ถึงจะโดนกลบด้วยงาน Let's talk iPhone ตามที่โหรหลายสำนักเคยฟันธงไว้ว่าเลื่อนงาน Max มาชน iPhone มีแต่เสียกับเสียแน่นอน ดังนั้นคนที่ติดตามจริงๆ ก็เลยกลายเป็นคนที่ทำงานด้านกราฟฟิค งานอาร์ต หรืออะไรก็ตามแต่แทน เพราะเชื่อว่าส่วนใหญ่ไปนั่งตื่นเต้นกับ iPhone 4S แล้วลุ้นว่า iPhone 5 จะออกหรือไม่ แต่แล้วก็ผิดหวังไปตามๆ กัน
งาน Adobe Max จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1-5 ตุลาคมที่ผ่านมา 5 วันนี้จะมี Keynote 2 วัน โดยอย่างที่รู้กันคือ เลื่อนให้มาชนกับ iPhone จังๆ เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ก็ยังไงก็ยังมี Keynote อีกวันคือเมื่อวันก่อน (3 ตุลาคม) ครับ ก็ขอสรุปเลยละกันว่า Keynote ทั้งหมดนั้นมีอะไรบ้าง
Day 1 : Creativity Unleashed
ดูข่าวของคุณ lew ประกอบได้ครับ
Keynote วันแรกจะเน้นการเปิดตัวของ Creative Cloud ที่เป็นเซิร์ฟเวอร์สำหรับแชร์ไฟล์ด้วยกันเองระหว่าง Creative Suite กับ Touch Apps ครับ โดยในปีนี้ Adobe มุ่งเน้นด้าน mobile และโซลูชั่นบนกลุ่มเมฆเป็นพิเศษ ซึ่งใน Keynote ก็ไม่ได้พูดถึงซอฟท์แวร์ตัวอื่นๆ เลย นอกจากบริการของ Creative Cloud และ Touch Apps สำหรับมือถือและแท็บเล็ต
อีกข่าวใหญ่ที่มาระเบิดกันกลางงาน MAX ก็คือการเข้ารวบ TypeKit และ PhoneGap (เหมือนจะขัดกับข่าวเก่าชักกล) และแปลงสองเครื่องมือนี้ให้มาเป็นส่วนหนึ่งของ Creative Cloud ด้วย โดยเจ้า TypeKit นี้จะสามารถช่วยให้เราสามารถสร้างฟอนต์ขึ้นมาได้ โดยฟอนต์ดังกล่าวจะถูกเก็บไว้ในฝั่งเซิร์ฟเวอร์ และสามารถใช้งานได้บนเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น โดยบริการนี้มีเสียค่าใช้จ่ายตามฉบับเสี่ย Adobe เหมือนเดิม
โดยตัว Application นั้น Adobe จะเปิดให้ดาวน์โหลดมาเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์แบบ Full License หรือถ้าใครงบไม่ถึง ก็สามารถขอเช่า License แบบปีต่อปีมาใช้งานได้เหมือนกับ Creative Suite เลย ซึ่ง Application ที่ถูกเก็บไว้ในฝั่ง Cloud ก็จะถูกอัพเดทเวอร์ชั่นของตัวมันเองอย่างอัตโนมัติจากเซิร์ฟเวอร์ของ Adobe ด้วย
จากที่กล่าวในตอนต้นว่า Keynote วันแรกนี้ เน้นฝั่ง Cloud และ Apps เป็นพิเศษ โดยด้าน Cloud ผู้ใช้สามารถเก็บไฟล์งานของตัวเองทั้งหมด มาไว้บนเซิร์ฟเวอร์ เพื่อเอาไปเปิดกับ Touch Apps ที่จะปล่อยให้ดาวน์โหลดกันทีหลังได้ หรือจะนำงานจาก Touch Apps มาเปิดกับฝั่ง Desktop App ได้เช่นเดียวกัน โดยด้าน Creative Community ที่ถูกยกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Creative Cloud นั้น ในตัวมันเองมีฟีเจอร์ที่สามารถแชร์ไฟล์ให้กับผู้อื่นได้ด้วย นอกเหนือจากการแชร์กับตัวเอง อีกทั้งยังสามารถพรีวิวงานที่กำลังทำอยู่ได้แบบอินเตอร์แอคทีฟ และนอกจากนี้ยังสามารถระบุฟอนต์ที่ทำมาจากไฟล์ของ InDesign ได้อีกด้วย
อีกส่วนที่ถูกยกขึ้นมาก็คือ Mobile Apps อย่างที่ทราบกันว่ามันมี Photoshop Touch, Proto, Debut, Collage, Carousel และ Kuler โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นตามข่าวเก่าของคุณลิ่ว (รายละเอียดเชิงลึก ลองอ่านได้จาก Product page ที่ทำลิงค์ไว้ครับ) และอีกตัวคือ Adobe Ideas ที่ถูกพอร์ตลงมาบน Android ด้วย โดยตัวโปรแกรมจะขาย License แบบแยก Apps ทีละตัว ราคาตัวละ $9.99 ไม่สามารถซื้อรวมกันได้ครับ (ยกเว้น Carousel จะต้องเช่าเอาในราคาปีละ $59.99 และมีเฉพาะฝั่ง iOS และ Mac เท่านั้น)
ที่มา - Tutsplus ผ่าน Flash Video Training Source // ดู Keynote ได้ที่นี่ครับ Creativity Unleashed - Adobe MAX 2011 Keynote
Day 2 : Creating the very best users experiences
เปิดฉาก Keynote วันที่สองกับการชนกันอย่างจังกับ iPhone 4s ที่วันนี้จะเน้นในกลุ่ม Developer มากเป็นพิเศษ (ต่างจากวันแรกที่เน้นไปทาง Designer) ด้วยการประกาศกร้าวดังเปรี้ยงว่า
HTML5 และ Flash คือทางเลือกที่อิสระสำหรับนักพัฒนา และ Adobe จะทุ่มเททรัพยากรไปทั้ง 2 เทคโนโลยีนี้เท่าๆ กัน
ซื้อ PhoneGap มาเป็นของตัวเอง
เกริ่นๆ มาตั้งแต่วันแรกว่าซื้อ PhoneGap มาพร้อมกับ TypeKit โดยเจ้า PhoneGap จะเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนา Application โดยใช้เครื่องมืออย่าง HTML5/JavaScript/CSS โดยพื้นหลังมาจาก Adobe Dreamweaver ซึ่ง Adobe ก็จะออกเครื่องมือสำหรับการพัฒนา คอมไพล์ และรันออกมาได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลามากครับ นอกจากนี้ก็จะเอาไปไว้บน Creative Cloud อีกด้วย
Adobe Edge Preview 3
หลังจากปล่อยให้เล่นกันเมื่อเดือนที่แล้ว มาในวันนี้ก็เพิ่มความสามารถในการใช้คำสั่ง Hyperlink, ตัว Timing สำหรับทำอนิเมชั่น และเรียกใช้งาน JavaScript ได้
ความคืบหน้าการพัฒนาระบบร่วมกับ W3C
ส่วนนี้เป็นภาคต่อจากงาน MAX เมื่อปีที่แล้วครับ ในปีนี้ก็มีความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยคือ CSS Region ที่มีความสามารถในการควบคุม Text Flow ใน HTML5 ให้ "คลุม" ภาพได้ โดยตอนนี้สามารถใช้งานได้ใน Chromium 16 (Dev) และ Internet Explorer 10 (WDP) นอกจากนี้ยังมี CSS Shader ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถใส่ Effect ให้กับ HTML5 ได้โดยผ่าน CSS ซึ่งก็มีตัวอย่างให้ดูกันที่เว็บ Adobe ครับ
Stage3D API
อย่างที่รู้กันว่า Flash 11 และ Air 3 มีความสามารถในการรองรับการประมวลผลผ่าน GPU และสามารถแสดงผลกราฟฟิค 3 มิติที่ความเร็ว 60 เฟรมต่อวินาทีได้ (และ Epic Games ก็ได้เอา Unreal Engine 3 ไปโชว์สดๆ กันในงาน) Adobe จึงได้ออกมากล่าวเพิ่มเติมกับฟีเจอร์นี้ใน Keynote วันที่ 2 ครับ โดยส่วนนี้เป็นส่วนคำคัญที่สุดของ Flash 11 ที่ทำให้มันสามารถรันกราฟฟิค 3D โดยอาศัย GPU ได้ มันสามารถแสดงผลได้อย่างค่อนข้างละเอียดเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการตกกระทบของแสง เงา และกราฟฟิคในส่วนอื่นๆ สามารถไปดูตัวอย่างได้ที่เว็บของ Nissan Juke
นอกจากนี้ยังมีการพรีวิวตัวอัพเดทล่าสุดของ Starring 2D Framework ที่ทำให้กราฟฟิคแบบ 2D สามารถเรียกใช้งาน GPU ได้ โดยใน Keynote Rovio ได้ออกมาทดลองเล่น Angry Birds เวอร์ชั่นเว็บ ที่สามารถแสดงรายละเอียดได้เหมือน PC เลยทีเดียว
นอกเหนือจากนี้ ไปดูได้ใน Flash Gaming Developer ได้ครับ
ที่มา - Adobe MAX News // ดู Keynote ได้ที่นี่ครับ Creating the very best users experiences - Adobe MAX 2011 Keynote