หลังงานแถลงข่าว iPhone เมื่อคืนที่ผ่านมา หลายคนที่คาดหวังว่าแอปเปิลจะเปิดตัว iPhone 5 ที่มีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ตามธรรมเนียม อาจจะรู้สึกผิดหวังเมื่อแอปเปิลเปิดตัวแค่ iPhone 4S ที่เป็นรุ่นอัพเกรดเล็กเท่านั้น
แต่ถ้าเราพิจารณาสิ่งที่แอปเปิลแถลงให้มากขึ้น ก็จะเห็นว่ามีประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่าง มากกว่าการเปิดตัว "ฮาร์ดแวร์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่" เพียงอย่างเดียว
ถ้าไม่นับการประกาศความสำเร็จต่างๆ และไม่สนใจ iPod nano/touch รุ่นใหม่ มุ่งเป้ามาสนใจเพียงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ iPhone เท่านั้น สิ่งที่แสดงนัยยะได้ดีที่สุดคือ press release อย่างเป็นทางการของแอปเปิล ซึ่งเขียนชื่อเรื่องว่า...
Apple Launches iPhone 4S, iOS 5 & iCloud
ส่วนคำกล่าวของ Phil Schiller ใน press ก็เขียนไว้ว่า (ดูที่เน้นตัวหนา)
“iPhone 4S plus iOS 5 plus iCloud is a breakthrough combination that makes the iPhone 4S the best iPhone ever,” said Philip Schiller, Apple’s senior vice president of Worldwide Product Marketing. “While our competitors try to imitate iPhone with a checklist of features, only iPhone can deliver these breakthrough innovations that work seamlessly together.”
ใช่แล้วครับ แอปเปิลไม่ได้เปิดตัว iPhone 4S เพียงอย่างเดียว แต่เราต้องมองว่ามันมาเป็นแพ็กสามคือ ฮาร์ดแวร์ iPhone 4S ซอฟต์แวร์ iOS 5 และบริการออนไลน์ iCloud
เพียงแต่ว่าแอปเปิลเปิดตัวสองอย่างหลัง iOS 5 กับ iCloud ไปแล้วเมื่อกลางปีก่อน ทำให้งานรอบนี้ลดความตื่นเต้นลงไปบ้าง แต่คนที่วิจารณ์ iPhone 4S ว่า "14 เดือนทำได้แค่นี้" ก็อาจจะไม่ถูกนักเช่นกัน เพราะการแถลงข่าวในปีนี้แบ่งเป็นสองรอบนั่นเอง (ถ้าเมื่อคืนแอปเปิลแถลงพร้อมกัน 3 อย่างเลย ปฏิกิริยาก็คงออกมาอีกแบบ)
ถ้าเข้าใจแบบนี้ตรงกันแล้ว ทีนี้เรามาดู "ชิ้นส่วน" แต่ละอย่างว่ามีรายละเอียดอย่างไรกันบ้าง
ในเว็บของแอปเปิลเขียนไว้ชัดเจนว่า iPhone 4S คือ "Picking up where amazing left off" ซึ่งเป็นการบอกใบ้กลายๆ ว่า iPhone 4 = amazing นั่นเอง
การเปลี่ยนแปลงจาก iPhone 4S จาก iPhone 4 เดิม ได้แก่
การเปลี่ยนแปลงในเชิงฮาร์ดแวร์มีไม่มากนักจริงๆ จุดที่เปลี่ยนแบบเห็นชัดๆ คงเป็นซีพียูกับกล้องเท่านั้น เรื่อง GSM/CDMA เป็นการปรับปรุงที่ดีทั้งในแง่ผู้ใช้ (ไปใช้ประเทศไหนก็ได้) และตัวแอปเปิลเอง (สต๊อกของรุ่นเดียว) แต่คงมีคนจำนวนไม่มากนักที่จะได้ใช้ฟีเจอร์นี้ และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรนัก (มือถือคู่แข่งทำมาก่อนแล้ว เช่น Droid 2 Global)
แต่ถ้าพิจารณากันละเอียดๆ ฟีเจอร์ทางฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มเข้ามา กลับเป็นฟีเจอร์ระดับ "สำคัญและจำเป็น" ต่อการใช้งานสมาร์ทโฟนในยุคใหม่เลย
แน่นอนว่ามีหลายๆ อย่างที่ยังสามารถปรับปรุงได้อีก แต่เราก็ไม่เห็นมันใน iPhone 4S อาจจะด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยี ธุรกิจ หรือยุทธศาสตร์ของแอปเปิล เช่น
สรุปโดยรวมแล้ว ในเรื่องฮาร์ดแวร์ iPhone 4S ไม่มีนวัตกรรมพลิกโลกให้เห็น แต่ก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นในหลายๆ จุด แถมเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันด้วย
สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ iOS 5 ที่เปิดตัวไปตั้งแต่งาน WWDC
ถ้าเราไม่สนเรื่องความเก่าใหม่ในการเปิดตัว iOS 5 พัฒนาจาก iOS 4 เยอะมาก โดยเฉพาะส่วนของตัวแกนระบบปฏิบัติการที่เป็นจุดอ่อนมานาน อย่างเรื่อง notification ที่ปรับปรุงให้สู้กับคู่แข่งได้แล้ว (สักที) และการคิดใหม่ทำใหม่ เลิกพึ่งพิงการเชื่อมต่อกับ iTunes ที่เริ่มล้าสมัย หันมาเชื่อมต่อตรงกับอินเทอร์เน็ตแทน
นอกจากนี้ยังมีแอพและความสามารถในระดับแอพพลิเคชันอื่นๆ เช่น iMessage (ออกมาสู้กับ BBM), Newsstand (ออกมาเกาะกระแสอีบุ๊ก) หรือ Twitter ในตัว ในงานรอบนี้ยังเปิดตัวฟีเจอร์ย่อยอื่นๆ อย่าง Cards และแท็บใน Safari อีกด้วย
ฟีเจอร์ใหญ่ที่เปิดตัวในงานรอบนี้คงหนีไม่พ้น Siri ที่ช่วยสั่งงานด้วยเสียง ในแง่ความสามารถอาจไม่ใช่ของใหม่ 100% (สาวกอย่าหลงเข้าใจกันผิด) เพราะ Voice Actions ของกูเกิลทำได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เพียงแต่ความเป็นแอปเปิลทำให้รูปแบบการนำเสนอของ Siri มีความแตกต่างออกไป และดูเป็นมิตรกว่า Voice Actions เยอะ
Siri จะดี-แย่แค่ไหน ต้องรอทดลองใช้กันจริงๆ (แถมคนไทยก็มีปัญหากับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาอังกฤษแน่นอน) แถม Siri ยังใช้ได้เฉพาะบน iPhone 4S เท่านั้น จึงทำให้กลุ่มคนที่ได้ใช้ยังมีไม่เยอะนักในช่วงแรก อันนี้ถือว่าน่าผิดหวังเช่นกัน (แอปเปิลไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมมีเฉพาะ iPhone 4S แต่คาดว่าเป็นเรื่องพลังประมวลผลของซีพียูด้วยส่วนหนึ่ง)
โดยรวมแล้ว iOS 5 ถือเป็นพัฒนาการที่ดีมากของ iOS ในการตามคู่แข่งให้ทันในหลายๆ จุด ไม่ว่าจะเป็น notification หรือ voice recognition และปรับปรุงฟีเจอร์ของระบบปฏิบัติการให้สมบูรณ์มากขึ้นในหลายจุด
ผมคิดว่า iOS 5 เป็นก้าวสำคัญของแพลตฟอร์ม iOS เฉกเช่นเดียวกับ iPhone 4 (ไม่ใช่ 4S) เป็นก้าวที่สำคัญของฮาร์ดแวร์สาย iPhone ดังนั้นใน iOS รุ่นหน้า เราอาจไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในระดับเดียวกันนี้อีก
iCloud เปิดตัวไปเมื่อกลางปีแล้วเช่นกัน รอบนี้ไม่มีอะไรใหม่จากเดิม แต่ยุทธศาสตร์ในภาพรวม มันคือการ "สร้างฐาน" ของแอปเปิลในโลกอินเทอร์เน็ต
ในกลุ่ม 3 ก๊กที่เคยนำเสนอไปหลายรอบ จุดอ่อนสำคัญที่สุดของแอปเปิลคือ "ออนไลน์" เพราะแอปเปิลมีรากเหง้ามาจากบริษัทฮาร์ดแวร์ (เลยทำฮาร์ดแวร์ได้ดี แต่บริการออนไลน์ยังขาด) ในขณะที่กูเกิลมาจากบริษัทออนไลน์ จึงไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ส่วนไมโครซอฟท์ถึงแม้จะไม่มีรากเหง้ามาจากออนไลน์เช่นกัน แต่ก็ลงทุนใน Bing และ Windows Live ไปมากในรอบสิบปีที่ผ่านมา
iCloud จึงเป็นความพยายามของแอปเปิลในการขึ้นมาตีเสมอคู่แข่งทั้งสอง เป็นการนำไอเดียหลายๆ อย่างใน Mobile Me ที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนักมาปรับปรุงใหม่อีกครั้ง ในภาพรวมมันจะช่วยให้แอปเปิลพร้อมจะแข่งขันมากขึ้นในระยะยาว ส่วนในระยะสั้นคงยังสู้คู่แข่งทั้งสองไม่ได้ แต่ก็ช่วยให้ผู้ใช้สะดวกมากขึ้นในหลายด้าน (แถมแอปเปิลได้ตังค์ด้วยเพราะคิดเงิน ในขณะที่กูเกิลกับไมโครซอฟท์ไม่คิดเงิน)
ประเด็นเล็กๆ อีกสองประการที่ไม่ควรมองข้ามไป คือ ช่องทางการขาย และสายผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล หลังประกาศ iPhone 4S
อย่างแรกคือช่องทางการขาย iPhone 4S ในสหรัฐอเมริกา เพิ่มจำนวนโอเปอเรเตอร์เข้ามาอีกหนึ่งคือ Sprint ทำให้ตอนนี้แอปเปิลมี iPhone ขายกับ 3 ใน 4 เครือข่ายใหญ่ของสหรัฐแล้ว (AT&T, Verizon, Sprint) ขาดแต่เพียง T-Mobile รายเดียวเท่านั้น ตรงนี้ไม่มีผลมากต่อบ้านเรา แต่ในสหรัฐที่เป็นตลาดหลักของแอปเปิลและพึ่งพิงการขายผ่านโอเปอเรเตอร์ เรื่องนี้มีผลมาก และจะทำให้ iPhone 4S ขายดีมากขึ้นไปอีก
อย่างที่สองคือสายผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล อยากให้ดูรูปนี้ครับ (รูปจากเว็บแอปเปิล หน้า Compare iPhone models)
นี่เป็นครั้งแรกที่แอปเปิลมี iPhone ขายพร้อมกันถึง 3 รุ่น! ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การออก iPhone รุ่นใหม่ราคาถูกมาทำตลาดโดยตรง แต่สังเกตว่าแอปเปิลเริ่มอุดช่องว่างเรื่องราคา โดยนำ iPhone รุ่นเก่ามาลดราคาขายแทน
ยุทธศาสตร์นี้เริ่มใช้มาตั้งแต่ปีก่อน โดยลดราคา iPhone 3GS ลง ในรอบนี้แอปเปิลทำแบบเดียวกันกับ iPhone 4 แต่กลับไม่ได้ตัด iPhone 3GS ออกไปจากสารบบ
ยุทธศาสตร์นี้มีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดีคือไม่ต้องแตกสายผลิตภัณฑ์ใหม่ ลดปัญหาเรื่อง fragmentation และบริการหลังขายไปได้มาก ส่วนข้อเสียคือลูกค้าจะรู้สึกว่าใช้ iPhone ตกรุ่น ซึ่งตรงนี้แก้ปัญหาด้วย "ราคา" นั่นเอง
ผมคิดว่าการเปิดตัว iPhone 4S ลักษณะนี้ จะทำให้รอบของ iPhone 5 (ซึ่งไม่ว่าจะยังไง ก็ต้องมีแน่ๆ) จะออกมาเร็วกว่าเดิม น่าจะกลับมาใช้รอบเดือนมิถุนายนเหมือนเดิม ทำให้ระยะระหว่าง iPhone 4S > iPhone 5 ลดลงมาอีกสักหน่อย ชดเชยกับรอบของ iPhone 4 > 4S ที่ยาวเกินปกติมาบ้าง (แต่นี่คือการคาดการณ์ของผมคนเดียวนะครับ)
มี iPhone 4 อยู่แล้ว และคิดจะใช้ iPhone ต่อไป
สองทางเลือก
ยังไม่มี iPhone 4 และอยากจะซื้อ iPhone เป็นเครื่องถัดไป
สองทางเลือกเช่นกัน
ผมคิดว่าการซื้อ iPhone 4 ราคาเต็มในตอนนี้คงจะไม่คุ้มแล้ว แต่ถ้าพิจารณาแล้วคิดว่าเหมาะก็ขึ้นกับวิจารณญาณครับ
คิดจะซื้อสมาร์ทโฟน แต่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะซื้ออะไร