย่างถูกต้อง ในขณะที่แอปเปิลก็ได้โต้กลับว่าซัมซุงเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนสำคัญรายใหญ่ของแอปเปิลก็ผลิตชิ้นส่วนเหล่านี้ต่อไปเรื่อย ๆ ให้แอปเปิลและไม่ได้ขอให้แอปเปิลซื้อไลเซ่นส์แต่อย่างใดจนกว่าจะถึงปี 2010 เนื่องจากแอปเปิลถือว่าเป็นลูกค้าที่สำคัญของซัมซุง ณ เวลานั้น โดยยอดสั่งซื้อชิ้นส่วนจากแอปเปิลมีมูลค่าถึง 4% ของธุรกิจซัมซุงทั้งหมด

แอปเปิลเองต้องการบอกกับซัมซุงว่า เทคโนโลยี 3G ของซัมซุงควรตกอยู่ในข้อตกลง FRAND (Fair, Reasonable and Non-discriminatory Licensing Conditions) ในขณะที่ซัมซุงเองก็โต้ในกรณีอีกว่าซัมซุงเคยเสนอให้แอปเปิลเลือกที่จะซื้อไลเซ่นส์ภายในข้อตกลง FRAND แล้วครั้งหนึ่ง แต่แอปเปิลกลับโวยวายใส่

ภายในสหรัฐอเมริกาเอง เครือข่ายใหญ่อันดับหนึ่งอย่าง Verizon Wireless ได้ออกมาแสดงจุดยืนแล้วว่าพวกเขาขอเลือกที่จะเข้าข้างซัมซุง และขอให้ศาลไม่ทำการแบนการขายสินค้าของซัมซุง เนื่องจากการกระทำดังกล่าว ไม่ใช่สิ่งที่คนในสังคมต้องการ

ทั้งหมดนี้จบลงด้วยหุ้นแอปเปิลที่ตกลงมา 1.5% ในวันนี้

ถ้าจะให้ผมเดา ทั้งหมดนี้อาจจะจบลงด้วยการตกลงนอกชั้นศาลระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงทางใดทางหนึ่ง (จำได้ไหมที่สุดท้ายแอปเปิลกับโนเกียต้องมาแบ่งปันสิทธิบัตรกันอย่างสันติ)

ที่มา - 9to5Mac

Blognone Jobs Premium